ไคลน์เลิกสนใจผู้หญิงในห้อง เขาตวัดขาก้าวลงจากเตียงด้วยสภาพเปลือยเปล่าไปทั้งตัว จากนั้นจึงเดินไปกระชากประตูตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเอาเสื้อคลุมออกมา เมื่อเดินออกไปข้างนอกห้องนอนในส่วนของห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นภายในเพนต์เฮาส์หรูแห่งนี้ก็พบว่าลูกน้องคนสนิทของเขายืนอยู่ในห้องนั้นอยู่แล้วพร้อมกับรถเข็นอาหารที่จอดรออยู่แถวๆ โต๊ะอาหารหรูหราสี่ที่นั่งริมหน้าต่างกระจกบานกว้าง เผยให้เห็นทิวทัศน์ของแมนฮัตตันในมุมสูงเช่นนี้
“ร็อบ” ไคลน์ส่งเสียงเรียกมือขวาคนสนิทด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์
โรเบิร์ตรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาเจ้านายอย่างรวดเร็ว “ครับเจ้านาย”
“เอาเอกสารของพวกแมคคอลมาให้ฉันดูอีกรอบสิ” ไคลน์สั่งเสียงเข้ม เขาเพิ่งได้เอกสารชุดใหม่จากเซเรน่าเมื่อวันก่อน และไม่คิดจะเปิดมันดูเพราะไม่เคยสนใจ ที่มาก็เพื่อมาเหยียบย่ำพวกนั้นด้วยตัวเองเท่านั้น
ทว่าตอนนี้...ไม่สนใจไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
โรเบิร์ตแม้จะสงสัย ทว่าก็ตอบรับอย่างรวดเร็ว “ครับ”
แต่ในขณะที่กำลังถอยออกไปเพื่อจัดการเอกสารเสนอการร่วมทุนของแมคคอลและเพนเดิลตัน ไคลน์ก็เรียกรั้งคนเป็นลูกน้องเอาไว้เสียก่อน และเมื่อโรเบิร์ตยืนนิ่งทำท่าตั้งใจฟังคำสั่ง พ่อมดการเงินจึงร่ายต่อไปในทันที
“อ้อ พรุ่งนี้เก็บของ ฉันจะกลับลอนดอน”
“ครับเจ้านาย”
“ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย เจอกันตอนเย็น” ไคลน์สั่ง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงเข้าไปแล้ว และโรเบิร์ตก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร นอกจากรับคำสั่งนั้นอย่างไม่คัดค้าน
“ครับ”
“นายไม่ต้องตามไป” คำสั่งต่อมาทำให้คนเป็นลูกน้องคนสนิทถึงกับขมวดคิ้วมุ่น “แต่ให้เฝ้าผู้หญิงในห้องฉันเอาไว้ดีๆ”
“เอ๊ะ!”
โรเบิร์ตส่งเสียงร้องอย่างตกใจ เพราะว่าเมื่อคืนนี้เขาจำได้ว่าเจ้านายที่อยู่กับเขาตลอดเวลาไม่ได้หิ้วผู้หญิงที่ไหนกลับมาด้วย และเมื่อเขาทำสีหน้าสงสัย ดวงตาสีน้ำเงินเย็นชาคู่นั้นก็ปรายตามองเขาอย่างตำหนิติเตียน
“ไม่รู้ล่ะสิ แกบกพร่องมากนะที่ปล่อยให้มีคนเข้ามาในห้องนอนของฉันได้”
“ผม…” โรเบิร์ตพูดไม่ออก ถ้ามีคนเข้ามาภายในอาณาเขตของเพนเดิลตัน เขาก็ต้องรับรู้ แต่นี่กลับ... เขาได้แต่คิดจนปวดหัว ทว่าไคลน์ไม่สนใจฟังคำแก้ตัวอะไร ชายหนุ่มโบกมือไม่ให้โรเบิร์ตพูดอะไรต่อก่อนจะเอ่ยคำสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
“อย่าให้เธอหนีไปได้ เข้าใจไหม”
โรเบิร์ตจะขัดคำสั่งได้อย่างไร ลูกน้องคนสนิทจึงได้แต่ผงกศีรษะรับอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้าวออกไปจัดการธุระของพ่อมดตามที่อีกฝ่ายต้องการ ในขณะที่ไคลน์ก็กลับเข้าห้องไปเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวออกไปข้างนอก และในระหว่างที่เดินผ่านเตียงนอนอันยับเยิน ก็เห็นหญิงสาวร่างเล็กบนเตียงยังคงหลับตาพริ้มไม่กระดุกกระดิก ราวกับว่าเจ้าหล่อนตายไปแล้วเสียอย่างนั้น
ชั่วโมงครึ่งถัดมาไคลน์ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่คฤหาสน์แมคคอลตามคำเชิญกึ่งบังคับของแพททริกจนได้
“ตอนที่แพทบอกแม่ว่าไคลน์จะมา แม่ไม่อยากจะเชื่อเลย”
เซเรน่า แมคคอล ถึงกลับมารับลูกชายคนโตด้วยตัวเองถึงหน้าบันไดบ้านในขณะที่ไคลน์ก้าวตรงไปหาเธอช้าๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา
“อืม…”
ไคลน์ตอบรับในลำคอสั้นๆ ทำราวกับว่าเซเรน่าเป็นเพียงคนรับใช้ที่เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ทว่าหญิงวัยกลางคนกลับไม่นึกเคืองเลยแม้แต่น้อย เหตุอาจจะเป็นเพราะนี่คือนิมิตรหมายอันดีที่เธอจะได้รับข่าวดีจากไคลน์ เพนเดิลตันก็เป็นได้
ทำดีกับอีกฝ่ายหน่อยจะเป็นไร...เผื่อไคลน์จะเห็นแก่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดแล้วยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเอ็มคอร์ปที่กำลังง่อนแง่นในเวลานี้
“เอาล่ะ” เซเรน่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้ม ในยามที่เดินนำไคลน์ไปยังห้องนั่งเล่นส่วนตัวของครอบครัว “เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องเครียดๆ กันเลย แม่ว่าเราทานข้าวกันก่อนดีกว่านะลูก”
เธอเอ่ยชวนอีกฝ่าย หลังจากที่รู้ว่าไคลน์จะมาเธอก็สั่งให้คนจัดเตรียมอาหารว่างเอาไว้แล้ว
ไคลน์ปรายตามองใบหน้าสวยที่แม้แต่กาลเวลายังทำอะไรเซเรน่าไม่ได้ด้วยสายตาเย็นชาปะปนกับความหงุดหงิดในความเจ้ากี้เจ้าการของเธอ
“ผมว่าเราพูดกันตรงๆ เลยดีกว่า แล้วอย่าใช้วิธีทุเรศๆ แบบนี้กับผมอีก”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มๆ เป็นการเข้าเรื่องทันที
ในระหว่างชั่วเวลาที่เดินทางมาที่นี่ ไคลน์ก็สรุปได้แล้วว่านี่คงเป็นแผนส่งของขวัญนั่นมาให้เขา เพื่อให้เขามาเจรจากับตนเองอีกครั้งสินะ คิดหรือว่าเขาจะใจอ่อนยอมช่วยพวกแมคคอลง่ายๆ ในเมื่อคนที่ทำให้พวกแมคคอลเป็นแบบนี้ก็คือเขาเอง
“นี่ไคลน์พูดเรื่องอะไรกัน?”
เซเรน่าจ้องมองบุตรชายของเธอด้วยสายตาเป็นคำถามปะปนด้วยความสับสนงุนงง เธอตามไม่ทันกับอารมณ์กราดเกรี้ยวที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเย็นชาของไคลน์
ทว่ายังไม่ทันที่ไคลน์จะได้ตอกกลับอะไรให้เจ็บแสบอย่างสะใจยิ่งขึ้น ไอ้ตัวต้นเหตุก็เดินเขามาเสียก่อน พร้อมกับเรียกเขาด้วยน้ำเสียงและ สรรพนามที่ก่อให้เกิดความรู้สึกคันยิบๆ ที่ฝ่าเท้าของไคลน์
“พี่ชาย...”
“แมคคอล”
ไคลน์หันไปมองสบตาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยไฟโทสะที่กำลังลุกเรือง แต่แพททริกดูเหมือนจะไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
“เรามีเรื่องต้องคุยกันก่อนแล้วมั้ง เชิญทางนี้สิ”
พูดจบแพทททริกก็ผายมือไปยังประตูอีกด้านหนึ่ง ไคลน์ยังคงไม่ขยับเขยื้อน ซึ่งแพททริกก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาหันไปทางผู้เป็นมารดา โอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“มัมครับ ผมขอคุยกับเขาสักครู่นะครับ มัมไปรอที่ห้องอาหารก่อนเลย แล้วผมจะตามไป” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
เซเรน่ามองสองหนุ่มด้วยสายตาสงสัยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแต่ก็ไม่ได้ถามออกมา สุดท้ายเธอก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ก่อนจะตอบรับเสียงแผ่วเบาตามคำร้องขอของแพททริก
“จ้ะ”
แพททริกเดินนำไคลน์ไปยังห้องทำงานของตนเองซึ่งอยู่ติดกับห้องนั่งเล่นส่วนตัวของครอบครัวนี่เอง เขาทำท่าเชื้อเชิญให้คนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธด้วยสายตาเย็นชา แพททริกยักไหล่ ไม่พูดอะไร ไม่นั่งก็ไม่นั่ง
“มีอะไรก็รีบพูดมา ฉันจะได้กลับ”
ไคลน์ถามขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แพททริกได้ยินคำถามนั้นก็ได้แต่ยักไหล่ กระตุกยิ้มมุมปากด้วย สีหน้ากวนอารมณ์คนมอง “แหม…อยู่คุยกันตามประสาครอบครัวก่อนสิ”
ไคลน์ถลึงตาดุดันใส่คนพูด
“ผู้หญิงคนนั้น ชอบไหม...” แพททริกถามพลางยิ้มกริ่มไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่าย “ฉันรู้ว่านายชอบสเป็กแบบไหน จัดให้นายโดยเฉพาะเลยนะไคลน์”
ที่ผ่านมาเห็นในสื่อ คู่ควงของพ่อมดการเงินล้วนแต่เป็นผู้หญิงสวยจัดสะกดสายตา เขาก็เลยจัดให้อีกฝ่ายตามที่ชอบก็แค่นั้นแหละ ส่วนหน้าตาจะเป็นแบบไหนนั้นแพททริกไม่เคยเห็นเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากว่าคนที่ลงมือทั้งหมดคือวิโตเพื่อนสนิท ซึ่งขอแค่มันประสบความสำเร็จก็ถือว่าพอแล้ว
เมื่อเช้านี้ที่โทรไปหยั่งเชิงก็แค่อยากรู้ว่าปลาจะกินเบ็ดไหม ตอนแรกเขาคิดว่าอาจจะไม่สำเร็จเสียด้วยซ้ำ ทว่าใครจะรู้เล่าว่าปลาจะงับเหยื่อเข้าไปเต็มๆ ซึ่งมันก็ง่ายหน่อยที่จะไล่ต้อนอีกฝ่ายเข้าสู่แผนการต่อไปของเขา
“เสือก” ไคลน์ตวาดออกมาสั้นๆ ด้วยสีหน้าเยือกเย็น
แต่ดูเหมือนแพทททริก แมคคอล จะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อยกับคำพูดของไคลน์
“ของขวัญก็รับไปแล้ว คราวนี้แกควรจะรับฟังข้อเสนอจากฉันบ้าง”
คำพูดนี้แหละที่ไคลน์รอคอยมานานหลังจากปล่อยให้อีกฝ่ายกวนอารมณ์เขามาเกือบสิบนาที ไคลน์สูดลมหายใจลึก ปรายตามองคนตรงหน้าราวกับมดปลวกในยามที่ถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แกต้องการอะไรแมคคอล”
คราวนี้สีหน้ากวนๆ ของแพททริกหายไป แทนที่ด้วยสายตาร้อนแรงราวกับจะแผดเผาคนที่แก่กว่าตรงหน้า แพททริกจ้องมองไคลน์ เพนเดิลตันด้วยสายตาราวกับจะไหม้อีกฝ่ายให้เป็นจุณแล้วเค้นเสียงลอดไรฟันด้วยอาการกรุ่นโกรธที่เก็บซ่อนมาโดยตลอด
“เลิกแบล็กเมล์ฉันซะและปล่อยเงินกู้ให้ฉันได้แล้วถ้าแกไม่อยากเข้ามาร่วมหุ้นตามโครงการของมัม”
เขาเอ่ยเสียงเข้ม จ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาวาววับ อย่านึกว่าเขาไม่รู้ว่าที่แมคคอลเป็นแบบนี้เพราะใคร...
เขาเองเพิ่งรู้ได้ไม่นานว่าภายในบริษัทของตนเองมีคนของเพนเดิลตันปะปนอยู่ และมันก็คอยบ่อนทำลายบริษัทของเขามานานแสนนาน และเมื่อพวกเขาถึงจุดๆ หนึ่ง เพนเดิลตันที่เป็นหนึ่งในด้านการเงินก็ใช้อิทธิพลมืดบีบเอ็มคอร์ปด้วยการไม่ให้บริษัทเงินทุกหลักทรัพย์ใดๆ ปล่อยกู้ให้เขา แถมยังบ่อนทำลายเอ็มคอร์ปจากภายในมาโดยตลอด
มัมจะรู้ไหมว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาไอ้คนตรงหน้าทำร้ายพวกเราไปมากแค่ไหน มัมคงคิดว่าต่างคนต่างอยู่ และคิดว่ามันคงจะเห็นแก่สายเลือดใช่ไหมถึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากมัน ทั้งๆ ที่มันนั่นแหละเป็นคนทำลายพวกเรา!
และเพราะทางออกเดียวที่เอ็มคอร์ปมีในตอนนี้ก็คือไคลน์ แพททริกจึงไม่ได้คัดค้านในตอนที่มัมเสนอทางออกเป็นเพนเดิลตัน ทว่าวิธีการนั้นอาจจะต่างกัน แต่ขอแค่ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกันเขาก็พึงพอใจแล้ว
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้น”
ไคลน์เอ่ยด้วยสีหน้าเยาะหยัน ไม่ได้สะทกสะท้านด้วยซ้ำในตอนที่ แพททริกมองมาราวกับรู้ว่าที่เอ็มคอร์ปถึงภาวะวิกฤติก็มาจากตัวเขาเอง
คนพวกนี้ยังดิ้นทุรนทุรายได้ไม่สู้พ่อของเขาที่ต้องคร่ำครวญหวนไห้ ก่อนจะตรอมใจตายอย่างช้าๆ และทรมานด้วยซ้ำ
เซเรน่าและพวกแมคคอลยังชดใช้ให้เขาไม่สาสมเลยด้วยซ้ำ...
เขาต้องการให้มันล่มจม นอนอย่างหมาข้างถนนเหมือนที่เขา ‘เกือบ’ จะเป็นเช่นนั้น และให้มันหัวใจสลายสูญเสียของรักเหมือนกับที่บิดาของเขาเป็น
แพททริกแสยะยิ้มเหี้ยม ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ ด้วยสีหน้าเป็นต่อเพราะคำถามไม่เข้าหูของเขาจากไคลน์ “เพราะแกคงไม่อยากให้คลิปฉาวของแกเผยแพร่...ไปทั่วโลกน่ะสิ”
ไคลน์เบิกตากว้างทันทีอย่างตกใจ รู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นคือระเบิดเวลา แต่ว่าไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเช่นนี้ไปได้
“ไอ้ระยำ!”
เขาสบถด่าอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย ไม่สันดานชั่วช้าจริงๆ คงคิดอย่างนี้ไม่ได้ และสมกับเป็นพวกแมคคอลนั่นแหละ แผนการอุบาทว์แบบนี้ถึงคิดขึ้นมาได้!
แพทททริกเห็นสีหน้าโกรธเคืองแทบจะระเบิดแต่ก็ต้องพยายามระงับไว้ของไคลน์ก็ยิ้มหยันออกมา ก่อนจะยื่นข้อเสนอให้แก่พ่อมดตรงหน้าที่ดูก็รู้แล้วว่ากำลังเพลี่ยงพล้ำในเวลานี้
“ว่ายังไงล่ะ?”
เขาถามด้วยสีหน้าเป็นต่อ ก่อนจะเอ่ยต่อไปเมื่ออีกฝ่ายยังคงยืนเงียบ
ไคลน์นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะตอบไปในที่สุดด้วยสีหน้าที่พยายามข่มอารมณ์โกรธ “ห้าสิบเปอร์เซ็นเท่านั้น” ไคลน์ต่อรอง “แล้วแกต้องส่งคลิปนั่นมาให้ฉัน”
แพททริกคลี่ยิ้มกว้างอย่างสาสมใจ เขายื่นซองเอกสารที่บรรจุสัญญาเงินกู้ให้แก่อีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์
“ไม่มีปัญหาพี่ชาย...ถ้านายส่งเงินมาให้ฉันก่อน”
แพททริกต่อรอง และเมื่อมองสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินที่มีกองไฟเย็นเฉียบอยู่ในนั้น เขาก็เอ่ยต่อไปด้วยสีหน้าและท่าทางราวกับคนใจกว้างออกมาเป็นการยั่วให้ไคลน์ เพนเดิลตันโกรธจนแทบกระอักกับความพลาดท่าอย่างน่าเจ็บใจในครั้งนี้
“อ้อ… ส่วนผู้หญิงคนนั้น ติดใจก็เอาไปได้เลยนะ ฉันยกให้”
ไคลน์ฉวยเอกสารนั่นออกมาถือเอาไว้ ก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกไปจากคฤหาสน์แมคคอลอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่ต้องการอยู่ใน อาณาเขตของพวกน่ารังเกียจพวกนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว!