ด้านตันหยง เมื่อหลบออกมาแล้วนางก็นั่งเล่นอยู่ในสวน มีสาวใช้คนสนิทจากบ้านเดิมสองคนคอยอยู่รับใช้ข้างกาย เพราะนางไม่ไว้ใจคนของจวนโหวสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะสาวใช้หน้าตาดีที่ถูกส่งมาเดินวนเวียนทั่วเรือนของนาง คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนของฮูหยินรองฟู่ทั้งนั้น และแน่นอนว่าพวกนางไม่ได้มาอยู่รับใช้ตนเพียงอย่างเดียว แต่มาคอยก่อกวนให้อยู่ไม่เป็นสุขด้วย
ทว่า ใครหรือจะอยู่ไม่เป็นสุข
“ฮูหยิน ชาเจ้าค่ะ” สาวใช้ของจวนโหวนามว่าจางหมิ่นเดินเข้ามาวางถาด จากนั้นก็รินให้นายหญิงคนใหม่ของตน
ตันหยงเงยหน้ามองอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มอ่อนให้ จากนั้นนางก็เอ่ยว่า “เจ้าชิมให้ข้าที ข้าอยากรู้ว่ามันร้อนหรือเปล่า”
“อะ… เอ่อ ไม่ได้เจ้าค่ะ บ่าวเป็นบ่าว ไม่ควรแตะต้องของผู้เป็นนาย หากฮูหยินรองฟู่ทราบเรื่อง บ่าวต้องถูกโบยจนหลังลายเป็นแน่เจ้าค่ะ” จางหมิ่นรีบปฏิเสธ
“แล้วนายเจ้าโบยเจ้ากี่ไม้ล่ะ” จินมู่สาวใช้ตันหยงถาม
“สิบไม้เจ้าค่ะ” จางหมิ่นรีบเอ่ย หมายให้อีกฝ่ายปรานี
ทว่า!
“เช่นนั้นถ้าเจ้าไม่ดื่มชานี่ ก็รับโทษโบยจากฮูหยินท่านโหวไปยี่สิบไม้ก็แล้วกัน เด็ก ๆ มาเอานางไปโบย” ครานี้เป็นเสียงสั่งการของชงมู่ สาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้ม แต่ความจริงนางเด็ดขาดนัก ใครกล้าลงมือกับผู้เป็นนาย นางย่อมไม่ปรานีแน่
“ไม่ ไม่นะเจ้าคะ บ่าวไม่ได้ทำผิดอันใด ไยนายหญิงสั่งลงโทษเช่นนี้” จางหมิ่นส่งเสียงคร่ำครวญ หมายให้ท่านโหวได้ยิน ซึ่งมันก็ได้ผล ยามนี้ฟู่อินโหวเดินออกมาแล้ว
“มีเรื่องอะไรกันแต่เช้า” ร่างสูงก้าวลงมาจากบันไดตรงมาหาภรรยาตน ทว่าจางหมิ่นกลับพุ่งเข้ามาเกาะขาเขาก่อนจะถึง
“ท่านโหว ช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ ฮูหยินสั่งคนให้โบยบ่าวยี่สิบไม้เจ้าค่ะ บ่าวแค่ไม่ยอมดื่มชาเท่านั้นเอง”
อินหลางหันมองภรรยาตัวน้อยของตนเป็นเชิงถาม แต่สิ่งที่เขาเห็นคือนางยกยิ้มมุมปาก มิหนำซ้ำนางยังมองเขาสลับกับสาวใช้ขึ้นลงราวกับกำลังพิจารณาบางสิ่ง
“ถอยออกไป” เสียงเย็นออกคำสั่งกับคนที่เกาะขาตน ทำให้จางหมิ่นต้องรีบขยับถอยหนีออกในทันที จากนั้นท่านโหวก็เดินมานั่งที่ตั่งกลมข้างภรรยาของตน
“มีเรื่องอะไรกันแน่” เขาเอ่ยถามอีกครั้ง
“ข้าก็แค่ให้นางดื่มชาแทน แต่นางบอกว่าดื่มไม่ได้ เพราะ มารดาท่านโหวสั่งไว้ห้ามทำตัวเสมอนาย หากฝ่าฝืนจะถูกโบยสิบไม้ คนของข้าเลยตั้งกฎขึ้นมาบ้าง ใครขัดคำสั่งข้ารับโทษเป็นสองเท่า” สิ้นคำนางก็เผยยิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไร
ปึ้ง! ฝ่ามือเรียวทุบลงบนโต๊ะทันที
“เรื่องแค่นี้น่ะหรือ ทำให้เจ้าสั่งลงโทษคนในเรือน ไร้เหตุผลสิ้นดี” ร่างสูงลุกพรวดขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าภรรยา ไม่ต่างจากคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ จางหมิ่นกำลังยิ้มเยาะตันหยง
ทว่าคนที่ถูกมองด้วยแววตาเกรี้ยวกราดหาได้ใส่ใจไม่ นางกลับยกยิ้ม พรางรินชาใส่จอกแล้วยื่นให้สามีอย่างใจเย็น
“ท่านโหวอย่าได้ตำหนิข้าเลยนะเจ้าคะ นั่งลงดื่มชาถ้วยนี้ก่อนเถิด” ตันหยงยังคงเผยยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้
“ท่านโหว! อย่าดื่มนะเจ้าคะ” จางหมิ่นร้องห้ามอย่างลืมตัว เมื่อนึกได้นางก็รีบก้มหน้าทันที
ท่าทางตื่นตูมนี้… ทำให้อินหลางเริ่มสังเกตเห็นถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ เขาจึงหันกลับมาหาภรรยาตัวน้อยที่ยังยื่นจอกชาให้ ใบหน้ายิ้มแย้มนี้มันช่างยียวนเสียเหลือเกิน ไม่ถึงอึดใจเขาก็หันกลับมาหาสาวใช้ที่นั่งนิ่งไม่ยอมขยับ
“ในเมื่อฮูหยินมีน้ำใจเจ้าก็รับไปเถิด แต่ถ้าไม่เช่นนั้นเจ้าก็ไปรับโทษโบยยี่สิบไม้เสีย” สุ้มเสียงเขาเริ่มเยือกเย็น
“ทะ… ท่านโหว” จางหมิ่นเงยหน้าอ้อนวอน
“จะอะไรนักหนา กะอีแค่ดื่มชาแทนฮูหยิน” ชงมู่หันมารับถ้วยชาในมือผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินตรงไปใช้มือบีบปากสาวใช้นางนี้อ้าออกแล้วกรอกมันลงไปจนหมด
“ไม่นะ! ไม่นะ!” จางหมิ่นร้องเสียงหลง พร้อมกับใช้นิ้วล้วงเข้าไปในคอตน หมายจะให้อาเจียนออกมา
“หึหึ… แค่ดื่มชา ทำไมเจ้าต้องร้อนรนถึงเพียงนี้เล่า หรือชานี้มันมีพิษร้ายอันใดซ่อนอยู่” ชงมู่ยอบกายชันเข่ามองอีกฝ่าย ก่อนจะเชยคางจางหมิ่นขึ้นเพื่อให้เผชิญหน้ากับทุกคน
“ขะ… ข้า ข้าเปล่านะ”
“เปล่าอะไร เปล่าวางยาฮูหยินข้ากระนั้นหรือ”
“ท่านโหว บ่าวไม่ได้ทำจริง ๆ นะเจ้าคะ” ร่างอรชรของสาวใช้คนงาม รีบขยับคลานมาหาผู้เป็นนายทันที
“หยุดอยู่ตรงนั้น หากเจ้าไม่ได้ทำจะร้อนตัวไปไย” เพียงแค่คำพูดเย็นชาเปล่งออกมา สาวใช้ตัวน้อยก็ชะงัก มากไปกว่านั้นคนที่นางหวังให้ช่วยยังออกคำสั่งอีกว่า “เว่ยซา เอาตัวนางไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน ห้ามให้ใครเข้าใกล้เด็ดขาด”
คนสนิทรับคำสั่งแล้วก็พาตัวจางหมิ่นออกไป พร้อมด้วยเสียงคร่ำครวญน่าสงสาร ไม่รู้เป็นเพราะกลัวความผิด หรือนางถูกใส่ร้ายจริง ๆ ทว่าใครกันจะกล้าเข้ามาช่วย
ในเมื่อคนที่นางสร้างเรื่องด้วยคือฮูหยินของจวน
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ จางหมิ่นถึงถูกสั่งขังได้”
“ข้าก็ไม่รู้ ได้ยินแค่ว่าฮูหยินให้นางดื่มชา แต่นางไม่ดื่ม จากนั้นคนของฮูหยินก็เอาชากรอกปากนาง ท่านโหวก็สั่งให้เอาไปขัง ข้าว่านางคงล่วงเกินอะไรฮูหยินท่านโหวเป็นแน่ ถึงได้โดนเช่นนี้” อีกคนก็หันมากระซิบกระซาบบอก
“แน่ใจหรือ มิใช่ฮูหยินเห็นว่าจางหมิ่นหน้าตางดงามเลยเกิดหึงหวงหรือ ข้าเห็นตอนที่จางหมิ่นเกาะขาท่านโหวด้วยนะ”
“เช่นนั้นนางก็คงจะหึงหวงท่านโหวจริง ๆ นั่นแหละ”
“สนุกปากกันจริงนะพวกเจ้า ข้าไม่แปลกใจเลย เหตุใด คนของฮูหยินถึงได้กล่าวว่าสาวใช้ที่นี่เชื่อถือไม่ได้ ลงโทษตบปากพวกนางคนละยี่สิบ ภายหน้าจะได้รู้จักเข็ดหลาบบ้าง” เสียงสั่งการของเว่ยซาดังพอให้ผู้เป็นนายที่อยู่ในสวนได้ยิน
ทว่าไม่มีใครถามว่าเกิดอันใดขึ้น เพราะอีกไม่นานคนสนิทท่านโหวก็ต้องเดินเข้ามารายงานผู้เป็นนายอยู่ดี
เมื่อเว่ยซาเดินมาถึงเขาก็กล่าวบอกไปตามจริง แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดมากมายอันใด เพราะไม่อยากสร้างประเด็นขึ้นอีก
“จัดการได้ดี” ชงมู่เอ่ยชมเว่ยซา
“มันคือกฏที่บ่าวไพร่ในจวนควรปฏิบัติอยู่แล้ว” องครักษ์วัยสามสิบเอ่ยตอบอย่างไม่ยี่หระ เขาไม่ได้ทำเพื่อใคร ทว่านี่มันคือกฏตายตัวที่มีกันทุกจวนอยู่แล้ว บ่าวไพร่ห้ามนินทาเจ้านาย
“ชิ!” สาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มคว่ำปากอย่างหมั่นไส้
“ชงมู่ อย่าเกินไปนัก” จินมู่เตือนเสียงเบา สหายวัยเดียวกันจึงยู่ปากใส่ ก่อนจะหันมาเห็นสายตาตำหนิของผู้เป็นนาย นางจึงยิ้มแหยแล้วถอยมายืนหลบทางด้านหลัง
อินหลางยังคงลอบสังเกตท่าทางของภรรยาตน รวมถึงคนของนางที่ดูร้ายกาจไม่แพ้ผู้เป็นนาย ดูท่าทั้งสามคงมีแผนรับมือตั้งแต่แรกแล้ว มิเช่นนั้นแต่ละคนคงไม่มีความสามารถมากเพียงนี้ คนหนึ่งก็แลจะชำนาญเรื่องการรักษา อีกคนก็เหมือนจะมือไวคล่องแคล่วและน่าจะมีวรยุทธด้วยกระมัง
ส่วนมู่ตันหยงก็จอมบงการ ตัววางแผนในทุก ๆ เรื่องที่ทำ ภายหน้าหากเกิดอันใดขึ้น เขาคงต้องพิจารณาให้ดีแล้วว่า ในช่วงเวลานั้น เขายืนอยู่ในแผนการณ์ของนางหรือไม่ ทว่ายามนี้เขาควรสืบดูให้รู้ก่อนว่า ในกาน้ำชามันมีพิษจริงหรือเปล่า
คิดได้ดังนั้นเขาจึงนั่งลงอีกครั้ง “เจ้าแน่ใจได้เยี่ยงไรว่าในชานี้มีพิษ หรือแท้ที่จริงแล้วเจ้าแค่ต้องการกลั่นแกล้งสาวใช้”
ตันหยงมองหน้าเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “หากท่านโหวคิดว่าข้าตั้งใจทำ ไยถึงยอมร่วมมือด้วยล่ะเจ้าคะ” เผยยิ้มยียวนใส่อีกฝ่ายอย่างน่าตี แล้วมีหรือฟู่อินโหวจะยอมให้นางแกล้งฝ่ายเดียว เขายื่นมือออกมารั้งเอวคอดยกดึงนางมานั่งบนตัก
“ปล่อยนะ!” มือน้อยยกขึ้นดันไหล่แกร่งอย่างตื่นตระหนก
“เก่งนักก็หาทางรอดให้ได้สิ” อินหลางยิ้มร้ายใส่ใบหน้างามที่อยู่ห่างเพียงคืบ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จึงลอยเข้าจมูกอีกครา เขาเผลอขยับเข้าใกล้ราวกับกำลังต้องมนต์ แต่ยังไม่ทันถึงแก้มเนียน ภรรยาตัวน้อยก็เบี่ยงหนีและขบกัดเข้าที่ไหล่เขาอย่างแรง
พร้อมกันนั้นนางก็รีบดิ้นลุกออกจากตักเขา
“สมน้ำหน้า” สิ้นคำร่างเล็กก็วิ่งหายเข้าเรือน โดยมีสายตาคมกริบของสามีมองตาม ทว่าริมฝีปากเขากลับยกมุมขึ้น ไร้ซึ่งความหงุดหงิดอย่างที่ควรจะเป็น