ตอนที่ 7 พนักงานใหม่
พนักงานน้องใหม่เดินเข้ามาภายในแผนกธุรการทั่วไป ท่ามกลางสายตาอันเป็นมิตร พนักงานแก้มป่องแสดงออกถึงความนอบน้อม ว่านอนสอนง่าย จนผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งวัน มนตกานต์ก็กลายเป็นพนักงานน้องรักของพี่ ๆ ทุกคน
“น้องกานต์ ช่วยถ่ายสำเนาเอกสารพวกนี้หน่อยนะคะ ใช้ทั้งหมดสามสิบชุด ช่วงบ่ายทีมผู้บริหารต้องใช้ในการประชุม”
หัวหน้าแผนกเดินนำเอกสารสำคัญมาวางไว้ให้บนโต๊ะ มนตกานต์พยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะชะงักเมื่อก้มลงไปเห็นชื่อประธานกรรมการใหญ่ ซึ่งลงนามอนุมัติเอกสารข้างใต้ เพราะชื่อนามสกุลนั้นมันดันเป็นชื่อของสามีเธอ
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“คนนี้...ใครคะ” นิ้วชี้จิ้มลงไปยังชื่อของ นายภารัญ อัครเดชเดชา
“นั่นชื่อคุณภารัญ เจ้าของบริษัท”
“ว้าวววว ฉันคือเมียท่านประธานหรือนี่เหมือนในซีรีส์เลย” ตาโตมองค้างนึกไปถึงซีรีส์ดังที่ตัวเองชอบดู
“ถ้าถ่ายเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เย็บเล่มเข้าชุดเอาไปวางไว้บนโต๊ะกลางนะ”
พนักงานน้องใหม่จัดการทำงานที่ได้รับมอบหมายจนเรียบร้อย เดินตามหลังหัวหน้าแผนกขึ้นลิฟต์มายังชั้นที่มีเอาไว้สำหรับจัดการประชุมใหญ่ มนตกานต์เดินนำเอกสารไปวางเรียงตามเก้าอี้ประจำครบทุกที่นั่ง จัดการเตรียมทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง กระทั่งบรรดาผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่หัวหน้าแผนก
“อ้อ น้องกานต์เดี๋ยวไปห้องด้านข้างนะคะ ไปบอกแม่บ้านว่าขอกาแฟให้คุณภารัญแก้วหนึ่ง”
“ค่ะ”
มนตกานต์เดินเข้ามาหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่ภายในห้องสำหรับจัดเตรียมเบรก แต่ไม่ยักเห็นแม่บ้านตามที่หัวหน้าบอก ตามองออกไปเห็นสามีเดินเร็ว ๆ เปิดประตูเข้าไปภายในห้องประชุมแล้วยิ่งนึกร้อนรน
“กาแฟของคุณภารัญหรือ...อืม ไม่น่ายาก”
สาวน้อยหยิบแก้วกาแฟแบบมีหูจับนำมาวางแล้วตักกาแฟดำยี่ห้อดังเติมลงไปสามช้อนตวง เติมน้ำร้อนจนกลิ่นหอมกาแฟเข้ม ลอยมาเตะจมูก ช้อนกาแฟถูกตักยกน้ำกาแฟสีดำขึ้นมาแตะลงบนลิ้นอ่อน ปากเบะแสยะอย่างขนลุกขนพองให้กับความขมไม่กลมกล่อม ช้อนสั้นจ้วงตักน้ำตาลทรายเติมใส่ลงไปอีกก่อนจะชิมรส แต่ความขมนั้นเหมือนมันไม่ดีขึ้นเลยสักนิด
“ใส่ไปตั้งเจ็ดช้อนแล้วนะ ไม่เห็นอร่อยเลย” พนักงานน้องใหม่ยืนบ่นอยู่หน้าแก้วกาแฟ
“น้องกานต์กาแฟท่านประธานได้หรือยังคะ”
“อ้อ..นี่ค่ะ แต่ว่ามัน....” มือบางยกค้างอยู่กลางอากาศ เมื่อหัวหน้ายกถาดรอง นำกาแฟแก้วนั้นเดินออกไปอย่างรีบร้อน มนตกานต์วิ่งตามออกมาแต่ไม่ทัน เพราะกาแฟแก้วนั้นถูกนำไปวางลงตรงหน้าสามีเรียบร้อยแล้ว
พรวด ! กาแฟดำรสชาติอำมหิต ถูกภารัญพ่นออกมาทันทีที่มันสัมผัสลิ้น
“คุณภารัญครับ เกิดอะไรขึ้นครับ” สิระเลขานุการทะลึ่งลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้รีบวิ่งเข้ามาดึงกระดาษทิชชูไปช่วยเช็ดปาก เช็ดเสื้อและคราบน้ำกาแฟบนโต๊ะ
“มนตกานต์” หัวหน้าแผนกหันขวับกลับมายังประตูห้องประชุม ที่มุมหนึ่งมีพนักงานน้องใหม่ยืนยกมือไหว้หลบอยู่หลังประตู
มนตกานต์ตัดสินใจเปิดประตูเดินย่องเข้ามาภายในห้องท่ามกลางสายตาน่ากลัวของเหล่าผู้จัดการทั้งหลาย และหนึ่งในนั้นคือผู้ชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะด้านในสุด
“กาแฟนี่เธอชงหรือ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เมื่อมนตกานต์เดินมายืนอยู่ตรงหน้า
“ค่ะ ป้าแม่บ้านเขาไม่อยู่ หนูเลยชงเอง” หน้าสลดก้มงุด ๆ อย่างสำนึกผิด
“ของฉันกาแฟดำสามช้อน ไม่ใส่น้ำตาล เธอช่วยกลับไปชงมาให้ฉันอีกแก้ว ได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่ใส่น้ำตาล มันขมนะคะ”
“ขมก็ไม่เป็นไร ฉันกินได้”
“โอเคค่ะ” พนักงานน้องใหม่หันมายิ้มแห้งให้กับผู้จัดการทั้งหลายแล้วรีบเดินเร็ว ๆ ออกจากห้องเพื่อกลับไปชงกาแฟแก้วใหม่ให้ท่านประธาน
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีน้องเขาเพิ่งมาทำงานวันแรก” หัวหน้าแผนกนั่งหน้าซีดมือสั่นทำอะไรไม่ถูก
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ ประชุมต่อได้เลย”
“น้องกานต์เอามือมานี่” มือนุ่มตีลงมาบนฝ่ามือของมนตกานต์เบา ๆ เป็นการลงโทษ
“หนูขอโทษค่ะ”
“พี่เกือบหัวใจวายตายเลย โชคดีนะที่วันนี้คุณภารัญอารมณ์ดี ไม่อย่างนั้นตายหมู่แน่ ๆ”
“ทำไมคะ ปกติคุณภารัญดุมากหรือคะ”
“ดุสิ”
“ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าหนูจะระวังนะคะ”
ติ๊ง เสียงโทรศัพท์แจ้งข้อความเข้า ดึงเอาความสนใจของมนตกานต์ไปจากการสนทนา เด็กสาวเดินไปเปิดโทรศัพท์อ่านข้อความจากสามีแจ้งให้รู้ว่าหลังจากเลิกงานแล้ว ให้เธอไปรอที่รถซึ่งจอดอยู่บนอาคารด้านหลัง เพื่อจะได้กลับบ้านพร้อมกัน
“ทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้าง” ภารัญเอ่ยถามภรรยาซึ่งนั่งอยู่บนเบาะรถด้านข้าง
“ทำไมคุณไม่บอกหนูล่ะคะว่านี่เป็นบริษัทของคุณ”
“สมมุติว่า ถ้าฉันบอกเธอจะมาสมัครงานที่นี่หรือเปล่า”
“อืมมมม อาจจะไม่ค่ะ” แก้มป่องเพราะอมเอาลมเข้าไปเก็บไว้ภายในส่ายหน้าช้า ๆ
“ทำไมล่ะ”
“หนูกลัวคนอื่นคิดว่าหนูใช้เส้นคุณเข้ามานี่คะ หรือว่าที่หนูได้งานเพราะคุณบอกให้เขารับหนูหรือ โธ่ หนูอุตส่าห์ดีใจ คิดว่าได้มาเพราะความสามารถ”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย เรื่องงานนั่น ฉันไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายฝ่ายบุคคลสักครั้ง ถ้าฉันจะใช้เส้นสาย ฉันจะช่วยเธอซ้อมบทสัมภาษณ์ทำไม ส่วนหัวข้อที่ฝ่ายบุคคลใช้ฉันก็แค่คาดเดาตามหลักมาตรฐานทั่วไป”
“จริงนะ คุณไม่ได้ช่วยหนูแน่นะคะ” แก้มป่องเอียงข้างหันมาจ้องหน้าสามี
“เธอคิดว่าถ้าฉันบอกใครต่อใครว่าให้รับเธอเข้าทำงานเพราะมีท่านประธานหนุนหลัง เขาจะส่งเธอไปแผนกธุรการทั่วไปหรือไง”
“อืมมม ก็จริง หนูเชื่อคุณก็ได้”
“ทำไม ไม่อยากให้คนอื่นรู้อย่างนั้นหรือว่าเราเป็นสามีภรรยากัน” ภารัญละสายตามาจากท้องถนนเพื่อถามเหตุผลคนนั่งข้าง ๆ
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้รู้ค่ะ แต่หนูไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา ดูอย่างวันนี้สิคะ ถ้าคนพวกนั้นรู้ว่าหนูเป็นภรรยาคุณแต่ชงกาแฟให้สามีไม่เป็น มีหวังคนได้หัวเราะเยาะคุณทั้งบริษัท ที่มีเมียไม่เอาไหน”
“ตามใจเธอแล้วกัน”
“เลิกงานแล้ว ลงมารอที่รถนะจะได้กลับบ้านพร้อมกัน” ภารัญหันไปกำชับมนตกานต์หลังจากขับรถเข้ามาจอดยังช่องสำหรับผู้บริหารในอาคารจอดรถ
พนักงานน้องใหม่เดินแยกไปกดลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่างต่ำลงไปอีกเจ็ดชั้น อันเป็นสถานที่ตั้งของแผนกธุรการ แผนกที่มีงานมาก แต่พนักงานน้อย เพราะมีกันอยู่เพียงสี่คนเท่านั้น
“เที่ยงนี้ไปกินอะไรกันดี” พนักงานซีเนียร์คนหนึ่งลุกขึ้นยืนเพื่อถามความเห็น
“ก๋วยเตี๋ยวเป็ด”
“ขนมจีนบุฟเฟต์”
“ส้มตำร้านปาแต๋น”
“ข้าวแกงปักษ์ใต้ ชั้นยี่สิบ”
โพยฉลากถูกเขียนใส่กระดาษหย่อนลงไปในกระป๋องพลาสติกใส ใบหน้าของรุ่นพี่เอี้ยวหันมามองดูพนักงานใหม่ที่ยังไม่ได้ออกความเห็นเพียงคนเดียว เนื่องจากหน้าจอโทรศัพท์นั้นภารัญเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปกินข้าวมื้อกลางวัน ให้มนตกานต์ลงไปรอเขาที่ชั้นยี่สิบสอง
“เอ่อ...”
“ว่าไงคะน้องกานต์อยากทานอะไร”
“ชั้นยี่สิบสองมันขายอะไรหรือคะ” มนตกานต์หันไปถามคนที่ทำงานมาก่อนหลายปี
“ชั้นยี่สิบสองเหมือนจะเป็นพวกร้านอาหาร กับพวกภัตตาคารนะ พี่ก็ไม่เคยไปหรอก”
“หนูไม่รู้ว่าแถวนี้มีอะไรอร่อยบ้าง หนูสละสิทธิ์ไม่ออกความเห็นได้หรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้สิ แผนกเรารักความเป็นประชาธิปไตยเป็นหลัก เอาอย่างนี้ใส่ชั้นยี่สิบสองไปแล้วกัน” พี่สาวคนหนึ่งเขียนโพยแล้วโยนกระดาษแผ่นนั้นลงไปรวมกับชื่อร้านอาหารก่อนหน้า
หัวหน้าแผนกเดินมายกมือไหวกระป๋องพลาสติก แล้วหยิบกระดาษที่ถูกม้วนอยู่ข้างในออกมาชิ้นหนึ่ง
“ชั้นยี่สิบสอง”
“หา!!” มนตกานต์สะดุ้งจนแก้มป่องสั่น ไม่คิดว่ามือหัวหน้าจะแม่นขนาดนั้น
“ไป กินข้าวกัน”
ประตูลิฟต์โดยสารสีทองถูกเปิดออกพร้อมกับเหล่าบรรดาสาว ๆ จากแผนกธุรการทั่วไปเดินตามกันมา รั้งท้ายนั้นภารัญมองเห็นยิ้มเจื่อนจากภรรยา พร้อมมือบางสะบัดโบกไปมาเหมือนส่งสัญญาณให้เขารู้ว่าเธอยังไม่พร้อมเปิดตัว
“คุณภารัญสวัสดีค่ะ มาทานข้าวเหมือนกันหรือคะ”
“ครับ แล้วนี่มาทานข้าวกันหรือ”
“ค่ะ บังเอิญจับสลากได้” ธุรการสาวเสียงใสรีบตอบทันที
“ถ้าอย่างนั้น ไปทานด้วยกันสิ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
“หื้อออ คุณภารัญจะเลี้ยงจริงหรือคะ” หัวหน้าแผนกตาโตรีบยกมือขึ้นมาทาบอก
“ทำไม ไม่เอาเหรอ”
“เอาค่ะ เอา....” เสียงประสานตอบตกลงอย่างพร้อมเพรียง ขาดไปเพียงเสียงเดียวคือคนต้นคิดที่จะมาทานอาหารที่นี่
ชื่อร้านอาหารเขียนเป็นภาษาเกาหลีที่ไม่ว่ามนตกานต์จะตะแคงคออ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ คือจุดหมายปลายทาง มื้อกลางวันอันตระการตาละลานไปด้วยอาหารระดับพรีเมียม เรียงจานจนเต็มโต๊ะ
“..!....!....!.” สายตาหลายคู่สะดุดหยุดลงยังจานอาหารของพนักงานน้องใหม่ ซึ่งท่านประธานเพิ่งคีบตักวางอาหารใส่ลงไป
“ขอบคุณค่ะ” สาวน้อยยิ้มขอบคุณ คีบเนื้อฉ่ำควันฉุยใส่เข้าไปในปากทันที
“โอ๊ย ย้อน ย้อน ย้อน ย้อน”