หลังจากกลับเข้าห้องด้วยความรีบร้อน ไม่นานก็มีเสียงคนสนิทกล่าวขึ้นมาที่หน้าประตู “ฮูหยิน ท่านยังต้องไปยกน้ำชาให้ไท่ฮูหยินกับฮูหยินรองฟู่นะเจ้าคะ” จินมู่เอ่ยรายงาน
“แล้วเขาล่ะ” ตันหยงกระซิบถาม
“นั่งรอที่สวนเจ้าค่ะ ท่านโหวบอกว่าจะไปด้วย”
ได้ยินเช่นนั้นตันหยงก็เปิดประตูออกมา สายตายังคงจับจ้องไปที่โต๊ะกลางสวน พอเห็นสามีมองอยู่นางก็เม้มปาก แต่ก็ยอมเดินออกมา เพื่อไปทำหน้าที่สะใภ้ตามธรรมเนียม
เมื่อเดินมาถึงนางก็เอาแต่เหลือบมองท่านโหว เพราะเกรงจะถูกเขาเอาคืน จนกลายเป็นหวาดระแวงไปเลย และท่าทางนางมันก็ทำให้ฝ่ายของสามีพากันอมยิ้ม เพราะมู่ตันหยงคอยเหลียวหลังกลับมามองอยู่ตลอดเวลา
“เดินไปเถิดน่า หันรีหันขวางอยู่ได้ ไม่เหนื่อยหรือ”
“ท่านโหวก็เดินนำสิเจ้าคะ” นางรีบต่อรอง ผู้เป็นสามีจึงส่ายศีรษะเล็กน้อย ถึงกระนั้นใบหน้าเขาก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แต่ก่อนที่เขาจะเดินต่อ มือเรียวได้ยื่นออกมารั้งแขนนางให้หยุด จากนั้นเขาก็โน้มหน้าลงมาหาแล้วเอ่ยกับคนหน้าตื่นว่า
“ไม่ต้องกลัว ข้าเอาคืนเจ้าแน่” ยิ้มร้ายเผยออกมาอีกครั้ง คนตัวเล็กจึงได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะยิ้มแหยให้เขา
“ลืม ๆ มันไปเถิดเจ้าค่ะ” ว่าพร้อมกับยื่นมือมาลูบอกแกร่งเบา ๆ นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรนางก็รีบถดมือกลับ
อินหลางยกยิ้มแล้วหันมาคว้ามือนางไว้ ก่อนจะออกแรงพาเดินไปที่เรือนใหญ่ ซึ่งเป็นที่พำนักของเขาเอง อันที่จริงพิธีนี้ไม่ต้องมีก็ได้ เพราะบิดามารดาแท้ ๆ ของเขาสิ้นไปแล้ว ที่เหลืออยู่ในจวนก็เป็นมารดาเลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาที่อยู่เรือนข้าง ซึ่งอยู่คนละฝั่งกำแพง ถึงกระนั้นก็ยังเดินมาหากันได้หากมิใช่เพราะท่านย่าเขายังอยู่ พิธีนี้ก็คงไม่ต้องมี
“มากันแล้วเจ้าค่ะ” ฮูหยินรองฟู่รีบเอ่ย “ไม่รู้มัวทำอะไรกันอยู่ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอเสียตั้งนาน” ประโยคหลังกล่าวเสียงดัง
“ขออภัยท่านย่าที่หลานพาน้องหญิงมาช้า เมื่อคืนอยู่ดึกเกินไป เลยทำให้ตื่นสายขอรับ” ท่านโหวยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย ตันหยงก็ได้แต่เอียงคอมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“ดี…นับว่าเจ้ารู้ความ” ผู้เป็นย่ากล่าวอย่างชอบใจ เพราะคิดว่าหลานชายตนคงทำหน้าที่สามีตลอดทั้งคืน
อีกไม่นานนางจะได้อุ้มหลานตัวน้อยอีกคนแล้ว
‘โกหกคนแก่ไม่กลัวบาปหรือไงท่านโหว’ ตันหยงตำหนิเขาในใจ ก่อนจะยิ้มแห้งออกมาเมื่อเห็นสายตาไท่ฮูหยิน ตัวละครนี้ไม่มีพิษภัยอะไรต่อนาง เว้นแต่สามแม่ลูกนี้เท่านั้น
“ป้าหลิ่ว เทน้ำชาให้ฮูหยินน้อยสิ” เสียงสั่งการดังขึ้นในเวลาต่อมา แม่บ้านจึงรีบจัดการส่งถ้วยชาให้ตันหยงถือ ก่อนจะนำกาน้ำชาที่ตั้งอยู่บนเตาไฟมาเทใส่ถ้วย
ทว่ากาน้ำยังไม่ทันได้เอียงลง มือเรียวของท่านโหวก็มาคว้าไว้เสียก่อน จากนั้นเขาก็เทราดลงที่มือป้าหลิ่ว
“โอ๊ย! ร้อน! ร้อนเจ้าค่ะ” แม่บ้านวัยสี่สิบรีบคุกเข่า
“ในเมื่อเจ้ารู้ว่ามันร้อน เหตุใดยังคิดจะเทน้ำลงในถ้วยชาให้ฮูหยินข้าถือ แล้วเจ้าคิดหรือไม่ว่าคนที่ต้องดื่มเข้าไปมันจะร้อนเพียงใด เป็นบ่าวมานานถึงสิบปี เรื่องแค่นี้เจ้าก็ไม่รู้หรือ” อินหลางคำรามลั่นห้อง ทำเอาสามแม่ลูกถึงกับหน้าเสีย
“ป้าหลิ่ว ไยเจ้าถึงไม่รู้ความเช่นนี้ฮึ” ฮูหยินรองฟู่รีบตำหนิหมายกลบเกลื่อนความผิดของตนเพราะนางคือคนสั่งการ
“บ่าวขออภัยท่านโหว ขออภัยฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ” ป้าหลิ่วรีบหมอบก้มหัวลงกับพื้นอย่างตื่นกลัว เพราะตั้งแต่เข้ามาอยู่ในจวนนี้ นางไม่เคยถูกท่านโหวต่อว่าเลยสักครั้ง
“เอาล่ะ เอาล่ะ อย่าได้เอาความกันอีกเลย ในเมื่อชามันร้อนก็ไม่ต้องยกน้ำชาแล้ว ปล่อยผ่านไปเถิด” ไท่ฮูหยินตัดบท เพราะเกรงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต นางก็พอจะเดาออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อครู่ก็ไม่ได้ใส่ใจสังเกต มิเช่นนั้นคงตักเตือนไปแล้ว ดีที่หลานชายไม่ปล่อยเฉยให้ภรรยาตนถูกรังแก มิเช่นนั้นสะใภ้ใหญ่ของนางคงได้กระอักกระอ่วนใจแย่
“ไม่ได้ขอรับท่านย่า อย่างไรเสียฮูหยินของหลานก็ต้องยกน้ำชาให้ท่านย่ากับฮูหยินรองฟู่ตามธรรมเนียม” อินหลางหันไปพยักหน้าให้คนของตน ไม่นานสาวใช้ก็เดินเข้ามาพร้อมถาด ทว่าทั้งคู่แยกกันไปคนละฝั่ง จากนั้นสาวใช้ที่วางถาดที่โต๊ะข้างไท่ฮูหยินก็รินชามาส่งให้ฮูหยินน้อยนิ่งมองเหตุการณ์อยู่
“ไปสิ” อินหลางเอ่ยเตือนสติภรรยาตน ตันหยงจึงรับถ้วยชามาถือไว้ ก่อนจะคุกเข่าลงแล้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้
“น้ำชาเจ้าค่ะท่านย่า” ตันหยงยิ้มหวานให้หญิงชราอย่างเป็นมิตร อีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับอย่างอ่อนโยน
“น่ารักน่าชังจริงเชียว” คนแก่เอ่ยจบก็รับชามาจิบพอเป็นพิธี จากนั้นคนสนิทที่ยืนข้างกันก็ยื่นกล่องไม้แกะสลักงดงามให้ ไท่ฮูหยินเปิดออกแล้วก็ยื่นมาตรงหน้าตันหยงพร้อมกับเอ่ยว่า “ย่าให้เจ้า นี่คือมรดกตกทอดของตระกูลย่าเลยนะ”
“กำไลหยกขาว!!” สามแม่ลูกส่งเสียงประสานกันทันที
“ทะ… ไท่ฮูหยินนี่เป็นของล้ำค่านะเจ้าคะ” ฟู่ซือเหนียงมารดาเลี้ยงท่านโหวรีบกล่าวทักท้วงอย่างริษยา
“เพราะมันล้ำค่า จึงต้องอยู่กับคนที่ควรค่า” คำตอบของไท่ฮูหยินราวกับเหล็กแหลมที่ทิ่มแทงสามแม่ลูก เพราะพวกนางไม่อาจกล่าวอันใดได้อีก นอกจากเฝ้ามองเงียบ ๆ
“ขอบคุณท่านย่าที่เมตตาหลานนะเจ้าคะ หลานจะเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเจ้าค่ะ” ตันหยงยิ้มหวานแล้วรับกล่องไม้มาถือ ทว่าผู้เป็นย่ากลับรั้งข้อมือนางไว้
“อินหลาง เจ้ามาสวมให้น้องที”
“ขอรับท่านย่า” ฟู่อินโหวไม่กล่าวปฏิเสธสักนิด เขาเดินเข้ามานั่งคุกเข่าข้างกัน ก่อนจะหยิบเอากำไลหยกขาวสวมให้ภรรยาตัวน้อย ที่เผยยิ้มแหยด้วยความจำยอม
“อยู่ในข้อมือขาว ๆ มันช่างขับผิวดีแท้ งดงามมาก” ท่านย่ากล่าวชม และยิ้มเอ็นดูทั้งคู่ที่เหมือนจะรักใคร่กันดี
“ขอบคุณท่านย่า ขอบคุณท่านโหวเจ้าค่ะ”
“เอ๋! ทำไมยังเรียกท่านโหวอยู่อีกฮึ หลานสะใภ้ต้องเรียกสามีว่าท่านพี่มันจึงจะถูกนะรู้หรือไม่” ผู้เป็นย่าตำหนิไม่จริงจัง คนถูกดุจึงได้แต่ยิ้มแหย และรับคำเสียงเบา
“สงสัยฮูหยินน้อยจะยังไม่ชินเจ้าค่ะ” ป้าชุนซึ่งเป็นคนสนิทของไท่ฮูหยินเย้า นำพาให้ผู้เป็นนายหัวเราะตาม
“ดูท่าจะจริง เอาเถิดต่อไปก็เรียกให้ชินปากรู้หรือไม่ ไปยกน้ำชาให้ฮูหยินรองเถิด เสร็จแล้วจะได้กลับไปพัก” คนแก่แนะ
ตันหยงจึงขยับตัวมาคุกเข่าตรงหน้ามารดาเลี้ยงสามีพื่อเตรียมตัวยกน้ำชาให้ตามธรรมเนียม
แต่จะว่าไปในเนื้อเรื่องที่เคยอ่านมา ตอนยกน้ำชาช่วงเช้าท่านโหวไม่ได้อยู่ด้วย ซึ่งอันที่จริงเขาหายไปตั้งแต่เสร็จพิธีไหว้ฟ้าดินด้วยซ้ำ ทว่าทำไมความเป็นจริงมันถึงได้ต่างออกไป
คราแรกตันหยงตั้งใจจะสาดน้ำชาร้อน ๆ ใส่สามแม่ลูกให้รู้สำนึก กลับกลายเป็นฟู่อินโหวจัดการแทนเสียได้ แผนที่วางไว้เลยต้องล้มไม่เป็นท่า แต่ช่างเถิด…นางยังมีวิธีเอาคืนอย่างอื่นอีก
“ฮูหยิน ยกน้ำชาให้แม่สามีเจ้าค่ะ” เสียงเตือนสติแว่วมา ทำให้ตันหยงต้องรีบยกถ้วยชายื่นออกไปอย่างจำยอม
อีกฝ่ายก็รับมาถือไว้ ก่อนจะดื่มเข้าไปตามธรรมเนียม
“ฮูหยินรอง ข้าเคยได้ยินว่าชาจากสะใภ้ หากดื่มจนหมดผู้เป็นมารดาจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ท่านควรดื่มให้หมดนะ จะได้อยู่กับลูกหลานไปนาน ๆ” อินหลางเอ่ยบอกเสียงอ่อน ทว่ามันคือประโยคกดดันที่ทำให้คนฟังต้องดื่มให้หมดต่างหาก
ฮูหยินรองฟู่เผยยิ้มจนเห็นฟันขาวเพื่อเอาใจบุตรเลี้ยง
“อ้อ! มีอีกอย่างนะ ข้าลืมบอกไป เมื่อเช้าได้ยินว่าท่านส่งชาไปให้น้องหญิงแต่เช้า ทว่านางดันไม่ชอบชารสนี้ ข้าเห็นแล้วก็เสียดาย เลยให้สาวใช้นำกลับมาคืนท่านเสีย รสชาติมันน่าจะถูกปากฮูหยินรองมากกว่าน้องหญิงข้ากระมัง”
ผู้ที่ยิ้มกว้างเมื่อครู่ ถึงกับหุบปากลงทันที มิหนำซ้ำใบหน้ายังซีดเผือด และเริ่มมีอาการตื่นกลัวจนตัวสั่น
“ฮูหยินรองเป็นอันใดไปหรือ ไยตัวสั่นเหงื่อออกเช่นนั้นเล่า ชาก็ไม่ได้ร้อนเหมือนที่ป้าหลิ่วยกมาให้ฮูหยินข้าเสียหน่อย ทำราวกับดื่มเข้าไปแล้วมันร้อนรุ่มในกายอย่างนั้นแหละ ชานะขอรับ ไม่ใช่ยาพิษ” อินหลางยังคงกล่าวเหมือนไม่มีอะไร
เพราะเขาอยากรู้ว่าชาที่ถูกส่งมาให้ฮูหยินตนมันมีบางสิ่งแอบแฝงอย่างที่มู่ตันหยงกล่าวหาสาวใช้หรือไม่ พอเห็นอาการของสามแม่ลูกเป็นเช่นนี้ เขาก็แน่ใจแล้วว่าภรรยาตัวน้อยไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาอย่างที่ตนเข้าใจในคราแรก
นางกำลังถูกคนในจวนเขาลอบทำร้ายต่อหน้าต่อตาเขาเอง ดูท่าวันหน้าเขาคงปล่อยผ่านเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้แล้ว