ตอนที่ 8 ท่านประธาน

1542 คำ
ตอนที่ 8 ท่านประธาน “โอ๊ย ย้อน ย้อน ย้อน ย้อน” ปากอ้าเป่าลมเพื่อระบายความร้อนจากเนื้อย่างชิ้นใหญ่ “เป่าก่อนสิ เดี๋ยวก็ลิ้นพองหรอก ไหนมานี่ ฟู่วววว” มือแตะแก้มป่อง ประคองให้อยู่นิ่ง จากนั้นมีลมเบา ๆ เป่าออกมาจากริมฝีปากหยักของท่านประธานผู้เงียบขรึม “ตายแล้ว ยายน้องกานต์” ตาเหลือกสี่คู่กับปากค้างอ้ากว้างเหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตาเห็น “ก็หนูคิดว่าคุณเป่ามาให้หนูแล้วนี่คะ ฟู่ว ฟู่ว ฟู่ว” “เอาไว้ชิ้นต่อไป ฉันจะเป่าให้เย็นก่อน” นิ้วหัวแม่มือยื่นออกไปเช็ดคราบมันจากเนื้อย่างฉ่ำ ๆ ออกจากมุมปากข้างหนึ่ง “ขอบคุณค่ะ” ตาคมเห็นความเคลื่อนไหวรอบตัวที่หยุดชะงักลงไปชั่วขณะ ภารัญจึงแสร้งใช้กรรไกรตัดเนื้อย่างชิ้นใหญ่แล้วใช้ตะเกียบคีบมันแจกจ่ายไปยังพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียม เพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยพิรุธเมื่อครู่ “ทำไมวันนี้ คุณภารัญใจดีจังเลยคะ” พนักงานซีเนียร์เคี้ยวเนื้อย่างจนแก้มตุ่ยเอ่ยถามท่านประธาน “นั่นสิคะ แปลกจังเลย” “ปกติ ผมดูเป็นคนใจร้ายมากอย่างนั้นหรือ” “ไม่หรอกค่ะ แต่ว่าวันนี้คุณภารัญใจดีเป็นพิเศษ ชวนเรามากินเนื้อย่าง แถมยังเลี้ยงมื้อกลางวัน เป็นอาหารเกาหลี แถมยังย่างเนื้อให้พวกเรากินอีก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ค่ะ” “พอดี ผมไม่มีเพื่อนกินข้าวน่ะ โชคดีเจอพวกคุณเลยชวนมาทานด้วยกัน กินข้าวหลายคนมันก็สนุกดี” ใบงาสีเขียวสด รองเนื้อย่างชิ้นขนาดพอดีคำ จัดวางเครื่องเคียงครบ ถูกวางลงไปยังจานของมนตกานต์ ที่หยิบกินอาหารทุกอย่างที่ภารัญขยันวางลงไปให้ “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ถ้าคุณภารัญอยากมีเพื่อนกินข้าวเจี๊ยวจ๊าวเมื่อไหร่ โทรไปที่แผนกธุรการของพวกเราได้เลยนะคะ พวกเราว่างตลอดเลยค่ะ ยิ่งถ้ากินฟรีแบบนี้ว่างทั้งเช้า กลางวัน เย็นเลยค่ะ” หัวหน้าแผนกรีบออกตัว ตายังมองมือท่านประธานบรรจงคีบเนื้อย่างวางลงไปในจานของ มนตกานต์อย่างไม่ยอมปล่อยให้จานนั้นว่างของกิน “ได้สิ” “คุณภารัญทำช้า ๆ สิคะ หนูเคี้ยวไม่ทัน” มือยกขึ้นมาทำท่าหยิบแก้มป่อง ซึ่งด้านในมีอาหารคำใหญ่ถูกเคี้ยวค้างเอาไว้ คำร้องอุทธรณ์นั้นเองจึงชะลอความเร็วของท่านประธานต่อการเอาใจภรรยาลงได้ มื้อกลางวันแสนวิเศษ เพราะไม่มีเงินกระเด็นออกมาจากกระเป๋าพนักงานเงินเดือนน้อยเลย แม้แต่คนเดียว “จริงสิ ชั้นนี้มีร้านไอศกรีมร้านหนึ่งอร่อยมาก เป็นไอศกรีมสูตรเฉพาะมาจากญี่ปุ่น ทุกคนอยากลองทานหรือเปล่า” ปากถามทุกคน หากแต่สายตาพุ่งตรงไปยังภรรยาสาวที่เดินเอามือลูบพุงตึงเพราะกินอิ่มออกมาจากร้าน “ไอศกรีม กินค่ะ หนูชอบกินไอศกรีม” แก้มกลมกระเพื่อมขึ้นลงเพราะแรงพยัก ภารัญยืนเอามือล้วงกระเป๋ามองดูสาว ๆ สนุกสนานกับการเลือกรสชาติไอศกรีมเพลิน ๆ จนเมื่อมนตกานต์หันกลับมาส่งยิ้มให้ มือชูไอศกรีมในโคนวาฟเฟิลใหญ่ให้สามี เหมือนต้องการถามความเห็นว่าภารัญต้องการจะกินด้วยหรือไม่ ไหน ๆ วันนี้เขาก็ตั้งใจจะเอาใจมนตกานต์อยู่แล้วจึงพยักหน้ารับ สาวน้อยตาโตจึงวิ่งกลับมายังจุดที่เขายืน “คุณภารัญคะ ไอศกรีม” “กานต์ อย่าวิ่ง!” “ว้ายยยย” ความรีบร้อน ซุ่มซ่ามพันขาสองข้างไขว้เข้าหากัน มนตกานต์สะดุดอากาศถลาไปด้านหน้า สองมือจับยึดไอศกรีมอันมีค่าเอาไว้มั่น หากแต่มันดันพุ่งเข้าไปเสียบเข้าตรงกลางเป้ากางเกงของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ “กรี๊ดดด น้องกานต์ ตายห่าแล้ว” หัวหน้าแผนกแหกปากกรี๊ดลั่น ตามมาด้วยเสียงสบถ อุทาน แม่หก แม่หล่น และอีกสารพัดแม่จนเต็มร้าน “นี่เธอ!!” ภารัญก้มลงมองเป้ากางเกงตัวเอง ซึ่งเวลานี้ความเย็นแทรกผ่านเข้าไปจนถึงเนื้อในใต้ร่มผ้า เรียกได้ว่าเย็นจนไข่เกือบแข็ง “หื้อออ คุณภารัญหนูขอโทษ” มือเล็กตะปบลงไปพยายามเช็ดไอศกรีมออกจากเป้ากางเกงสามี “เอ่อ ไม่ ไม่ ไม่เป็นไร” “หื้ออออ โอ้มายก้อด” ตาโตเหลือกค้างเงยหน้ากลับขึ้นไปเหนือหว่างขากว้าง ปากบางอ้าพะงาบ ๆ อ้างับ อ้างับเหมือนปลากำลังขาดอากาศหายใจ สัมผัสบางสิ่งอันซ่อนหลบหลับใหลอยู่ใต้กางเกงสามี กระชากภาพกระบองยักษ์ในคืนวันที่เขาถูกลิตามอมยาให้แล่นกลับเข้ามาในหัว ภาพภารัญที่พยายามกอบกำขยำบีบท่อนเนื้อยาวในอดีต หากแต่ปัจจุบัน เป็นมนตกานต์ที่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากไอ้ดุ้นเนื้อใหญ่ “คุณภารัญ...มือ...มือหนู” เสียงสั่นแหบพร่า หากทว่าตาค้างมองสิ่งที่อยู่ในมือตัวเองตาไม่กะพริบ “ปล่อยสิ” ภารัญคว้าข้อมือเล็กนั้นแล้วพามนตกานต์ที่เหมือนกำลังอยู่ในอาการช็อกไปนั่งลงยังเก้าอี้ “ยายกานต์ เธอทำอะไรของเธอเนี่ย” หัวหน้าแผนกวิ่งจ้าละหวั่นไปถามหากระดาษมาเหมือนอยากทำความสะอาดให้ หากแต่เมื่อเห็นว่าคราบไอศกรีมมันเปรอะอยู่ตำแหน่งสำคัญจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือ “มือหนู...มือหนู” มือสั่นถูกยกขึ้นมากลางอากาศ ก่อนจะวางทาบลงไปยังแก้มทั้งสองข้าง สีผิวขาวซึ่งถูกบลัชออนปัดเบา ๆ เวลานี้เปลี่ยนเป็นแดงจัดราวกับเจ้าของแก้มป่องกำลังจะจับไข้ ภารัญซึ่งเมื่อครู่แม้จะตกใจและอาย แต่พอหันไปเห็นอาการตาลีตาเหลือก ปากสั่น มือสั่นของภรรยา ภารัญกลับอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ “เอ่อ คุณภารัญค่ะ” พนักงานสาวสองสามคนยืนละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก “ช่างเถอะ ผมไม่เป็นอะไร ไปดูมนตกานต์เถอะ” “แต่ว่ากางเกงของคุณภารัญ” “เอาบัตรเครดิตนี่รูดจ่ายค่าไอศกรีม เดี๋ยวผมจะกลับขึ้นไปเปลี่ยนกางเกงที่ห้อง ถ้ามนตกานต์หายตกใจแล้วบอกให้เขาขึ้นไปหาผมด้วย” “นี่ ยายน้องกานต์ ทำไมซุ่มซ่ามขนาดนี้” มือหยิกบิดเนื้อขาวเบา ๆ “เอามือมานี่สิ” หัวหน้าคนเดิมยกมือขึ้นมาทำท่าจะลงโทษ แต่เมื่อเห็นฝ่ามือขาวสั่น ๆ นั้นแล้วก็ตีไม่ลง “มือ มือ มือหนูค่ะพี่ หื้อออออ” หน้าแดงโผเข้าไปซบลงกลางอกของหัวหน้าแผนก “โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะ คุณภารัญเขาไม่ได้ดุอะไร ไม่ต้องกลัว” “ใช่ ๆ” รุ่นพี่ในแผนกเข้ามาล้อมปลอบโยน หากแต่ใครเลยว่าจะรู้ว่าในหัวของมนตกานต์เวลานี้ มีแต่ความรู้สึกนึกคิด สัมผัสของความนุ่มนิ่มเต็มไม้เต็มมือของสามี ความจังรี้จังไรในหัว วิ่งพล่านชนคุณสมบัติสตรี ที่แม่เคยสอน จนมันกระเด้งกระดอน คลอนแคลนไม่มั่นคง “เด็กบ้าเอ๊ย ซุ่มซ่ามจริง” ภารัญเดินกลับเข้ามายังห้องทำงาน ด้านในมีตู้ไม้หลังหนึ่งถูกดัดแปลงฝังเข้าไปในผนังเป็นตู้สำหรับใส่เสื้อผ้าสำรอง กรณีที่เขาจำเป็นต้องไปงานกินเลี้ยง สังสรรค์ หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในกรณีฉุกเฉินเช่นครั้งนี้ “คุณภารัญให้หนูขึ้นมาพบค่ะ” เมื่อตั้งสติได้มนตกานต์กดลิฟต์ขึ้นมาตามคำสั่ง พร้อมนำบัตรเครดิตของภารัญมาคืน “อ๋อ เข้าไปนั่งรอข้างในสิ” สิระ เลขานุการหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินมาเปิดประตูห้องให้ ผายมือเชื้อเชิญเข้าไปด้านในเพราะเจ้านายได้แจ้งเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว มนตกานต์เดินเข้ามาหยุดยืนมองห้องทำงานอันกว้างขวางใหญ่โต แต่ปราศจากเงาเจ้าของห้อง ใบหน้าเหลียวมองหันกลับไปยังประตูที่เลขานุการเพิ่งเดินจากไปแล้วนึกขึ้นมาได้ว่าสิระบอกให้ ‘รอ’ นั่นหมายความว่าภารัญอาจจะออกไปข้างนอก ขาหนีบชิดติดเข้าหากันเนื่องจากความตื่นเต้นกลัวสามีดุนั้นทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบรัดเร็วเกินไป กลายเป็นเวลานี้มนตกานต์รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมากะทันหัน เมื่อนึกถึงคำบอกเล่าหัวหน้าแผนกว่าห้องทำงานท่านประธานมีทุกอย่างครบครัน ไม่จำเป็นต้องเดินออกมาเข้าห้องน้ำรวมกับพนักงานคนอื่น มนตกานต์จึงลุกขึ้นเดินท่อม ๆ ด้อม ๆ มอง ๆ ไปยังประตูไม้บานหนึ่ง “ห้องน้ำ” ยิ้มกว้างขยับเหยียดมือจับลูกบิดเปิดเข้าไปด้านในทันที “นี่!” “เฮือกกกก !!” ประตูห้องน้ำส่วนตัวถูกผลักเข้ามาพร้อมกับภรรยา ที่เข้ามายืนตาเหลือกอ้าปากค้าง ภารัญก้มลงมองสภาพตัวเองที่เวลานี้ท่อนล่างนั้นปราศจากสิ่งป้องกันความอุจาดตา มือคว้าผ้าเช็ดตัวสะบัดมันขึ้นมาพันไว้รอบเอวแล้วรีบเดินมายืนอยู่ตรงหน้ามนตกานต์ที่ยังไม่หายจากอาการค้างแข็งไปทั้งตัว “นี่ หนูกานต์ หนูกานต์ หนูกานต์!!” มือโบกไปมาอยู่ตรงหน้าสาวน้อย “โห อันเบ้อเร่อเลย” “..!...!...!..”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม