ตอนที่ 5 คืนเข้าหอ
งานแต่งของลูกชายคนเดียวของคุณหญิงเพียงเพ็ญ เป็นที่จับตามองของสื่อสังคมทุกสำนัก ส่วนหนึ่งนั้นเพราะทุกคนล้วนต่างเพ่ง ต่างลุ้นอยากเห็นหน้าสะใภ้หมื่นล้าน และงานแต่งครั้งนี้ยิ่งกลายเป็นข่าวซุบซิบนินทาในวงกว้าง เมื่อรู้ว่าเจ้าสาวนั้นไม่ใช่ลิตา แฟนสาวที่ภารัญเคยควงแขนกันออกงานก่อนหน้านั้น
“ลิตา” เจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาวมองดูอดีตคนรักเก่าด้วยความอึดอัด
นับตั้งแต่เกิดเรื่องถูกมอมยาคราวก่อน ภารัญมีโอกาสรับโทรศัพท์จากลิตาเพียงสองครั้ง ครั้งแรกนั้นเธอโทรมาขอร้องให้เขาถอนแจ้งความ โดยอธิบายว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด หากแต่หลักฐานทุกอย่างที่คุณหญิงเพียงเพ็ญนำมาให้เขาดูนั้น มันยากเกินกว่าจะเชื่อใจกันอีก ลำพังเพียงเขาถูกยาปลุกเซ็กซ์จนเกือบหัวใจวายตาย ภารัญยังพอให้อภัยได้ หากแต่มนตกานต์ที่เกือบถูกหลอกไปให้คนเลวย่ำยี เรื่องนี้ภารัญรับไม่ได้จริง ๆ
ครั้งที่สองลิตาต้องการขอโอกาสในการกลับมาคบหา หากแต่ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เขาเคยมีต่อเธอ เหมือนมันมีร่องรอยแตกร้าว เชื่อมไม่สนิท เขาจึงไม่ได้ตอบตกลง แต่ยังคงสถานะเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“ภารัญ” ร่างบางโผเข้ามาสวมกอดเขาแน่น สองแขนกอดรัดจนภารัญไม่อาจขยับ
“ลิตาปล่อยเถอะ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”
“ไม่ดีอย่างนั้นหรือคะ ทำไมล่ะคะภารัญ เราสองคนเป็นคนรักกัน เมื่อก่อนเรากอดจูบกันต่อหน้าคนอื่นออกบ่อย คุณไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจลิตาเลยนะคะ”
“แต่ตอนนี้ ผมแต่งงานแล้ว”
“คุณเคยบอกว่า คุณไม่ได้รักยายเด็กบ้านนอกนั่น เราหนีไปด้วยกันนะคะภารัญ”
“หนีไป อย่างนั้นหรือลิตา”
“ลิตารู้นะคะว่าคุณยังรักลิตาอยู่ เรื่องครั้งก่อนที่ลิตาทำไปเพราะลิตาไม่อยากเสียคุณไป ลิตารักคุณ เรารักกันมาตั้งห้าปี ลิตาฝันมาตลอดว่าเราจะได้แต่งงานสร้างครอบครัว มีลูกด้วยกัน ลิตาผิดหรือคะ”
“คุณรักผม เรารักกัน แต่คุณก็ไม่ควรทำอย่างนั้น
มนตกานต์เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
“แต่มันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ มันไม่ได้ไปที่นั่นด้วยซ้ำ แม่คุณอาจจะวางแผนใส่ร้ายลิตาก็ได้”
“ลิตา...”
แววตาแห่งความผิดหวังในตัวของอดีตคนรัก ทำให้ภารัญหวนนึกไปถึงคำเตือนสติของแม่บังเกิดเกล้า นิ้วมือค่อย ๆ แกะเอาท่อนแขนนั้นออกไปจากตัวอย่างนุ่มนวล เขาเป็นลูกชายคนเดียวและเป็นดังความหวังของแม่ หากคืนนั้นเขาออกจากร้านเหล้าช้ากว่านี้ หรือมนตกานต์กับแม่ไม่ได้ตามไป บางทีงานมงคลสมรสในคืนนี้อาจกลายเป็นงานศพ และรอยยิ้มของแม่อาจเปลี่ยนเป็นเสียงร่ำไห้
“นะคะภารัญ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะคะ ลิตาสัญญาว่าต่อไปนี้ลิตาจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว”
“ผมแต่งงาน จดทะเบียนสมรส กับมนตกานต์เรียบร้อยแล้ว ผมขอโทษด้วยที่คงไม่อาจให้ได้ตามที่คุณขอ”
“คุณจะทิ้งลิตาไปอย่างนี้หรือคะ”
“ผม...”
“ทิ้งจ้ะ อย่างน้อยตอนนี้ ภารัญต้องไปเข้าหอกับหนูกานต์แล้ว” คุณหญิงเพียงเพ็ญเดินออกมาจากมุมหนึ่ง ยืนกั้นกลางระหว่างลูกชายและอดีตคนรัก
“คุณแม่”
“ภารัญ เดี๋ยวจะเลยฤกษ์มงคลที่วางเอาไว้ ลูกควรไปได้แล้วนะ”
“คุณป้าคะ!” เสียงแหลมตวาดดังตาขวางมองไล่หลังเจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาวที่กำลังเดินจากไป
“ลิตา ถ้าเธอยังไม่หยุด ฉันจะขุดวีรกรรมความเลวของเธอ ออกมาแฉให้หมด”
คู่บ่าวสาวนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้นห้องหอ อันปูลาดเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบสีแดงกำมะหยี่ บนเตียงใหญ่มีรูปหัวใจคู่ทำจากดอกไม้กลิ่นหอม เพื่อนสนิทสองคนนั่งอมยิ้มมองลูกตัวเองอย่างยินดี
“แม่อวยพรให้ลูกทั้งสองคนมีความสุขมาก ๆ นะลูก กานต์ต่อไปหนูแต่งงานเป็นเมียพี่เขาแล้ว อย่าทำอะไรให้พี่เขาต้องหนักอก หนักใจนะลูก” กชกรประคองฝ่ามือลงไปแนบแก้มป่องของลูกสาวคนเดียว
“ค่ะแม่”
“ภารัญ ป้าฝากดูแลน้องด้วยนะลูก หนูกานต์อาจจะดื้อรั้นไปบ้าง หนักนิดเบาหน่อย หากอภัยได้ภารัญอภัยให้น้องนะลูก วันหน้าถ้าน้องทำผิดหนักหนาจนเกินอภัย หรือวันใดที่ภารัญไม่ต้องการลูกป้าแล้ว ป้าขอร้อง อย่าตบ อย่าตี ทำร้ายให้หนูกานต์ต้องเสียใจ แค่ส่งเขาคืนกลับมาให้ป้า”
“ผมจะดูแลหนูกานต์ให้ดีที่สุดครับ”
“ภารัญ วันนี้แม่ดีใจและมีความสุขที่สุดเลยลูก” คุณหญิงเพียงเพ็ญอ้าแขนดึงลูกชายไปสวมกอดด้วยน้ำตาคลอ
“แม่ขอให้ลูกสองคนมีความสุขมาก ๆ แล้วรีบมีหลานให้แม่เร็ว ๆ นะ”
คล้อยหลังแม่ทั้งสองคนเดินออกจากห้องหอไปแล้ว ภารัญหันไปมองเจ้าสาวหน้าเด็กที่ร้องครางโอดโอย ขณะ
ค่อย ๆ เหยียดขาออกมาจากท่าพับเพียบ
“โอยยยย เหน็บกินขา”
“เธอนี่มันจริง ๆ เลยนะ ไปอาบน้ำ อาบท่าได้แล้วไป” ภารัญลุกขึ้นขยับคลายหูกระต่ายและปลดกระดุมเสื้อเพื่อคลายความอึดอัด
ภรรยาว่านอนสอนไม่เถียง ลุกขึ้นเดินโขยกเขยกเพราะเหน็บกินขาถือผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องนานหลายนาที กว่าจะโผล่หน้าออกมากวักมือเรียกเขา
“คุณภารัญคะ”
“อะไรอีก”
“คุณมาช่วยหนูหน่อยค่ะ”
“ทำไม มีอะไร นี่อย่าบอกนะว่าเดินชนขอบโต๊ะ ขอบเตียง ขอบอะไรเข้าให้อีก”
“เปล่าชนค่ะ แต่ว่าไอ้นี่มันแกะยังไงคะ”
เจ้าสาวในชุดสวยยกมือขึ้นไปคลำบนหัวตัวเอง ซึ่งด้านบนมีดอกไม้ อะไรต่อมิอะไรเสียบประดับเอาไว้มากมาย ภารัญจำใจเดินเข้ายืนช่วยแกะเครื่องประดับทั้งหลายออกให้ยังใช้เวลาหลายนาที
“คุณภารัญคะ เราจะทำยังไงกันดี” สาวน้อยยืนกอดอกมองเตียงใหญ่ด้วยท่าทางครุ่นคิด
“ถ้าเธอไม่สบายใจ ฉันจะไปนอนห้องอื่นก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าคุณไปนอนห้องอื่นความก็แตกสิคะ”
ก่อนหน้านั้นเพื่อความสบายใจของทั้งสองคน ภารัญและมนตกานต์ตกลงกันว่า จะใช้ชีวิตคู่แบบสามีภรรยาในแบบตัวเอง การแต่งงานนี้เกิดขึ้นเพราะคนทั้งคู่ถูกบังคับ หาใช่เกิดจากความสมัครใจ แต่ทั้งสองยินดีที่จะซื่อสัตย์และให้เกียรติกันซึ่งกันและกัน หากแต่ขอเว้นช่องว่าง สร้างระยะห่างเพื่อให้ให้ต่างฝ่ายต่างอึดอัด
“อย่างนั้น...ฉันนอนพื้น”
“หื้อ ไม่ยุติธรรมเลย”
“ไม่ยุติธรรมยังไง”
“คุณเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของห้อง เป็นเจ้าบ่าว เป็นช้างเท้าหน้า คุณจะมานอนกลิ้งขลุก ๆ บนพื้นห้องได้ยังไงคะ” มนตกานต์ทำมือหมุนเป็นวงไปด้วย
“หรือเธอจะนอนพื้น”
“ไม่เอา หนูไม่อยากทำตัวเป็นเหมือนพวกนางเอกในละครหลังข่าวที่ลงไปนอนเตียงแข็ง ๆ มันดูตลก หนูว่าเราสองคนน่าจะนอนร่วมเตียงกันได้”
“หือ เธอไม่กลัวเหรอ”
“ไม่ค่ะ หนูรู้ว่าคุณไม่พิศวาสหนูหรอก ขอแค่อย่างเดียว” นิ้วชี้ชูขึ้นมาตรงหน้าเหมือนต้องการขอคำมั่นสัญญา
“อะไร”
“ถ้าหนูนอนดิ้น คุณอย่าถีบหนูตกเตียงนะคะ”
ในความเงียบของยามค่ำ คืนแรกชีวิตแต่งงาน ภารัญนอนลืมตาโพลงมองเพดานห้องด้วยความรู้สึกว่างเปล่า สัปดาห์ก่อนเขายังมีคนรักให้คิดถึง แต่เวลานี้ในหัวของเขาไม่มีอะไรเลย
“คุณภารัญคะ” เจ้าของประกายตาวับวาวขยับตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขา
“ว่าไง”
“คุณภารัญอายุเท่าไรคะ”
“ถามทำไม”
“อ้าว เป็นสามีภรรยากันนี่คะ อย่างน้อยหนูก็อยากรู้เรื่องของคุณบ้าง ว่าไงคะคุณอายุเท่าไร”
“ยี่สิบแปด แล้วเธอล่ะ”
“หนูยี่สิบเอ็ด เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยไม่กี่เดือนนี่เองค่ะ แล้วคุณชอบสีอะไรคะ” คำถามธรรมดาแต่ทว่าเหมือนกุญแจดอกสำคัญที่มันค่อย ๆ ไขเปิดประตูเหล็กที่ขวางกั้น ทำให้ทั้งภารัญและมนตกานต์ค่อย ๆ เดินมายังจุดตรงกลางที่เป็นเหมือนพื้นที่ส่วนรวมของคำว่าสามีภรรยา
“สีน้ำเงิน แต่บางทีก็ชอบสีดำ ฉันชอบสีเข้ม ๆ”
“แต่หนูชอบสีอ่อน ๆ”
“เธอชอบกินอะไร” ภารัญเปลี่ยนฝ่ายมาเป็นคนเริ่มตั้งคำถามบ้าง
“อืมมมม หนูกินหมดเลยค่ะ หมู ไก่ เนื้อ แต่หนูไม่ค่อยชอบกินปลาน้ำจืดมันคาว แต่ชอบมาก ๆ คือกุ้งกับอาหารทะเลค่ะ”
“ฉันรู้จักร้านอาหารทะเลสด ๆ เอาไว้วันหน้าจะพาไปกิน”
“จริงนะ” ร่างเล็กผลุดลุกขึ้นมาในท่านอน
“อืม”
“อันที่จริง หนูว่าแต่งงานกับคุณก็ไม่ได้แย่เท่าไร แต่ถ้าคุณป้าสุขภาพแข็งแรง และทำใจยอมรับเรื่องการหย่าของเราสองคนได้เมื่อไหร่ หนูจะหย่าให้คุณแน่นอนค่ะ”
“เรื่องแต่งงาน ฉันจะไม่เอาเปรียบเธอหรอกนะ เธอเป็นผู้หญิง แต่งงานแล้วถูกหย่าร้าง อนาคตข้างหน้าคนอาจมองเธอไม่ดี”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ คนไม่รักกัน ต่อให้ฝืนยังไงมันก็ไม่รัก อยู่กันไปมีแต่จะรั้งชีวิตอีกฝ่ายมากกว่า ถ้าหากวันข้างหน้าคุณเจอผู้หญิงที่ดีและคุณรักเธอ หนูจะไม่งอแงเลย อีกอย่างสามีในอนาคตของหนู คนต่อไป หนูจะเป็นคนเลือกด้วยตัวหนูเอง เขาจะรักหนูในแบบที่หนูเป็น ที่สำคัญเขาจะเป็นคนมาขอหนูแต่งงาน และเขาจะไม่สนใจว่า หนูเคยผ่านการแต่งงานหรือหย่าร้างมาแล้ว เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” เจ้าของแก้มป่องนอนเท้าแขนเอียงหน้าหันมายิ้มให้ ในความมืดนั้นภารัญมองเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถวยาวฉีกยิ้มกว้าง รับกับดวงตากลมโตเปล่งประกายสุกสว่างราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
“ขอบใจ ฉันขอสัญญากับเธอว่า ถึงแม้การแต่งงานนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก แต่ในระหว่างที่เราแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน ฉันจะปฏิบัติต่อเธอ ดูแลและให้เกียรติเธอ ในฐานะภรรยา อย่างที่สามีควรจะทำ”