อาหารไทยมื้อนี้ที่พวกเขามารวมตัวกันได้เพราะอเล็กซิสเป็นต้นคิดและชักชวนกึ่งบังคับเพื่อนๆ ให้มาลองทาน เห็นจะเป็นเพราะไอ้หมอนี่กำลังติดสาวไทยอยู่กระมังจึงได้ชักชวนกึ่งบังคับเพื่อนๆ ให้มาด้วยกัน ซึ่งเรื่อง อเล็กซิสตามจีบสาวไทย ไคลน์ได้ยินเพื่อนในกลุ่มเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน ทว่าไม่ได้ใส่ใจมากนักจึงจำรายละเอียดอะไรแทบจะไม่ได้เลย หลังจากที่นั่งทานอาหารกันไปได้สักพัก และพวกเขาก็หันเหหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่นจนกระทั่งวกกลับมาเรื่องของเขาอีกจนได้
“แกถูกเชิญไปคฤหาสน์ตระกูลแมคคอลนี่ ไม่คิดจะเข้าไปดูที่นั่นมั่งเหรอ?”
หนุ่มสเปนเพื่อนซี้ถามขึ้น ไคลน์หันไปสบตาเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวที่ทอประกายระยับด้วยสายตาระอานิดๆ ที่อีกฝ่ายยังคงไม่เลิกติดใจในหัวข้อสนทนาเรื่องเกี่ยวกับพวกแมคคอล
“ไม่ล่ะ” ไคลน์ตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าของชายหนุ่มไม่แปรเปลี่ยนเลยแม้แต่นิดเดียว จนราฟาเอลซึ่งจัดได้ว่าเป็นคู่หูของเลอานโดรเพราะมีนิสัยเจ้าชู้และกะล่อนปากหวานคล้ายๆ กันได้แต่บ่นออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
“เฮ้อ…เย็นชาจริงๆ ”
“แกมีปัญหาเรอะราล์ฟ” ไคลน์หันไปมองเพื่อนสนิทอีกคน ขณะที่ราฟาเอลได้แต่ยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นเชิงยอมแพ้เมื่อได้รับสายตาเย็นชาจากคนขี้โมโหตรงหน้า
“ใครจะกล้ามีกับแกล่ะไคลน์”
“เอาน่า...” อเล็กซิสซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการลากเพื่อนๆ มาทานอาหารไทยร่วมกันก็รีบขัดขึ้นก่อนไคลน์จะอาละวาดด้วยการใช้ปากคมๆ กัดเพื่อนๆ ในกลุ่มเสียเหวอะหวะเพราะถูกสะกิดเรื่องที่ไม่ควรแตะต้อง “อย่าไปยุ่งกับมันมาก มะรืนนี้เราว่างกันทุกคนใช่ไหม” อเล็กซิสเอ่ยถามพลางกวาดตามองทุกๆ คนรอบโต๊ะ ก่อนจะไปหยุดสายตาอยู่ที่มาเรียสเพื่อนสนิทผู้เงียบขรึม ทว่าความโหดนั้นทำเอาไคลน์ผู้ชอบส่งสายตาอำมหิตให้คนรอบตัวดูเป็นคนใจดีไปเลย
“อือ” เลอานโดรพยักหน้าตอบรับก่อนจะเอ่ยถามต่อไปด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายจะถามไปทำไม “แกจะไปไหน”
อเล็กซิสกระตุกยิ้มอย่างนึกสนุก มองมาเรียสด้วยสายตาพราวระยับก่อนจะตอบ “ช่วยไอ้มาเรียสไปตรวจคลับเป็นไง”
“ไอ้ประสาท” มาเรียสพึมพำด่าคนที่จะหาเรื่องเที่ยวแล้วทำมาเป็นอ้างโน่นอ้างนี่ สงสารก็แต่สาวน้อยชาวไทยคนนั้นที่มันกำลังไล่จีบ สงสัยตกร่องปล่องชิ้นโดนไอ้อเล็กซิสกินเมื่อไร ไม่แคล้วมันคงทิ้งเจ้าหล่อนเป็นแน่แท้ แต่ไม่รู้ระยะเวลานี่สิว่าจะใช้เวลานานเท่าไร หนึ่งเดือน สองเดือน...ไม่ก็ภายในสามสัปดาห์นี้แหละ คนที่ดันบังเอิญไปรู้ลึกรู้จริงได้แต่ส่ายหน้าให้คนหาเรื่องเที่ยวอย่างระอา
“งั้นตกลงนะ” อเล็กซิสเอ่ยเร่งเร้า เพราะรู้สึกอยากออกไปล่าเหยื่อเพื่อปลดปล่อยอารมณ์บ้าง เขาไม่ได้ขึ้นเตียงกับคนอื่นๆ มานานเกือบเดือนแล้วนับตั้งแต่ไล่จีบสาวไทยคนนั้น และเอาเถอะ...ถึงจะไม่มีแก่ใจจะขึ้นเตียงกับสาวไหนเพราะในสมองเอาแต่วนเวียนคิดถึงหนูน้อยในกำมือ ทว่าให้ได้กอดจูบลูบคลำให้ไม่สิ้นลายก็นับว่าดีไม่น้อย แถมตอนนี้ยังอยู่ไกลหูไกลตา แม่สาวน้อยของเขาคงไม่รู้เห็นอะไรหรอก
“เออ”
ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน เพราะรู้ดีว่ายังไงก็ขัดไอ้คนชวนไม่ได้อยู่ดี แถมช่วงสองสามวันนี้ไม่มีที่ไปที่ไหน ฉะนั้นไปเที่ยวเสียบ้างก็คงไม่เสียหายอะไรหรอก ถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัวแล้วกัน
ร้านคุ้มภูคำปิดตอนห้าทุ่มตรง หลังจากช่วยเคลียร์ครัวและทำความสะอาดแล้ว มนสิการก็ไปเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มของร้านมาเป็นชุดลำลองอย่างเสื้อไหมพรมคอเต่าสีฟ้าอมขาวและกางเกงยีนสีเข้ม ในมือมีกระเป๋าสะพายที่ดูออกจะใบโตสักหน่อยเพราะเธอหอบสมบัติประดามีติดตัวมาด้วยตามประสาคนบ้าหอบฟาง มนสิการรวบผมยาวดำขลับของเธอขึ้นเป็นหางม้าสูง มันแกว่งไกวน้อยๆ ในจังหวะที่เธอเดินไปยังนางอัมพาซึ่งนั่งคิดบัญชีรายรับรายจ่ายอยู่ตรงบริเวณเคาน์เตอร์เก็บเงิน
“หนูกลับก่อนนะคะป้าอัม”
หญิงสาวเอ่ยกับเพื่อนสนิทของมารดา พลางยกมือไหว้ลาด้วยรอยยิ้มติดจะเซียวๆ เพราะความเหนื่อยจากการทำงานตลอดทั้งวัน
นางอัมพาละสายตาจากบัญชีตรงหน้า มองผ่านลอดแว่นสายตาเพื่อมองใบหน้าเรียวสวยและดูอ่อนหวานของมนสิการด้วยสายตาเป็นคำถามว่าจะกลับตอนนี้จริงๆ หรือ “ไม่รอให้ป้าไปส่งก่อนเหรอ?”
นางอัมพาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดออกจะหนักใจเพราะตนเองยังเคลียร์บัญชีไม่เสร็จ แถมมนสิการเองก็ห่วงหากจะปล่อยไปคนเดียวเพราะเจ้าหล่อนเพิ่งมาอยู่อเมริกาได้ไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูชินทางแล้ว กลับเองได้” มนสิการรีบตอบพร้อมกับปฏิเสธมือไม้แทบจะพันกัน โธ่…เธอจะให้ป้าอัมไปส่งเธอได้ยังไง ก็เห็นกันอยู่ว่าท่านไม่ว่าง แถมเธอก็จำทางกลับห้องพักได้ตั้งนานแล้ว แต่ป้าอัมก็ไม่ค่อยปล่อยให้เธอกลับเองคนเดียวเพราะเห็นว่าร้านเลิกดึก แถมชอบบ่นว่าเธอเลือกที่พักไกลและไม่ได้อยู่ในย่านที่ป้าอัมเห็นว่าโอเค ทั้งๆ ที่เธอก็ว่าแถวนั้นไม่ได้เลวร้ายเสียหน่อย แถมค่าเช่าก็ถูกที่พักก็ดีเพราะเพิ่งสร้างใหม่ได้ไม่ถึงสองปีเลย
“งั้นเดินทางดีๆ นะจ๊ะ” นางอัมพาตัดสินใจปล่อยมนสิการกลับคนเดียวเป็นครั้งแรก เพราะตนเองวันนี้งานเยอะจริงๆ และหากจะให้รอก็คงจะอีกนาน “ถ้าถึงแล้วยังไงโทรมาหาป้าด้วยนะหนูมน”
หญิงวัยกลางคนเอ่ยกำชับเสียงหนักแน่น มนสิการพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะตอบรับ
“ค่ะป้าอัม”
โมเน่ต์เดินเข้ามาภายในห้องด้วยอาการหัวเสีย เพราะเขายังไม่ได้รับรายงานที่พึงพอใจเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำเมื่อเจ้านายเอ่ยถามถึงผู้หญิงที่ให้จัดเตรียมเอาไว้ เขาก็ไม่สามารถตอบได้จึงส่งผลให้ถูกลงโทษเป็นฝ่ามือที่ประเคนลงบนใบหน้าของเขาด้วยความหงุดหงิดใจ เจ้านายต่อว่าที่เขาชักช้า และเส้นตายของเขาก็คือวันพรุ่งนี้
โมเน่ต์ถลึงตาดุดันใส่ลูกน้องของตนเองอีกที แล้วอดตะคอกใส่ อีกฝ่ายอย่างหัวเสียไม่ได้ “ไม่มีเลยงั้นเหรอ?!”
ผู้เป็นลูกน้องได้แต่ย่นคอด้วยความหวาดกลัว เขาเป็นผู้ควบคุมดูแลผู้หญิงที่ทำงานให้กับแก๊งเอราโม่โดยมีโมเน่ต์คอยดูแลธุรกิจค้าเนื้อสดอยู่ จ้องมองลูกพี่ของตนเองด้วยสายตาหนักใจ
“ตอนนี้เราไม่มีผู้หญิงแบบนี้ในสต็อกเลยครับ”
ผู้หญิงสวยๆ หวานๆ ดูสะดุดตา สเป็กสูงส่งแบบนั้นใครจะไปหาได้ แถมที่สำคัญที่สุดคือต้องสดใหม่ ตอนนี้อยู่ที่นี่ก็ดันเหลือแต่พวกกร้านโลกเชี่ยวงานกันทั้งนั้น
“ชิบ!” โมเน่ต์สบถหยาบคายยาวเหยียดอย่างไม่ชอบใจกับสิ่งที่ได้ยิน “ก็ไปหามาสิโว้ย”
เขาเอ่ยอย่างหงุดหงิด เหตุเพราะใกล้ถึงเส้นตายในวันพรุ่งนี้ แต่เขากลับยังหาคนไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว สุดท้ายจึงได้แต่ไปลงกับลูกน้อง ให้อีกฝ่ายได้ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว
“ครับๆ ”
“แล้วยาน่ะ อย่าลืม” โมเน่ต์สั่งเสียงเข้มอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมเจ้านายถึงต้องสั่งให้เขาหาไอ้ยาแบบนั้นส่งไปให้ด้วย หรือว่าสาวที่คบอยู่มันไม่ยอมเสียทีถึงต้องใช้ยาเข้าช่วย
“นายจะเอาไปใช้เหรอครับ” คนเป็นลูกน้องถามอีกครั้ง แต่คำถามโง่ๆ นั่นก็ทำให้โมเน่ต์หงุดหงิดจนต้องวาดขาออกไปเตะอีกฝ่ายด้วยความโมโห
“อย่าเสือกเรื่องของฉัน สั่งให้หาก็หามาก็พอ” เขาเอ่ยเสียงเข้ม ดวงหน้าแสดงออกถึงความไม่สบอารมณ์ ส่งผลให้คนเป็นลูกน้องได้แต่หุบปากฉับ ไม่เซ้าซี้ถามอะไรอีกต่อไป
“ครับนาย”
อาลีเป็นหนึ่งในลูกน้องที่สังกัดแก๊งเอราโม่ ซึ่งเป็นแก๊งมาเฟียที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลอยู่ในแมนฮัตตันขณะนี้ เขาเป็นลูกน้องในสังกัดของโมเน่ต์ มือขวาคนสนิทของนายน้อยวิโต ว่าที่หัวหน้าแก๊งเอราโม่คนถัดไป ซึ่งงานในส่วนของอาลีก็คือการดูแลพวกผู้หญิงขายบริการ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเต็มใจมาขายตัวไม่ก็ถูกส่งมาจากพวกเอเชียผิวเหลือง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้องสนใจว่าแม้พวกนั้นมาจากไหน ทว่าตอนนี้ที่เขาต้องสนใจมากกว่าก็คือจะหาผู้หญิงที่ตรงสเปกเจ้านายมาได้อย่างไร
“จะไปหาที่ไหนวะ?”
อาลีสบถสั้นๆ ในตอนที่กำลังเดินทอดน่องกลับที่พักของตนเองท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนถึงแปดองศา ลมหนาวที่กรูพัดผ่านทำให้เขาต้องห่อตัวด้วยความหนาวเหน็บพร้อมกับลูกน้องที่เป็นพวกลูกกระจ็อกอีกสามสี่คนซึ่งพักอยู่ห้องเช่าข้างๆ กันกับเขา
“นั่นสิลูกพี่”
หนึ่งในเหล่าลูกน้องสนับสนุน มันเป็นคนเอเชียผิวเหลืองซีด ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนมันจะเป็นพวกเวียดนาม
“ผู้หญิงสวย น่ารัก ดึงดูดสายตา” อีกคนก็สบถพึมพำออกมา เพราะได้รับหน้าที่ให้ช่วยควานหาผู้หญิงคุณสมบัติเช่นนี้ในสังกัดเหล่าหญิงสาวที่เขาดูแลอยู่ แต่กลับรู้สึกว่าไม่มีเอาเสียเลย
“ที่สำคัญต้องเซ็กซี่ด้วยนะพี่ หาจากไหนล่ะทีนี้”
อาลีพึมพำอย่างหัวเสีย ขณะที่คนเป็นลูกน้องผิวสีอีกคนก็รีบโพล่งตอบขึ้นมาทันทีว่า
“พวกตามซ่องนี่มีเพียบ”
มันเสนอความคิดเห็นจบก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ ทว่าอาลีกลับส่ายหน้ายิก แล้วส่งเท้าไปเตะลูกน้องตนเองหนักๆ อย่างหมั่นไส้
“ไม่เอาโว้ย คราวนี้เจ้านายสั่งให้เอาคนใหม่ รับงานแรกเลย”
เหอะ มันทำเหมือนเขาไม่คิดถึงทางเลือกนั้น เสียแต่คราวนี้นายสั่ง ต้องไม่เอาแม่พวกกร้านโลกเด็ดขาด
“แต่เราไม่มีคนนะพี่”
หนึ่งในลูกน้องเอ่ยท้วงขึ้น เพราะหญิงสาวล็อตล่าสุดนั้นล้วนแต่ถูกขายไปหมดแล้ว ถึงยังไม่ขายแต่คุณสมบัติราวกับนางฟ้าแบบนั้นก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ
“แกไม่ต้องย้ำก็ได้มั้ง อันนี้ฉันรู้!” อาลีหันไปมองคนพูดตาขวาง ก่อนจะต้องหยุดชะงักเมื่อไอ้ลูกน้องเวียดนามดึงแขนเขาเอาไว้ พลางสะกิดยิกๆ แล้วชี้ไม้ชี้มือไปทางขวามือ
“พี่ๆ พี่! คนนั้นน่ะ คนนั้นได้ไหม”
“คนไหน?” อาลีเอ่ยถาม แต่ยังไม่ได้หันไปตามมือชี้ จนคนเป็นลูกน้องขัดใจ รีบจับศีรษะอีกฝ่ายหันไปตามทางนั้นอย่างถือวิสาสะทันที
“คนนั้นไง น่าจะใช้ได้มั้ง นายน้อยวิโตไม่สนใจหรอกว่าจะได้คนมาจากไหน แถมใช่ว่าเราจะไม่เคยทำ ขอแต่เราได้คนมาก็พอ!”
ไอ้เวียดมันพูดอย่างตื่นเต้น ขณะที่อาลีเองก็ตาโตด้วยความตื่นเต้นที่จะรอดตายเช่นเดียวกันเมื่อเห็นหญิงสาวเป้าหมาย แหม…แม่คุณเอ๊ย... นางฟ้าชัดๆ นอกจากจะสวยตรงสเปกชนิดเห็นระยะไกลแล้ว แม่ยังมาถูกเวลาอีกด้วย เขารอดตายแล้วโว้ย!
“เออว่ะ แกฉลาด!”
อาลีหันไปตบศีรษะลูกน้องเบาๆ พลางยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นพร้อมดวงตาที่สั่นระริก ซึ่งจับจ้องมองเหยื่อสาวตรงหน้า
“งั้นจัดการซะ”
“ได้เลย”
ลูกน้องของเขารับคำพร้อมกัน แล้วรีบกระโจนไปดักหญิงเหยื่อของพวกตนเองอย่างรวดเร็ว โดยมีอาลีรีบสาวเท้าตามไปติดๆ