10. กลยุทธ์เอาคืน

1772 คำ
หลังจากนั้น ภายในห้องก็เงียบนิ่งราวกับไม่มีคนอยู่ ผู้อาวุโสสูงสุดก็เหมือนจะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร จึงตัดบทด้วยการบอกกล่าวหลานชายให้พาสะใภ้ตนกลับไปพักเสีย “เช่นนั้นหลานคงต้องขอตัวก่อนนะขอรับ วันนี้มีประชุมที่หอขุนนางด้วย” อินหลางหันมาเอ่ยกับผู้เป็นย่า “ไปเถิด” ไท่ฮูหยินยิ้มอ่อนให้ทั้งคู่ที่ย่อตัวคารวะ ทว่าพอตันหยงจะหันมาหาฮูหยินรองฟู่ มือเรียวก็หันมาคว้าแขนนางเดินออกไป ทำให้สามแม่ลูกถึงกับหน้าเสีย “พวกเจ้าก็ไปเถิด ข้าเองก็จะกลับเรือนพักเช่นกัน” “น้อมส่งไท่ฮูหยินเจ้าค่ะ” ทั้งสามย่อตัวให้ ก่อนจะเดินตามกันออกไป เมื่อคล้อยหลังไท่ฮูหยิน สามแม่ลูกก็รีบวิ่งกลับไปที่เรือนของตนซึ่งอยู่คนละฝั่งกำแพง “ซือหลินไปเอายาถอนพิษมาให้แม่ที เร็วสิ!” ฟู่ซือเหนียงรีบเร่งบุตรสาว ไม่นานนักขวดยาสีขาวก็ถูกนำมาส่งให้ นางจึงรีบเทยาออกมาแล้วยัดใส่ปากตนอย่างเร่งรีบ “เจ็บใจนัก นึกไม่ถึงว่าแผนการณ์ของเราจะล้มเหลวไปเสียทุกอย่าง” ฟู่ซือหลินเอ่ยอย่างแค้นใจ “นั่นสิ หากพี่ใหญ่ไม่ยื่นมือมาช่วยมัน ป่านนี้มันคงถูกน้ำร้อนลวกจนเสียโฉมไปแล้ว” ซือหลินกล่าวอย่างแค้นใจไม่ต่างกัน ทว่าอึดใจต่อมานางก็ขมวดคิ้วเมื่อนึกอะไรได้ “ท่านแม่ ที่พี่ใหญ่เอ่ยเมื่อครู่ หมายความว่าอย่างไร มิใช่ว่า…เขารู้เรื่องที่เราวางยามู่ตันหยงนะเจ้าคะ” บุตรสาวคนโตของฟู่ซือเหนียงเอ่ยอย่างตื่นตระหนก ทำให้น้องคนเล็กมีอาการไม่ต่างกัน “ไม่มีทาง ต่อให้จับตัวจางหมิ่นได้ มันก็ไม่กล้าซัดทอดมาหาเราแน่ อย่าลืมสิว่านางเป็นคนขออาสาทำเอง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยอย่างมั่นใจ แม้ว่ายานี้ตนจะเป็นคนจัดหาให้ก็ตาม “ท่านแม่ปราดเปรื่องนัก” ซือหลินเอ่ยชม “พัดให้แม่หน่อย ร้อนและคันมากเลย” ฮูหยินรองฟู่รีบเอ่ย พร้อมกับโบกไม้โบกมือใส่ใบหน้าของตน บุตรสาวก็รีบทำให้ พร้อมกับเอ่ยในสิ่งที่ตนกำลังสงสัยออกมา “ท่านแม่สังเกตหรือไม่ มู่ตันหยงนางดูไม่มีอาการเลยนะเจ้าคะหรือชาที่จางหมิ่นต้มให้ นางจะไม่ได้แตะมันจริง ๆอย่างที่พี่ใหญ่บอกเจ้าคะ” ฟู่จือจือ กล่าวในสิ่งที่ตนสงสัย ทั้งสามจึงนิ่งก่อนจะมองหน้ากันไปมาอย่างครุ่นคิด “อาจไม่ใช่ อย่าลืมสิว่ายาพิษที่แม่ได้มามันจะออกฤทธิ์ในวันถัดไป เพื่อไม่ให้ใครสงสัยการวางยาของพวกเรา มู่ตันหยงน่าจะดื่มแล้ว เราแค่ต้องรอเวลาเท่านั้น แม่ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะฉลาดจนรู้ตัวว่ามีคนวางยาในน้ำชา ใครมันจะไปคิดได้ถึงขั้นนั้นกัน นอกจากคนมีตาทิพย์เท่านั้นแหละ” ฟู่ซือเหนียงกล่าวในสิ่งที่ตนเชื่อ นางสั่งไว้ว่าหากไม่สำเร็จก็ให้ส่งคนมารายงาน ทว่าทุกอย่างยังเงียบกริบ ก็แสดงว่ามู่ตันหยงต้องดื่มชาเข้าไปแล้ว ฉะนั้นพวกนางก็แค่รอหัวเราะเยาะภายหลังก็พอ “จริงด้วย หากแผนล่ม คนในเรือนฉงจื่อคงมารายงานพวกเราแล้ว หึหึ… จากนี้เราก็รอดูแค่คนงามเสียโฉมก็พอ” บุตรสาวคนเล็กเอ่ยหยันก่อนจะหัวเราะร่วน “ฮ่าฮ่า พี่อยากให้ถึงวันพรุ่งเร็ว ๆ เหลือเกิน” สองพี่น้องส่งเสียงหัวเราะอย่างสุขใจ ทว่าผู้เป็นมารดากลับเอาแต่เกาใบหน้าและร่างกายของตนจนขึ้นผื่นแดง “ว๊าย! ท่านแม่ นี่ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ” บุตรสาวคนโตรีบจับมือมารดาไว้ ซึ่งยามนี้ใบหน้าของฟู่ซือเหนียงทั้งบวมและแดง ตาข้างหนึ่งเริ่มปิดจนมองไม่เห็น ปากก็บวมเจ่อราวกับถูกผึ้งต่อย จมูกก็โตแดงดูน่ากลัวอย่างกับมันจะแตกออก “ตามหมอ ตามหมอ” เสียงแหบแว่วมาแล้วก็เงียบไป ฟู่จือจือทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร่ำไห้ ส่วนซือหลินนั้นวิ่งออกไปตะโกนบอกบ่าวให้ไปตามหมอ ก่อนจะวิ่งกลับมาดูมารดาของตนอีกครั้ง “ท่านแม่ ท่านอย่าเป็นอันใดไปนะ” สองพี่น้องตัวสั่นงันงกจนไม่รู้จะทำสิ่งใดต่อ ทั้งคู่ผลัดกันลุกผลัดกันนั่งอย่างร้อนรน กระทั่งคนจากเรือนใหญ่พากันมาเยี่ยมเยียน เพราะมันคือหน้าที่ที่ฮูหยินของจวนโหวต้องจัดการ “เกิดอะไรขึ้นหรือ ทะ… ทำไมท่านแม่สามีเป็นเช่นนี้ล่ะ” ตันหยงอุทานเสียงดัง พร้อมกับยกมือปิดปากตนเอาไว้ “จะ… เจ้ามาที่นี่ทำไม ใครเชิญเจ้ามา” ฟู่จือจือตวาดลั่น “พูดจาให้มันดีดีนะน้องสามี ข้าคือพี่สะใภ้เจ้า และที่นี่ก็เขตจวนโหว ข้ามีสิทธิ์เข้านอกออกในได้ตามฐานะที่ข้ามี” ในเมื่อพูดดีด้วย อีกฝ่ายไม่คล้อยตาม เช่นนั้นตันหยงก็จำต้องวางอำนาจใส่คนที่ไม่รู้จักเจียมตัวเสียบ้าง “น้องเล็กเงียบ” ซือหลินรีบเตือน ก่อนจะหันมาหาผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญ “พี่สะใภ้ ที่เรือนมีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย ท่านรีบออกไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากให้ใครเห็นท่านแม่สภาพนี้” นางพยายามกล่าวอย่างอ่อนน้อม ฐานะบุตรฮูหยินรองอย่างนางไม่อาจต่อต้านสะใภ้ใหญ่ของบุตรชายสายตรงได้ ทว่ามันก็แต่ยามที่ต้องเผชิญหน้ากันเท่านั้น… “จินมู่นางเชี่ยวชาญเรื่องรักษา และถอนพิษเก่ง จะลองให้คนของข้าตรวจดูสักหน่อยหรือไม่ ไม่แน่แม่ของเจ้าอาจกินอะไรที่ผิดสำแดงเข้าไปก็ได้ ปล่อยไว้นานมันจะไม่ดีนะ” “ท่านแม่ก็แค่ทานอาหารเป็นพิษเข้าไป ท่านแม่มีหมอประจำตัวอยู่เจ้าค่ะ เราไม่ขอรบกวนคนของพี่สะใภ้ให้ยุ่งยากไปด้วยหรอกเจ้าค่ะ ขอบคุณพี่สะใภ้ที่เป็นห่วง” “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ข้าก็เห็นว่าเราแซ่เดียวกันแล้วเลยอดห่วงไม่ได้ แต่ถ้าเจ้าว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีแล้วกัน เอาเป็นว่าถ้ามีเรื่องด่วนก็ไปแจ้งข้าที่เรือนใหญ่แล้วกัน” ตันหยงยังคงเอ่ยเสียงอ่อน อีกฝ่ายก็ย่อตัวให้ตามมารยาท ตันหยงเห็นเช่นนั้นก็รีบเอียงศีรษะไปมองคนที่ฟุบอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเม้มปากกลั้นความขบขันของตนไว้ เมื่อซือหลินเงยหน้าขึ้นมามอง นางก็ทำหน้าปกติ “อย่าได้เกรงใจ คนกันเองทั้งนั้น” สิ้นคำร่างอรชรในชุดชมพูพลิ้วไหวก็เดินออกไปจากห้องรับรองของเรือนแห่งนี้ หลังจากออกมาพ้นกำแพงเรือน หญิงสาวที่มีท่าทางเรียบร้อยก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไร้มารยาท “จินมู่ ชงมู่เจ้าเห็นหน้านางหรือไม่” “เห็นเจ้าค่ะ ทั้งตาปากจมูก บวมจนไม่รู้ว่าหน้าเดิมเป็นเช่นไรเลยเจ้าค่ะ ฮ่าฮ่า” ชิงมู่ขำหนักกว่าผู้เป็นนายเสียอีก “นายหญิงเบา ๆ หน่อยขอรับ ประเดี๋ยวจะมีคนเอาไปรายงานไท่ฮูหยิน” เว่ยซานรีบเตือน วันนี้เขารับหน้าที่คอยอารักขาตันหยงตามคำสั่งท่านโหว ส่วนพี่ชายอย่างเว่ยซาก็ตามดูแลผู้เป็นนาย และยังมีสหายนามว่าเกาหยางอีกคน เมื่อได้ฟังคำติติง นายบ่าวก็เงียบเสียงลง ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ยังส่งเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจ คงมีแค่จินมู่เท่านั้นที่ทำเพียงแค่ยิ้มอ่อนกับความดื้อซนของผู้เป็นนาย พอกลับมาถึงเรือน เว่ยซานก็แยกตัวไปยืนห่าง ๆ ปล่อยให้สตรีทั้งสามนางนั่งพูดคุยกันอยู่ในศาลากลางบึงบัว “นึกไม่ถึงว่าแค่ผงพิษเล็กน้อยจะทำให้ฮูหยินรองฟู่อาการหนักได้ขนาดนี้ ยาพิษของพี่จินมู่นี่ร้ายกาจจริง ๆ” ตันหยงยกนิ้วโป้งให้อีกฝ่าย เป็นอันรู้กันว่าหมายความว่าเช่นไร “ใส่เล็กน้อยไม่มีทางบวมได้ขนาดนี้หรอกเจ้าค่ะ” จินมู่เหน็บผู้เป็นนายที่ยังคงทำหน้าทะเล้นอย่างมีความสุข “แหะ ๆ ข้าใส่นิดเดียวจริง ๆ นะ เอ๋! หรือเป็นเพราะเล็บข้ามันยาว เลยเก็บยาพิษได้มากกว่าที่ตั้งใจ” ตันหยงทำท่าครุ่นคิด พร้อมกับยกมือขึ้นมาดู จึงถูกตีเข้าให้ “อ๊ะ! พี่จินมู่” “ไม่ต้องมาร้องนะเจ้าคะ แอบใส่ยาลงไปในชาเกินกำหนด ยังจะบอกว่าเป็นเพราะเล็บอีก เจ้าเล่ห์นักนะ” “พี่จินมู่ ข้าว่ามันน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าข้าเป็นคุณหนูนะ ข้าจะซ่อนพิษไว้ทุกนิ้วเลย เอาให้ฮูหยินรองฟู่หัวโตเท่าลูกแตงโมไปเลย ใครบอกให้นางคิดวางยานายของข้า ไม่จับยาพิษกรอกปากเหมือนสาวใช้ที่ถูกขังอยู่ก็บุญหัวแล้ว” ชงมู่เอ่ยอย่างแค้นใจ “เบาหน่อย ประเดี๋ยวคนอื่นก็มาได้ยิน” จินมู่รีบเตือน เพราะยามนี้พวกนางไม่ได้อยู่ในจวนสกุลมู่แล้ว ทุกคำต้องระวัง “ก็ข้าลืมนี่ ทว่านึกถึงทีไรก็อดแค้นใจไม่ได้ ยังดีที่ฮูหยินเรามีไหวพริบ แอบใส่ยาลงในชาที่ต้องยกให้นางดื่ม ถึงเอาคืนสามแม่ลูกนั้นได้ หึหึ…พวกนางคงนึกไม่ถึงว่าวิธีที่ตนใช้เพื่อทำให้ฮูหยินเราอับอาย กลับย้อนคืนไปหาตนเองเสียได้ นึกแล้วก็สาแก่ใจยิ่งนัก ตอนที่ฮูหยินรองฟู่รู้ว่าชาที่ตนดื่มมาจากที่ใด ข้าเห็นหน้านางซีดเป็นไก่ต้มเลย” ชงมู่หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ตันหยงหัวเราะตามคนของตน ทว่าอึดใจต่อมานางก็นิ่งไป เมื่อคิดตามคำพูดของสาวใช้เกี่ยวกับเรื่องน้ำชา ‘นั่นสิ ทำไมฟู่อินโหวถึงยื่นมือมาช่วยเรา ตามเนื้อเรื่องมันไม่ควรต้องเป็นอย่างนี้นี่หน่า’ ตันหยงยังคงครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ เพราะมันไม่เหมือนเนื้อหาที่ตนเคยอ่านมาเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม