ตอนที่ 5 คืนเข้าหอ

1805 คำ
ตอนที่ 5 คืนเข้าหอ งานแต่งของลูกชายคนเดียวของคุณหญิงเพียงเพ็ญ เป็นที่จับตามองของสื่อสังคมทุกสำนัก ส่วนหนึ่งนั้นเพราะทุกคนล้วนต่างเพ่ง ต่างลุ้นอยากเห็นหน้าสะใภ้หมื่นล้าน และงานแต่งครั้งนี้ยิ่งกลายเป็นข่าวซุบซิบนินทาในวงกว้าง เมื่อรู้ว่าเจ้าสาวนั้นไม่ใช่ลิตา แฟนสาวที่ภารัญเคยควงแขนกันออกงานก่อนหน้านั้น “ลิตา” เจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาวมองดูอดีตคนรักเก่าด้วยความอึดอัด นับตั้งแต่เกิดเรื่องถูกมอมยาคราวก่อน ภารัญมีโอกาสรับโทรศัพท์จากลิตาเพียงสองครั้ง ครั้งแรกนั้นเธอโทรมาขอร้องให้เขาถอนแจ้งความ โดยอธิบายว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด หากแต่หลักฐานทุกอย่างที่คุณหญิงเพียงเพ็ญนำมาให้เขาดูนั้น มันยากเกินกว่าจะเชื่อใจกันอีก ลำพังเพียงเขาถูกยาปลุกเซ็กซ์จนเกือบหัวใจวายตาย ภารัญยังพอให้อภัยได้ หากแต่มนตกานต์ที่เกือบถูกหลอกไปให้คนเลวย่ำยี เรื่องนี้ภารัญรับไม่ได้จริง ๆ ครั้งที่สองลิตาต้องการขอโอกาสในการกลับมาคบหา หากแต่ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เขาเคยมีต่อเธอ เหมือนมันมีร่องรอยแตกร้าว เชื่อมไม่สนิท เขาจึงไม่ได้ตอบตกลง แต่ยังคงสถานะเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย “ภารัญ” ร่างบางโผเข้ามาสวมกอดเขาแน่น สองแขนกอดรัดจนภารัญไม่อาจขยับ “ลิตาปล่อยเถอะ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี” “ไม่ดีอย่างนั้นหรือคะ ทำไมล่ะคะภารัญ เราสองคนเป็นคนรักกัน เมื่อก่อนเรากอดจูบกันต่อหน้าคนอื่นออกบ่อย คุณไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจลิตาเลยนะคะ” “แต่ตอนนี้ ผมแต่งงานแล้ว” “คุณเคยบอกว่า คุณไม่ได้รักยายเด็กบ้านนอกนั่น เราหนีไปด้วยกันนะคะภารัญ” “หนีไป อย่างนั้นหรือลิตา” “ลิตารู้นะคะว่าคุณยังรักลิตาอยู่ เรื่องครั้งก่อนที่ลิตาทำไปเพราะลิตาไม่อยากเสียคุณไป ลิตารักคุณ เรารักกันมาตั้งห้าปี ลิตาฝันมาตลอดว่าเราจะได้แต่งงานสร้างครอบครัว มีลูกด้วยกัน ลิตาผิดหรือคะ” “คุณรักผม เรารักกัน แต่คุณก็ไม่ควรทำอย่างนั้น มนตกานต์เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย” “แต่มันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ มันไม่ได้ไปที่นั่นด้วยซ้ำ แม่คุณอาจจะวางแผนใส่ร้ายลิตาก็ได้” “ลิตา...” แววตาแห่งความผิดหวังในตัวของอดีตคนรัก ทำให้ภารัญหวนนึกไปถึงคำเตือนสติของแม่บังเกิดเกล้า นิ้วมือค่อย ๆ แกะเอาท่อนแขนนั้นออกไปจากตัวอย่างนุ่มนวล เขาเป็นลูกชายคนเดียวและเป็นดังความหวังของแม่ หากคืนนั้นเขาออกจากร้านเหล้าช้ากว่านี้ หรือมนตกานต์กับแม่ไม่ได้ตามไป บางทีงานมงคลสมรสในคืนนี้อาจกลายเป็นงานศพ และรอยยิ้มของแม่อาจเปลี่ยนเป็นเสียงร่ำไห้ “นะคะภารัญ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะคะ ลิตาสัญญาว่าต่อไปนี้ลิตาจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว” “ผมแต่งงาน จดทะเบียนสมรส กับมนตกานต์เรียบร้อยแล้ว ผมขอโทษด้วยที่คงไม่อาจให้ได้ตามที่คุณขอ” “คุณจะทิ้งลิตาไปอย่างนี้หรือคะ” “ผม...” “ทิ้งจ้ะ อย่างน้อยตอนนี้ ภารัญต้องไปเข้าหอกับหนูกานต์แล้ว” คุณหญิงเพียงเพ็ญเดินออกมาจากมุมหนึ่ง ยืนกั้นกลางระหว่างลูกชายและอดีตคนรัก “คุณแม่” “ภารัญ เดี๋ยวจะเลยฤกษ์มงคลที่วางเอาไว้ ลูกควรไปได้แล้วนะ” “คุณป้าคะ!” เสียงแหลมตวาดดังตาขวางมองไล่หลังเจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาวที่กำลังเดินจากไป “ลิตา ถ้าเธอยังไม่หยุด ฉันจะขุดวีรกรรมความเลวของเธอ ออกมาแฉให้หมด” คู่บ่าวสาวนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้นห้องหอ อันปูลาดเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบสีแดงกำมะหยี่ บนเตียงใหญ่มีรูปหัวใจคู่ทำจากดอกไม้กลิ่นหอม เพื่อนสนิทสองคนนั่งอมยิ้มมองลูกตัวเองอย่างยินดี “แม่อวยพรให้ลูกทั้งสองคนมีความสุขมาก ๆ นะลูก กานต์ต่อไปหนูแต่งงานเป็นเมียพี่เขาแล้ว อย่าทำอะไรให้พี่เขาต้องหนักอก หนักใจนะลูก” กชกรประคองฝ่ามือลงไปแนบแก้มป่องของลูกสาวคนเดียว “ค่ะแม่” “ภารัญ ป้าฝากดูแลน้องด้วยนะลูก หนูกานต์อาจจะดื้อรั้นไปบ้าง หนักนิดเบาหน่อย หากอภัยได้ภารัญอภัยให้น้องนะลูก วันหน้าถ้าน้องทำผิดหนักหนาจนเกินอภัย หรือวันใดที่ภารัญไม่ต้องการลูกป้าแล้ว ป้าขอร้อง อย่าตบ อย่าตี ทำร้ายให้หนูกานต์ต้องเสียใจ แค่ส่งเขาคืนกลับมาให้ป้า” “ผมจะดูแลหนูกานต์ให้ดีที่สุดครับ” “ภารัญ วันนี้แม่ดีใจและมีความสุขที่สุดเลยลูก” คุณหญิงเพียงเพ็ญอ้าแขนดึงลูกชายไปสวมกอดด้วยน้ำตาคลอ “แม่ขอให้ลูกสองคนมีความสุขมาก ๆ แล้วรีบมีหลานให้แม่เร็ว ๆ นะ” คล้อยหลังแม่ทั้งสองคนเดินออกจากห้องหอไปแล้ว ภารัญหันไปมองเจ้าสาวหน้าเด็กที่ร้องครางโอดโอย ขณะ ค่อย ๆ เหยียดขาออกมาจากท่าพับเพียบ “โอยยยย เหน็บกินขา” “เธอนี่มันจริง ๆ เลยนะ ไปอาบน้ำ อาบท่าได้แล้วไป” ภารัญลุกขึ้นขยับคลายหูกระต่ายและปลดกระดุมเสื้อเพื่อคลายความอึดอัด ภรรยาว่านอนสอนไม่เถียง ลุกขึ้นเดินโขยกเขยกเพราะเหน็บกินขาถือผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องนานหลายนาที กว่าจะโผล่หน้าออกมากวักมือเรียกเขา “คุณภารัญคะ” “อะไรอีก” “คุณมาช่วยหนูหน่อยค่ะ” “ทำไม มีอะไร นี่อย่าบอกนะว่าเดินชนขอบโต๊ะ ขอบเตียง ขอบอะไรเข้าให้อีก” “เปล่าชนค่ะ แต่ว่าไอ้นี่มันแกะยังไงคะ” เจ้าสาวในชุดสวยยกมือขึ้นไปคลำบนหัวตัวเอง ซึ่งด้านบนมีดอกไม้ อะไรต่อมิอะไรเสียบประดับเอาไว้มากมาย ภารัญจำใจเดินเข้ายืนช่วยแกะเครื่องประดับทั้งหลายออกให้ยังใช้เวลาหลายนาที “คุณภารัญคะ เราจะทำยังไงกันดี” สาวน้อยยืนกอดอกมองเตียงใหญ่ด้วยท่าทางครุ่นคิด “ถ้าเธอไม่สบายใจ ฉันจะไปนอนห้องอื่นก็ได้” “ไม่ได้ค่ะ ถ้าคุณไปนอนห้องอื่นความก็แตกสิคะ” ก่อนหน้านั้นเพื่อความสบายใจของทั้งสองคน ภารัญและมนตกานต์ตกลงกันว่า จะใช้ชีวิตคู่แบบสามีภรรยาในแบบตัวเอง การแต่งงานนี้เกิดขึ้นเพราะคนทั้งคู่ถูกบังคับ หาใช่เกิดจากความสมัครใจ แต่ทั้งสองยินดีที่จะซื่อสัตย์และให้เกียรติกันซึ่งกันและกัน หากแต่ขอเว้นช่องว่าง สร้างระยะห่างเพื่อให้ให้ต่างฝ่ายต่างอึดอัด “อย่างนั้น...ฉันนอนพื้น” “หื้อ ไม่ยุติธรรมเลย” “ไม่ยุติธรรมยังไง” “คุณเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของห้อง เป็นเจ้าบ่าว เป็นช้างเท้าหน้า คุณจะมานอนกลิ้งขลุก ๆ บนพื้นห้องได้ยังไงคะ” มนตกานต์ทำมือหมุนเป็นวงไปด้วย “หรือเธอจะนอนพื้น” “ไม่เอา หนูไม่อยากทำตัวเป็นเหมือนพวกนางเอกในละครหลังข่าวที่ลงไปนอนเตียงแข็ง ๆ มันดูตลก หนูว่าเราสองคนน่าจะนอนร่วมเตียงกันได้” “หือ เธอไม่กลัวเหรอ” “ไม่ค่ะ หนูรู้ว่าคุณไม่พิศวาสหนูหรอก ขอแค่อย่างเดียว” นิ้วชี้ชูขึ้นมาตรงหน้าเหมือนต้องการขอคำมั่นสัญญา “อะไร” “ถ้าหนูนอนดิ้น คุณอย่าถีบหนูตกเตียงนะคะ” ในความเงียบของยามค่ำ คืนแรกชีวิตแต่งงาน ภารัญนอนลืมตาโพลงมองเพดานห้องด้วยความรู้สึกว่างเปล่า สัปดาห์ก่อนเขายังมีคนรักให้คิดถึง แต่เวลานี้ในหัวของเขาไม่มีอะไรเลย “คุณภารัญคะ” เจ้าของประกายตาวับวาวขยับตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขา “ว่าไง” “คุณภารัญอายุเท่าไรคะ” “ถามทำไม” “อ้าว เป็นสามีภรรยากันนี่คะ อย่างน้อยหนูก็อยากรู้เรื่องของคุณบ้าง ว่าไงคะคุณอายุเท่าไร” “ยี่สิบแปด แล้วเธอล่ะ” “หนูยี่สิบเอ็ด เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยไม่กี่เดือนนี่เองค่ะ แล้วคุณชอบสีอะไรคะ” คำถามธรรมดาแต่ทว่าเหมือนกุญแจดอกสำคัญที่มันค่อย ๆ ไขเปิดประตูเหล็กที่ขวางกั้น ทำให้ทั้งภารัญและมนตกานต์ค่อย ๆ เดินมายังจุดตรงกลางที่เป็นเหมือนพื้นที่ส่วนรวมของคำว่าสามีภรรยา “สีน้ำเงิน แต่บางทีก็ชอบสีดำ ฉันชอบสีเข้ม ๆ” “แต่หนูชอบสีอ่อน ๆ” “เธอชอบกินอะไร” ภารัญเปลี่ยนฝ่ายมาเป็นคนเริ่มตั้งคำถามบ้าง “อืมมมม หนูกินหมดเลยค่ะ หมู ไก่ เนื้อ แต่หนูไม่ค่อยชอบกินปลาน้ำจืดมันคาว แต่ชอบมาก ๆ คือกุ้งกับอาหารทะเลค่ะ” “ฉันรู้จักร้านอาหารทะเลสด ๆ เอาไว้วันหน้าจะพาไปกิน” “จริงนะ” ร่างเล็กผลุดลุกขึ้นมาในท่านอน “อืม” “อันที่จริง หนูว่าแต่งงานกับคุณก็ไม่ได้แย่เท่าไร แต่ถ้าคุณป้าสุขภาพแข็งแรง และทำใจยอมรับเรื่องการหย่าของเราสองคนได้เมื่อไหร่ หนูจะหย่าให้คุณแน่นอนค่ะ” “เรื่องแต่งงาน ฉันจะไม่เอาเปรียบเธอหรอกนะ เธอเป็นผู้หญิง แต่งงานแล้วถูกหย่าร้าง อนาคตข้างหน้าคนอาจมองเธอไม่ดี” “เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ คนไม่รักกัน ต่อให้ฝืนยังไงมันก็ไม่รัก อยู่กันไปมีแต่จะรั้งชีวิตอีกฝ่ายมากกว่า ถ้าหากวันข้างหน้าคุณเจอผู้หญิงที่ดีและคุณรักเธอ หนูจะไม่งอแงเลย อีกอย่างสามีในอนาคตของหนู คนต่อไป หนูจะเป็นคนเลือกด้วยตัวหนูเอง เขาจะรักหนูในแบบที่หนูเป็น ที่สำคัญเขาจะเป็นคนมาขอหนูแต่งงาน และเขาจะไม่สนใจว่า หนูเคยผ่านการแต่งงานหรือหย่าร้างมาแล้ว เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” เจ้าของแก้มป่องนอนเท้าแขนเอียงหน้าหันมายิ้มให้ ในความมืดนั้นภารัญมองเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถวยาวฉีกยิ้มกว้าง รับกับดวงตากลมโตเปล่งประกายสุกสว่างราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า “ขอบใจ ฉันขอสัญญากับเธอว่า ถึงแม้การแต่งงานนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก แต่ในระหว่างที่เราแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน ฉันจะปฏิบัติต่อเธอ ดูแลและให้เกียรติเธอ ในฐานะภรรยา อย่างที่สามีควรจะทำ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม