ผู้ชายคนนั้นแนบใบหน้าลงกับหน้าผากเล็กของเธอ และเป็นครั้งแรกที่แนบริมฝีปากของเขากดลงบนกลีบปากนุ่มของเธอเบาๆ ก่อนจะผละห่างเพียงนิดเดียวเพื่อพูดกับเธอว่า
“ฉันช่วยเธอแน่ๆ แต่ก่อนอื่น เธอต้องช่วยฉันก่อน”
“…”
“ฉันอยากได้เธอ แม่สาวร้อนแรงบนเตียงของฉัน...”
พูดจบเขาก็ค่อยๆ สอดแทรกร่างกายของเขาเข้ามาภายในเรือนกายอันอ่อนนุ่มของเธอ ขณะที่เธอรู้สึกอึดอัด แน่นตึง และพร้อมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ฉันไม่ต้องการแบบนี้ หยุดเถอะค่ะ ฉันขอร้อง”
หญิงสาววอนเสียงสั่นพร่า น้ำตาของเธอไหลพรากเมื่อเขายังคงดึงดันที่จะนำร่างกายของตนเองเข้าสู่ความอ่อนนุ่มของเธอ มนสิการเจ็บแปลบแทบทนไม่ไหวกับความใหญ่โตคับแน่น เขากำลังจะฆ่าเธอชัดๆ! นี่ขนาดเขาไม่ได้เข้ามาจนแนบแน่นเธอยังทรมานขนาดนี้ ถ้าเขา...ถ้าเขาเข้ามาจนหมด เธอต้องตาย....ต้องตายแน่ๆ!
มนสิการครางลึกในลำคอ สติอันน้อยนิดของเธอเริ่มปลิวหายไปทุกทีกับความต้องการอันมากมายที่ยากจะต่อต้าน
“เธอก็หาวิธีเอาสิ” น้ำเสียงของคนเหนือร่างของเธอเอ่ยอย่างท้าท้าย “ถ้าเธอห้ามฉันได้ฉันก็จะหยุด แต่ถ้าห้ามไม่ได้...”
เขาออกแรงกดสะโพกเพิ่มมากขึ้น แทรกลึกเข้ามาในการเธอเพิ่มมากขึ้นและดุดันรุนแรงยิ่งขึ้น และเมื่อเธอได้แต่ร้องครางอย่างเจ็บปวดปนสุขสมเขาก็ได้แต่หัวเราะเสียงหยันในลำคอ ก่อนจะแทรกร่างเขามาจนสุด ดึงรั้งสะโพกเธอให้แนบชิดกับเขาจนไม่เหลือช่องว่างใดๆ พร้อมกับที่สติของเธอก็ปลิวหายไม่เหลืออาการต่อต้านใดๆ อีกต่อไปแล้ว
“…คืนนี้เธอเป็นของฉันแน่ๆ!”
น้ำเสียงแหบพร่าสุดเซ็กซี่นั้นกระซิบอย่างดุดันอยู่ริมใบหูของเธอ มนสิการไม่รับรู้สึกใดนอกจากความรู้สึกหวาบไหวและเสียววาบ และการเคลื่อนไหวสุดเร่าร้อนแต่เติมเต็มและปลดปล่อยความทรมานจากร่างกายของเธอด้วยฝีมือผู้ชายเหนือร่างเธอเท่านั้น
เธอนึกอยากกอดตอบเขา รัดร่างของเขาแนบแน่น และให้เขาปลดปล่อยเธอไปจากความทรมานนี้เสียที หญิงสาวคิดอย่างวามไหว ขณะที่ร่างกายของเธอได้แต่ทอดนิ่ง และขยับไปตามการบังคับของคนเหนือร่างเท่านั้น
อารมณ์ของเธอเพิ่มสูงขึ้นตามจังหวะรักของอีกฝ่ายซึ่งเริ่มเรียกร้องอย่างดุดันและรุนแรง ก่อนจะทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด สมองของเธอพร่าเลือนขณะที่รู้สึกเหมือนถูกจับโยนลงไปในหน้าผาลึก วาบหวามและสุขสมเกินจะบรรยาย
ขณะที่เขายังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหนือร่างกายเธอ และหลังจากนั้นเขาก็เกร็งไปทั้งร่าง เขากอดเธอแนบแน่นขณะที่เธอรู้สึกถึงความอุ่นวาบภายในร่างกายเมื่อเขาปลดปล่อยในกายของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ซวนซบลงบนร่างกายของเธอพร้อมกับหอบหายใจอย่างสุขสม
มนสิการหลับตาแน่น รู้สึกทั้งเต็มอิ่ม หากขณะเดียวกันเธอก็รู้ดีว่าชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว...
เช้าวันต่อมา
ไคลน์ขยับตัวน้อยๆ ด้วยความรู้สึกเมื่อยล้า เมื่อคืนนี้เขาเมามาก แถมยังฝันดีสุดๆ มันเป็นฝันอันโลดโผนที่ทำให้จินตนาการของวัยหนุ่มคึกคัก ชายหนุ่มเหยียดยิ้มทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ สมองหลังตื่นนอนของเขาออกจะแล่นเอื่อยเฉื่อยสักหน่อย ทว่าเมื่อค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง ไคลน์จึงได้ค้นพบว่าเขาไม่ได้กำลังฝัน
มีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงของเขา...
ไหล่บอบบางที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนโตสีขาวดูนุ่มนวล ทว่าตามหัวไหล่ก็มีร่องรอยแดงช้ำเป็นจ้ำๆ ให้เห็น จินตนาการสุดโลดโผนและวาบหวามที่คิดว่าฝันผุดพรายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จนไคลน์ได้แต่รู้สึกปวดร้าวไปทั้งแก่นกาย บ้าชิบ! เขาจะมามีอารมณ์ตอนนี้ไม่ได้เพราะเขาหายเมาแล้ว และปัญหาใหญ่ก็ตามมาแล้วในตอนนี้!
ผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ในห้องของเขาได้ยังไง! ใครปล่อยเจ้าหล่อนขึ้นมา!
ไคลน์เอื้อมมือไปแตะไหล่เล็กบอบบางแล้วออกแรงดึงรั้งร่างเล็กๆ นั่นที่นอนคู้ตัวอยู่สุดปลายเตียงให้หันมาทางตนเอง ร่างเล็กๆ นั่นพลิกมาตามแรงดึง เผยให้เห็นใบหน้าเรียวเล็กหวานล้ำ ริมฝีปากอิ่มนั้นดูบวมช้ำ และตามลำคอเรียวระหงตลอดจนไหปลาร้าและเนินอกเต็มไปด้วยรอยช้ำของรอยจูบอย่างชัดเจน ดวงตาคู่นั้นปิดสนิทและดวงหน้านั้นก็ดูอ่อนล้า เธอดูตัวเล็ก น่ารัก และน่าทะนุถนอม แถมสภาพเธอตอนนี้เหมือนกับถูกทารุณมาทั้งคืนอย่างไรอย่างนั้น ดูบอบช้ำราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ ซึ่ง…ถ้าไอ้จินตนาการโลดโผนบัดซบนั่นเป็นจริง ก็สมควรแล้วที่เธอจะมีสภาพเป็นเช่นนี้! ไคลน์สบถอย่างหัวเสีย ยกมือขึ้นเสยผมสีอ่อนของตนเองลวกๆ ก่อนจะเขย่าบ่าเล็กบอบบางแรงๆ เป็นการปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้นมา
“ตื่นซะ?”
ร่างนั้นยังคงเงียบ ไม่ส่งเสียงอะไร ทว่าอาการถอนหายใจแรงๆ ราวกับรำคาญคนรบกวนก็ทำให้เขารับรู้ว่าเธอยังไม่ตาย ศึกรักเมื่อคืนนี้เร่าร้อนยิ่งกว่าคืนไหนๆ ที่เขามีกับคู่นอนคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะเขาเมา ความยับยั้งชั่งใจเลยไม่มี แถมเธอยังตัวเล็กมากเสียขนาดนี้ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอรอดมาได้ยังไงที่เขาไม่ได้บีบเธอให้แหลกสลายคามือไปเสียก่อน
ไคลน์เขย่าร่างเล็กของหญิงสาวปริศนาแรงขึ้น ก่อนจะส่งเสียงปลุกเธออีกครั้งด้วยความหงุดหงิด “ไม่ต้องมาสำออย เอาล่ะ ลุกขึ้นมาซะ เรามีเรื่องที่ต้องพูดกัน” ทว่าเมื่อเธอยังคงเงียบ และปัดมือเขาออกจากไหล่ของเธอ ไคลน์ก็รู้สึกโมโหจนแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ “นี่! ฉันบอกให้ลุกขึ้นมา!”
เขาสั่งหญิงสาวเสียงเข้ม ทว่าเจ้าของร่างเล็กบอบบางแถมขาวผ่องราวกับจะเรืองแสงได้กลับส่งเสียงประท้วงในลำคอราวกับกำลังรำคาญเท่านั้น
“ฮื้อ!”
“ตื่นได้แล้ว ฉันอยากรู้แล้วว่าเธอคือใคร”
ไคลน์สั่งเธอด้วยน้ำเสียงเข้มงวด ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อ โทรศัพท์ส่วนตัวก็กรีดเสียงร้องดังลั่นขัดจังหวะซักไซ้ที่มาของผู้หญิงปริศนา “ใครเสือกโทรมาแต่เช้าวะ!” ไคลน์สบถอย่างหยาบคาย และเมื่อมันไม่เลิกกรีดร้องง่ายๆ คนที่ถูกขนานนามว่าเป็นพ่อมดจึงได้แต่ตัดสินใจรับมันในที่สุด
“ฮัลโหล!”
“สวัสดีพี่ชาย”
และน้ำเสียงปลายสายก็ทำให้เขาตัวแข็งทื่อทันที เขาไม่ได้จับเสียงคนปลายสายได้ ทว่าคำเรียกขานนั่นต่างหากทำให้ไคลน์รู้ว่าไอ้สารเลวตัวไหนเป็นคนโทรมาในตอนนี้
“ฉันไม่ได้เป็นพี่แก”
ไคลน์ตอกกลับอย่างหยาบคาย ตอนนี้เขามีเรื่องหงุดหงิดให้สนใจมากพอแล้ว และเรื่องของพวกแมคคอลก็ไม่สมควรเข้ามารบกวนเขาได้อีกต่อไป
ทว่าปลายสายนอกจากจะไม่รับรู้อารมณ์ฉุนเฉียวและไม่สนใจว่าเขาไม่อยากเสวนากับอีกฝ่ายแล้ว แพททริก แมคคอลยังหัวเราะเสียงน่ารังเกียจมาตามสายก่อนจะตอบว่า
“แหม…ยังไงเราก็แม่เดียวกันน่า ความจริงยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี”
ความจริงห่าเหวอะไรวะ! ไคลน์อยากจะด่าอีกฝ่ายออกไปแต่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นเพราะรังแต่จะเป็นการแสดงออกอย่างเด็กๆ เท่านั้น พ่อมดหนุ่มได้แต่สูดลมหายใจลึก ระงับอาการโกรธจนแทบจะควันออกหูแล้วเอ่ยถามปลายสายด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“มีอะไรก็พูดมาซะแพททริก แมคคอล”
เขาได้ยินเสียงหัวเราะอย่างน่ารังเกียจดังมาจากปลายสายอีกครั้ง ก่อนที่แพททริก แมคคอลจะเอ่ยคำถามที่ทำให้เลือดในกายของไคลน์เย็นเฉียบไปทั้งร่าง
“ของขวัญเมื่อคืนเป็นยังไง ยอดเยี่ยมไหม ฉันคัดอย่างดีส่งให้นายเลยนะ”
“…ฝีมือนายงั้นเหรอ”
เขาถามเสียงเย็น เหลือบตามองผู้หญิงที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่ข้างกายด้วยสายตาร้อนแรงและเต็มไปด้วยการประเมิน ตอนนี้สมองกำลังเริ่มคิดแล้วว่านี่ต้องไม่ใช่ ‘ของขวัญ’ อย่างที่แพททริก แมคคอลเอ่ยอ้าง
แต่มันต้องคือนรก ไม่ก็ระเบิดแน่ๆ เขามั่นใจอย่างนั้น!
“เด็ดล่ะสิ” แพททริกหัวเราะอีกครั้งมาตามสาย “จัดให้เป็นพิเศษเลยนะ”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยความสนุก เมื่อคิดถึงสีหน้าของไคลน์ เพนเดิลตัน
ไอ้หมอนี่คงต้องคิดอย่างสติแตกแล้วแน่ๆ ว่าเขาส่งผู้หญิงคนนี้ไปให้มันทำไม!
“หุบปากซะ”
ไคลน์ตวาดเสียงดังลั่น ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างยากที่จะระงับเมื่อคิดว่าตนเองถูกเล่นงานเข้าให้แล้ว ทว่าน้ำเสียงของเขาก็ทำให้ปลายสายจับได้ว่าไอ้ที่ส่งไปให้นั้นยังไงก็คงโดนพ่อมดกินไม่เหลือซากแน่ๆ
“ฟันไปแล้วแน่ๆ ดีไหมล่ะพี่ชาย” น้ำเสียงแพททริกเต็มไปด้วยความยั่วเย้า
ทว่าเป็นความยั่วเย้าที่ไคลน์เกลียดอย่างสุดใจ “แกต้องการอะไร!” เขาตะคอกถามอย่างไม่คิดจะเก็บอารมณ์อีกต่อไป
แพททริกเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนน้ำเสียงจริงจังของเขาจะดังขึ้น บ่งบอกว่าตอนนี้เขากำลังจะเอาจริงแล้วเช่นเดียวกัน “ของกำนัลก็รับไปแล้ว เราก็มาเจรจากันหน่อย...”
“ที่ไหน” ไคลน์ถามสั้นๆ เพราะอยากจะรู้เช่นเดียวกันว่าแพททริก แมคคอลต้องการอะไร
“ที่บ้านฉันเป็นไงล่ะ แม่อยากเจอนายนะ”
ข้อเสนอของแพททริกทำให้ไคลน์ได้แต่กำโทรศัพท์แน่น เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องเหยียบย่างเข้าไปในบ้านน่ารังเกียจของพวกแมคคอลจนได้
เขากัดฟันตอบรับไปอย่างแค้นเคือง ขณะที่แพททริกส่งเสียงตอบรับด้วยความพึงพอใจก่อนจะวางสายไปในที่สุด
“เดี๋ยวเจอกัน”