ตอนที่ 10 เทพีซุ้มยาดอง
“อย่ามาทำเป็นปากเก่งหน่อยเลย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหญิงเพียงเพ็ญบังคับให้ภารัญแต่งงานด้วย เธอก็คงไม่ได้เข้าใกล้เขาหรอก ใคร ๆ เขาก็รู้ว่าคุณภารัญเขารักลิตามากแค่ไหน”
“พวกคุณนี่ยังไงกันคะ หนูเพิ่งพูดไปหยก ๆ ว่าไม่สนอดีต เมื่อก่อนคุณภารัญเคยรักคุณลิตามากแค่ไหน เรื่องนั้น....ก็ไม่รู้สินะ หนูรู้แค่ว่า ตอนนี้หนูนอนเตียงเดียวกันทุกคืนเลย...ฮี่....” ยิ้มปั่นประสาทจากสาวน้อย ทำให้คนที่พยายามปกป้องเพื่อนถึงกันนั่งไม่ติดเก้าอี้
“นี่สาว ๆ ตกลงว่าจะกินมื้อค่ำ หรือว่าจะเถียงกันเรื่องภารัญกับเมียกันแน่ พวกเอก็เหมือนกันจะอะไรนักหนา ก็เห็นอยู่ว่าภารัญแต่งงานไปแล้ว” เพื่อนชายคนหนึ่งพูดแทรก นั่นเองจึงทำให้นักเรียนนอกทั้งหลายสงบลงได้ในที่สุด
“ภารัญนายอย่าลืมที่เราดวลเหล้ากันค้างเอาไว้”
“พวกเธอดวลเหล้ากันพวกฉันเห็นบ่อยแล้ว เอาอย่างนี้ดีหรือเปล่าครั้งนี้ให้พวกเราผู้หญิงดวลกันเองบ้าง” เพื่อนสาวแสนดีคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“พวกเธอเนี่ยนะจะดวลเหล้า”
“ใช่ ว่ายังไงมนตกานต์ เธอกล้าที่จะลงมาแข่งดื่มกับพวกเราไหม”
“หนูเหรอคะ” นิ้วชี้จิ้มเข้าหาตัวเอง ก่อนจะแหงนคอหันกลับไปมองหน้าภารัญ
“ใช่ ฉันขอท้าเธอมาดวลเหล้ากับพวกเรา”
“ได้ค่ะ / ไม่!” ภารัญปฏิเสธเสียงแข็ง ค้านกับคำตอบรับของมนตกานต์ ท่าทีห่วงใยภรรยาของภารัญทำให้ฝั่งสาว ๆ ลูกเศรษฐีไม่พอใจอย่างมาก
“ทำไมล่ะคะ คุณภารัญ หนูดื่มเป็นนะ”
“ไม่จำเป็นต้องไปทำเรื่องไร้สาระอย่างนั้นหรอก วันนี้ฉันตั้งใจพาเธอมาทานมื้อค่ำ และแนะนำให้เพื่อน ๆ ของฉันรู้จักเท่านั้น”
“คุณกลัวหนูแพ้หรือคะ”
“นั่นสิภารัญ ไม่เอาน่าแค่ดื่มเหล้าเท่านั้นเอง”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูคอแข็ง” มือป้องรองปาก ยื่นหน้าไปกระซิบกระซาบข้างหูสามี
“แน่ใจนะ”
“ค่ะ ตอนเรียนมหา’ลัยหนูนี่เป็นเทพีซุ้มยาดองเลยนะคะ”
“เธอแน่ใจนะ มนตกานต์”
“ถ้าคืนนี้หนูแพ้ หนูยอมนอนในห้องน้ำเลยค่ะ”
“ฮึ โอเค ฉันเชื่อใจเธอ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะเข้าใจหรือเปล่า”
“รับทราบค่ะ” มือบางยกขึ้นมาทำท่าวันถยาหัตถ์อย่างน่ารัก หน้ากลม แก้มป่องหันกลับมายังแก๊งเพื่อนสาวนักเรียนนอกทันที
“ถ้าเธอแพ้ อาหารมื้อนี้เธอต้องจ่าย” นักเรียนนอกคนหนึ่งยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที
“ไม่มีปัญหาค่ะ สามีหนูเพิ่งให้แบล็กการ์ดมา หนูกำลังอยากลองรูดมันพอดี” มนตกานต์ฉีกยิ้มพร้อมควักบัตรเครดิตการ์ดของภารัญที่ให้เธอเอาไว้จ่ายค่าไอศกรีมเมื่อกลางวันขึ้นมาชูอวด
“นี่ภารัญ....คุณให้เด็กคนนี้ถือแบล็กการ์ดของคุณเชียวหรือคะ”
ลิตามองบัตรเครดิตใบนั้นด้วยความริษยา เธอคบกับภารัญมาตั้งห้าปี แม้ภารัญจะดูแลเธออย่างดี ซื้อของกิน ของใช้ ของขวัญแบรนด์เนมประเคนให้เธอมากมาย แต่เขาไม่เคยให้เธอมีโอกาสได้ใช้หรือได้จ่ายบัตรเครดิตของเขาแม้แต่ครั้งเดียว
“ใช่ เพราะมนตกานต์เป็นภรรยาของผม”
“เฮอะ ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมรูดการ์ดได้เลย”
สาวไฮโซนั่งเอนจนตัวเอียง เสียงอู้อี้ อ้อแอ้ เหมือนกล้ามเนื้อส่วนลิ้นอ่อนเปลี้ยเพลียจนกระดกคำไม่ได้ ผิดกับสาวน้อยตาใสแจ๋วที่ยังนั่งซบแขนสามีพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ขัดหูขัดตาอดีตคนรักเก่าอย่างลิตา
“นี่พอแล้วน่า เธอแพ้แล้ว” กรรมการคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวทำท่าฝืนยกเหล้าแก้วสุดท้ายขึ้นดื่ม
“ม่ายยย ม่าย อาวววว”
“นี่ลิตา ฉันว่าพวกเธอพาแม่นี่กลับเถอะ”
“ม่ายย ฉัน ม่ายแพ้มาน”
“นี่ช่างมันเถอะน่า วันนี้พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
“เดี๋ยวสิคะ คุณยังไม่ได้จ่ายตังเลย เช็กบิลก่อนค่ะ
น้อง ๆ มาเก็บตังค่ะ” มนตกานต์ผลุดลุกขึ้นจากที่นั่งยกมือกวักเรียกบริการ
“นี่เธอ”
“คุณเป็นคนพูดเองนะ ว่าใครแพ้จ่ายเงิน คุณคงไม่เบี้ยวใช่ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกกานต์ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ไม่ได้ค่ะ ในเมื่อพวกเขาเป็นคนท้าดวลหนูก่อน แถมยังสร้างเงื่อนไขเอง แล้วจะมาเบี้ยวกันง่าย ๆ อย่างนี้ได้ยังไง แบบนี้มันไม่ตลกไปหน่อยหรือคะ นี่คุณมีเงินหรือเปล่า ถ้าไม่มียืมหนูได้นะ หนูไม่คิดดอกเบี้ยหรอก”
“อีเด็กนี่...”
“ได้ ฉันจ่ายเอง” ลิตามองขวางมายังเด็กสาวอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม ความแค้นในอกเหมือนไฟสุมจนหน้าชาร้อนผ่าว
“เยี่ยม!!! มันต้องอย่างนี้สิ” นิ้วหัวแม่มือชูยื่นไปทางลูกสาวเศรษฐีมีเงิน
“คุณภารัญขา” ภรรยาเด็ก วางคางเกยลงมาบนบ่าสูง กลิ่นเหล้าเคล้ามากับลมหายใจคลุ้งจนภารัญถึงกับส่ายหัว
“ว่าไง”
“หนูเมา” ปากบางห่อยู่ยื่นมาจุ๊บแก้มสาก จนภารัญหายใจสะดุด
“อืม เห็นแล้ว”
“คุณภารัญขา”
“ว่าไง” ภารัญเอี้ยวหน้ามองแก้มป่องซึ่งวางรองอยู่บนไหล่ของเขาอีกครั้ง
“หนูเมา จุ๊บ”
“อืมมมมม เห็นแล้ว”
“คุณภารัญขา”
“อะไรของเธออีก หือ”
“หนูเม้า จุ๊บ” แก้มนุ่มขยี้ลงมาบนไหล่
ภารัญหัวเราะหึ ๆ ออกมา เหลือบตาขึ้นไปยังกระจกมองหลัง เห็นลุงคนขับรถประจำบ้านนั่งอมยิ้มมองมายังเขาทั้งสอง จากนั้นปรับองศากระจกให้หันไปทางอื่นเหมือนไม่อยากรบกวนช่วงเวลาหวานชื่นของคู่สามีภรรยา
คนขับรถเดินอ้อมมาเปิดประตูรอ ขณะที่ภารัญช้อนพยายามรั้งร่างอ่อนปวกเปียกของเมียเด็กให้เข้ามาอยู่ในวงแขน แต่เพราะมนตกานต์สวมชุดกระโปรงสั้นทำให้ภารัญต้องใช้ความระมัดระวังมาก เนื่องจากไม่อยากให้ภรรยาโป๊ โชคดีที่คนขับรถเก่าแก่รู้หน้าที่เบนหน้าหันสายตาหนีไปทางอื่นเขาจึงสามารถอุ้มมนตกานต์หนีบเข้าเอวกระเตงออกมาจากรถได้ไม่ต่างอะไรกับอุ้มเด็กเล็ก ๆ
“ไปไหนกันมาลูก แล้วทำไมหนูกานต์ถึงมาสภาพนั้น” คุณหญิงเพียงเพ็ญ เดินลงมารอรับทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ แล้วรีบวิ่งไปคว้าเอาเสื้อสูทลูกชายมาจากมือคนขับรถเพื่อนำมาห่มคลุมส่วนสะโพกซึ่งกระโปรงสั้นมันร่นถลกสูงจนก้นงอนเกือบโผล่ออกมา
“ผมไปดื่มกับเพื่อน ๆ มานิดหน่อยครับ”
“รัญไปดื่ม แล้วทำไมน้องเมาล่ะลูก” คุณหญิงเพียงเพ็ญเดินไปข้าง ๆ คอยช่วยจับชายเสื้อปิดความโป๊ของลูกสะใภ้เอาไว้
“คุณป้าขา หนูเมา” สาวน้อยเอียงแก้มหันมาคุยกับแม่สามี
“จ้าลูก โถ”
“พี่รัญขา หนูกานต์เมา” เด็กสาวขี้อ้อนยิ้มหวานซบหน้าลงไปบนบ่าสามี ประโยคหวานทำเอาทั้งภารัญและคุณหญิงเพียงเพ็ญถึงกับยิ้มกริ่ม ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอใครเมาได้น่ารักเท่านี้มาก่อนเลย
“เดี๋ยวแม่ช่วยเช็ดตัวให้น้องเอง รัญไปอาบน้ำเถอะลูก”
“ไม่เป็นไรครับ ดึกแล้วคุณแม่ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวความดันขึ้นอีก เดี๋ยวผมดูแลน้องเอง” ภารัญบรรจงวางคนเมาลงไปบนเตียง จากนั้นรีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่าง เพราะกลัวว่าสาวเจ้าจะยกแข้งยกขาจนกระโปรงเปิดอีก
“แน่ใจนะลูก ว่าไม่ต้องให้แม่ช่วย”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น รัญดูแลน้องด้วยนะลูก”
ภารัญเดินกลับลงมายังห้องครัว เตรียมกะละมังกับมะนาวฝานใส่น้ำอุ่น ๆ ยกขึ้นไปยังห้องนอน ผ้าขนหนูผืนนุ่มชุบน้ำหมาดถูกเช็ดไปตามใบหน้ากระทั่งภารัญเห็นว่าเครื่องสำอางบนหน้านั้นมันไม่อาจลบได้ด้วยน้ำเปล่า เขาจึงเดินกลับไปยังโต๊ะเครื่องแป้งแล้วใช้คลีนซิ่งล้างเมคอัพทำความสะอาดจนภรรยากลับมาหน้าใส แล้วจึงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดทั่วทั้งตัว เสื้อผ้าทั้งชั้นนอก ชั้นใน ตัวเล็ก ตัวใหญ่ ภารัญไม่เกี่ยงในการจับถอดเปลี่ยนใส่ชุดนอนใหม่เพื่อให้คนเมารู้สึกสบายตัวที่สุด
“พี่รัญขา” คนเมาที่เขาคิดว่าหลับไปแล้วขยับตัวซุกเข้ามาอยู่กลางอ้อมกอด
“หือ ว่าไงครับ”
“หนูขอจับอันนี้พี่รัญได้ไหมคะ” มือบางคว้าหมับจับพวงเนื้อใต้ร่มผ้ากางเกงนอนของภารัญ มือเล็กขยำบีบจนเขาสะดุ้ง
“กานต์!!!”
“ใหญ่จังเลย”
“ยายเด็กบ้านี่ ปล่อย”
“อื้ออออ อย่าดิ้นสิ ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้ หนูจะจับ”
“กานต์ไม่เอานะ อย่าซน”
“ขอหนูจับหน่อยยยยย อะไรเอ่ย บ้องเท่าแขน ใบแล่นเสี้ยว หยำ หยำ หยำ อื้อออ ใหญ่จังเยย ใหญ่จังเยย วาสนาผู้ใดหนอ วาสนา นุกานต์หนอ...อู้ว อูวว”
“มนตกานต์ คราวหน้าห้ามเธอดื่มจนเมาอีกนะ ... .”