ตอนที่ 9 สถานะภรรยา

1923 คำ
ตอนที่ 9 สถานะภรรยา ภารัญล่ะนึกอยากคว้าแม่สาวตาโตนี่มาฟาดก้นสักสองสามที วันนี้ทั้งวันมนตกานต์ทำให้เขาใจหาย ใจคว่ำ มันเขี้ยวจนอยากหยิกแก้มป่อง ๆ นั้นเป็นการลงโทษ แล้วดูสินั่นขนาดเข้ามาเห็นของลับผู้ชาย จะอับ จะอาย หันหน้าหลบหรือก็ไม่มี “อันเบ้อเร่อเลย” “ออกไปรอข้างนอกก่อน ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่เสร็จ” “แต่หนูปวดฉี่” ขาหนีบเข้าหากันกับท่าทางบิดสะโพกไปมาจนภารัญถึงกับถอนหายใจ “เอาละ ๆ ถ้าอย่างนั้นเธอไปฉี่ก่อน” ภารัญถอนหายใจออกมายอมแพ้ให้กับภรรยา ที่พูดจาปากกับใจตรงกันอย่างกับไม้บรรทัด แล้วยอมเป็นฝ่ายเดินออกไปจากห้องน้ำในสภาพมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอว “เฮือกกกก คุณภารัญ” สิระเปิดประตูเข้ามายืนตาเหลือกมองเจ้านายด้วยความตกใจ “มีอะไร” “น้อง...น้องมนตกานต์ล่ะครับ” “อยู่ในห้องน้ำ” “อ้าว!!” “ออกไปก่อนไป” ภารัญสะบัดมือไล่เลขานุการส่วนตัวเพราะกลัวว่าจะเข้ามารู้เห็นความลับที่ภรรยาสาวอยากปกปิด มนตกานต์นั่งลงบนฝารองชักโครก ปลดปล่อยทุกข์จากการปวดท้องเบา หากแต่สมองไม่รักดี มันยังรีรันภาพดุ้นเอ็นลำยาว ขนาดใหญ่เกือบเท่าบ้องข้าวหลามไม่ยอมหยุด ความคิดทะเล้น ทะลึ่งมาสะดุดเมื่อตอนสาวน้อยฉี่สุดแล้วจะทำความสะอาดส่วนสงวน “เฮือกกกก ถ้าไอ้นั่นมันทิ่มเข้าไปในนี่ ว้ายยย” หน้าแดงเปลี่ยนสีเข้มขึ้น แถมสมองยังมึนจนคิดอะไรไม่ออก เพราะมีแต่ภาพกระบองสามีลอยไปลอยมา “วาสนาผู้ใด น้อ.....หื้อออ กานต์เอ๊ย ได้ของดีมาทั้งที ไม่มีสิทธิ์จิ้ม ชีวิตมันเศร้า” เมื่อตั้งสติ และขับความคิดจังรี้จังไรออกไปจากหัวได้ มนตกานต์จึงเดินกลับออกมาเห็นท่านประธานซึ่งควบตำแหน่งสามีนั่งไขว่ห้างกระดิกขารออยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน สีหน้าเรียบเฉยเย็นชาปราศจากเส้นแสดงอารมณ์ทางสีหน้าทำให้มนตกานต์อ่านความคิดของภารัญได้ยากเหลือเกิน บางทีอาจมีเพียงเธอเท่านั้นที่เคอะเขิน อย่างว่าแหละเขาเคยมีแฟนมาแล้ว แถมแฟนเก่ายังสวยอย่างกับนางฟ้า เขาจะมาตื่นเต้นกับเด็กกะโปโลอย่างเธอได้ยังไงกัน “คุณเรียกให้หนูขึ้นมาหา มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือคะ หรือคุณจะดุที่หนูทำไอศกรีมเลอะกางเกงคุณ” มนตกานต์นั่งหน้าเจื่อนอยู่หน้าโต๊ะทำงานใหญ่ เวลานี้ภารัญเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว “เปล่า แต่ฉันจะบอกเธอว่า เย็นนี้ฉันมีธุระ คงไม่ได้กลับบ้านพร้อมเธอ ฉันโทรกลับไปบอกคุณแม่แล้วว่า ให้คนขับรถที่บ้านมารับเธอที่บริษัท” “ไม่เป็นไรก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ” “ฉันบอกเธอแล้วว่า ฉันจะทำหน้าที่สามีอย่างดีที่สุด และสามีที่ดี ไม่ควรปล่อยให้ภรรยา ต้องนั่งรถกลับบ้านเอง” “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” มนตกานต์พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย หัวจิตหัวใจชุ่มชื่นอย่างบอกไม่ถูก “อีกสักพักฉันต้องออกไปข้างนอกแล้ว วันนี้มีนัดตีกอล์ฟ กับเพื่อนสมัยเรียนที่เมืองนอก เสร็จแล้วอาจจะชวนกันไปดื่ม คงกลับบ้านดึกหน่อยนะ” แต่ไหนแต่ไรมา การให้เกียรติคนรัก เป็นอุปนิสัยหนึ่งที่ภารัญยึดมั่นมาตลอด แม้การแต่งงานครั้งนี้มันมีขึ้นโดยปราศจากความสมัครใจ แต่ในเมื่อมนตกานต์ก้าวเข้ามายืนอยู่เคียงข้างในฐานะภรรยาถูกต้องตามขนบธรรมเนียม ประเพณี และมีกฎหมายอันชอบธรรมรองรับสถานะ ภารัญจึงไม่อาจละเลย ทำให้มนตกานต์คลางแคลงใจในทุก ๆ การกระทำ “รับทราบค่ะ” ยิ้มกว้างของภรรยาทำให้ภารัญสบายใจขึ้นมาก อย่างน้อยมนตกานต์ไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจและรับฟังเหตุผล “สวัสดีค่ะภารัญ” ลิตาอดีตคนรักเก่าที่มีอันต้องห่างกันเพราะเรื่องราวครั้งนั้นเดินยิ้มเข้ามาทักทายภายในสนามกอล์ฟ “ลิตา” “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ คุณไม่คิดถึงลิตาหรือคะ” สาวสวยเดินเข้ามาคล้องแขนอย่างคุ้นเคย ไม่ได้คิดแคร์สายตาของบรรดาเพื่อน ๆ ที่ต่างรู้กันอยู่เต็มอกว่าเวลานี้ภารัญแต่งงานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว “คุณมาด้วยหรือครับ ผมไม่ทราบเลย” “ทำไมลิตาจะมาไม่ได้คะ ลิตาเป็นเมมเบอร์วีไอพีที่นี่ แถมทุกคนในที่นี้ก็เพื่อนกันทั้งนั้น” “นั่นสิภารัญ แหม...แต่งงานไปแค่ไม่กี่วัน ลืมรักเก่าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ” เพื่อนสาวคนสนิทของลิตาเดินเข้ามายืนใกล้ สีหน้าท่าทางคำพูดบ่งบอกถึงความเห็นอกเห็นใจเพื่อนสนิท “พวกเราไม่คิดเลยนะภารัญ ว่าคุณจะเห็นแก่ตัวแบบนี้ คบหากับลิตามาตั้งห้าปี แต่ดันหนีไปแต่งงานกับเด็กบ้านนอกนั่น” “นั่นสิ อยากรู้จริง ๆ ว่าเด็กบ้านนอกกระจอก ๆ คนนั้นมีอะไรดี ถึงทำให้นายภารัญยอมทิ้งยายลิตาได้” “ตกลงว่าวันนี้นัดผมออกมาไดรฟ์กอล์ฟ หรือต้องการมาถากถางผมกันแน่” ภารัญหันไปมองหน้าลิตา รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมีเพียงเขา แม่ มนตกานต์และตัวลิตาที่รู้ว่าลิตาสร้างเรื่องน่ารังเกียจอะไรเอาไว้บ้าง นั่นจึงอาจเป็นเหตุให้ทุกคนยังคงคิดว่าเขาทิ้งขว้างอดีตแฟนสาวมาแต่งงานใหม่อย่างไร้เยื่อใย “อย่าพูดอย่างนั้นสิคะภารัญ ลิตายังรักและรอคุณเสมอนะ” “แต่ผมกลับไปหาคุณไม่ได้แล้ว” มือแกะเรียวแขนซึ่งกอดเกาะออกจากตัวแล้วเดินเลี่ยงไปอย่างไม่ไยดี “เฮอะ ไม่คิดว่าภารัญจะเย็นชาขนาดนี้” “พวกเธอดูเอาเถอะ เขาใจร้ายกับฉันแค่ไหน” “อยากเห็นหน้าอีเด็กนั่นจริง ๆ อยากรู้นักว่ามันใช้มารยาอะไร ทำไมภารัญถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้” “พวกเธอ อยากเห็นหน้ามันเหรอ” ลิตาหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ “คืนนี้ฉันจองห้องอาหารพิเศษไว้ พวกเราไม่ได้ดื่มด้วยกันมาสักพักแล้ว คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ” เพื่อนชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะโยนถุงสำหรับใส่ไม้กอล์ฟวางลงไปบนพื้น “ดีเลย ครั้งก่อนฉันยังดวลเหล้ากับนายค้างอยู่นะภารัญ” “ว่ายังไงล่ะภารัญ กลับบ้านดึกหน่อย ภรรยาของคุณคงไม่ว่าอะไรใช่หรือเปล่า” “ได้สิ ไม่มีปัญหา” “ภารัญคะ ลิตาไม่ได้เอารถมา ขอนั่งรถไปกับคุณนะคะ” ลิตาเดินเข้ามา สอดแขนแนบชิดเบียดหน้าอกติดคนรักเก่า “คือ...” “นะคะภารัญ ไหนคุณเคยบอกว่าถึงเราจะไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว เราสองคนก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ไงคะ คุณคงไม่ให้เพื่อนนั่งแท็กซี่ไปเองหรอกใช่หรือเปล่าคะ” “ครับ ได้” มือเหวี่ยงสะพายกระเป๋าสำหรับใส่ไม้กอล์ฟขึ้นไปพาดบ่าแล้วเดินนำหน้าไปยังรถที่จอดอยู่ “คุณภารัญ” “กานต์ เธอมาได้ยังไง” “อ้าว หนูนึกว่าคุณชวนมากินข้าว” “เฮอะ ที่แท้ที่มานี่เพราะเห็นแก่กินสินะ” สาวสวยกลุ่มหนึ่งเดินตามมาสมทบพร้อมคำพูดสบประมาท “มาก็ดี จะได้กลับบ้านพร้อมกัน” ภารัญเปิดท้ายรถ วางกระเป๋าใบหนักแล้วเดินกลับมาเปิดประตูรถให้ หากแต่คนที่แทรกพาตัวเองไปนั่งยังเบาะหน้ากลับไม่ใช่ภรรยา แต่เป็นอดีตคนรักเก่า “ขอบคุณค่ะ” ลิตาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เจ้าของรถ ท่ามกลางรอยยิ้มสะใจของเพื่อนสนิทหลายคน “คุณจะไปคันนี้เหรอ” ภารัญก้มลงไปถาม “ใช่ค่ะ” “อย่างนั้นคุณขับนะ พอดีผมเหนื่อย อยากนั่งสบาย ๆ” ภารัญยื่นกุญแจรถส่งให้ลิตา จากนั้นพยักหน้าเรียกให้คนขับรถของคุณหญิงเพียงเพ็ญซึ่งจอดรถรออยู่ไกล ๆ ให้ขับเข้ามาหา “ภารัญ!” “เจอกันที่ร้านนะ” แขนคล้องเกี่ยวเอวบางของภรรยาแล้วเดินจากมาในทันที “อะไรเนี่ย ทำไมภารัญถึงกล้าทำอย่างนี้” เพื่อนเก่าคนหนึ่งยืนตะลึงในท่าทีเย็นชานั้นด้วยความไม่เข้าใจ “พวกเธอคงเห็นแล้วนะ ว่าภารัญหลงเด็กนั่นแค่ไหน เขาเปลี่ยนไปมากจริง ๆ” สายตาอาฆาต มองตามแผ่นหลังคนเคยรักกัน ด้วยความเจ็บปวดเคียดแค้น “ไม่ต้องห่วง ยังไงพวกฉันก็อยู่ข้างเธอ” ร้านอาหารฝรั่งเศสแบบแยกห้องไพรเวตรูม รอบโต๊ะนั้นล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลาน ไฮโซผู้มั่งคั่งเรียนจบจากเมืองนอก เว้นไว้เพียงมนตกานต์ที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัย ราชภัฏแสนธรรมดา นั่งหน้ากลมมองเมนูอาหารเล่มสวย ด้วยความไม่มั่นใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองรอยยิ้มขบขัน สาแก่ใจของบรรดาสาวไฮโซทั้งหลาย “คุณภารัญคะ” ภรรยานัยน์ตาซื่อแหงนคอขึ้นไปมองสามีทันที “หือ ว่าไง” “หนูอ่านไม่ออก” เมนูอาหารซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นภาษาฝรั่งเศสถูกส่งคืนให้สามี เสียงหัวเราะขบขันเยาะหยันเปลี่ยนหน้าขรึมของภารัญเป็นยิ้มอบอุ่นละมุนละไมทันที “เดี๋ยวฉันสั่งให้ เมื่อกลางวันทานเนื้อแล้วนี่ใช่มั้ย ค่ำนี้เป็นล็อบสเตอร์ดีหรือเปล่า เธอเคยบอกว่าชอบอาหารทะเล” ภารัญกางเมนูใหญ่สวยพลางชี้นิ้วลงไปยังภาพตัวอย่างของอาหารแนะนำขึ้นชื่อของร้าน “ค่ะ” สาวน้อยพยักหน้าตาเป็นประกายเมื่อเห็น กุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่น่ากิน “ฮึ น่าอิจฉาเธอจังเลยนะมนตกานต์ ใช้เวลาแค่ไม่นาน ก็ทำให้ภารัญหลงหัวปักหัวปำได้ขนาดนี้” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยเสียงดังข้ามโต๊ะมาหา “เมื่อก่อนภารัญเขาก็ดูแลลิตาดีอย่างนี้ ดูเหมือนจะดีกว่าด้วย ลิตาน่ะเขาแทบไม่เคยต้องเปิดเมนูอาหารเองเลยนะ เพราะภารัญจำได้หมดว่าแฟนเขาชอบกินอะไร” “นั่นสิ สมัยก่อนเวลาพวกเรานัดทานข้าวกันอย่างนี้ ภารัญน่ะมักเอาอกเอาใจลิตาจนพวกเรานี่อิจฉาตาร้อนกันไปหมด นี่ยังคิดว่ากลับมาเมืองไทยครั้งนี้เขาจะแต่งงานกัน ไม่คิดว่าภารัญจะนอกใจไปคว้าเธอมาเป็นเมีย” “เรื่องอดีตที่ผ่านหนูไม่สนใจหรอกค่ะ แค่ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันก็พอ ก่อนหน้านี้คุณภารัญจะมีแฟนมาสักกี่สิบคนก็ไม่เป็นอะไรเลย แม่หนูเคยสอนว่า การยึดติดกับอดีตมากไป ทำให้เราเป็นคนโง่ เพราะเราจะไม่ยอมเติบโต เพราะมัวจมปลักอยู่แต่กับสิ่งที่เคยได้ เคยมี ตอนนี้คุณภารัญกับหนูเราสองคนแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วอย่างถูกต้อง เป็นที่ยอมรับ ทั้งทางสังคมและกฎหมาย ดังนั้นคนที่เข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างเรา จะไม่สามารถใช้คำว่าแฟนหรือคนรักเก่าได้ แถวบ้านหนู เรียกคนพวกนี้เพียงอย่างเดียวคือ ชู้” “นี่เธอ!!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม