7. รอเวลา

1728 คำ
ด้านในจวน แขกเหรื่อเริ่มทะยอยกลับมากินดื่มอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงดนตรีที่ดังขึ้นเพื่อขับกล่อมผู้คนในงาน แต่ในมุมสวนริมกำแพงกลับมีกลุ่มสตรีกำลังพูดคุยหารือกัน “ไม่น่าเชื่อว่าข่าวลือพวกนั้นจะเกิดจากสาวใช้นางนี้ผู้เดียว ลูกว่ามู่ตันหยงจะต้องบังคับให้สาวใช้รับผิดแทนแน่ ๆ ” คุณหนูสามฟู่ซือหลินเอ่ยกับมารดาและน้องสาวของตน หนึ่งในสี่ยังมีบุตรสาวของราชครูเจียงรวมอยู่ด้วยอีกคน “ลูกก็ว่าต้องเป็นเช่นนั้นท่านแม่ มีอย่างที่ไหน เป็นเจ้านายแท้ ๆ แต่กลับยอมให้สาวใช้สวมใส่เสื้อผ้าเช่นเดียวกับตน มันก็แค่ข้ออ้างทั้งนั้น” คุณหนูสี่นามว่าฟู่จือจือรีบสำทับ “แม่ก็คิดเช่นเจ้า” ฮูหยินรองฟู่กล่าวบ้าง “มันอาจจะจริงก็ได้นะเจ้าคะ ข้าเองยังเคยเก็บอาภรณ์และเครื่องประดับที่ไม่ใช้แล้วให้สาวใช้ในจวนเลย หากพี่สะใภ้ทำมันก็คงไม่แปลกอันใด อีกอย่างข้าได้ยินว่า ซื่อจื่อกั๋วกงก็ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่านางคือสตรีที่… เอ่อ…” เจียงซินลี่ไม่กล้าเอ่ยต่อ นางรู้สึกกระดากอายที่จะพูดถึงเรื่องลักลอบได้เสียกันของกลุ่มคนเหล่านี้ จึงได้แต่ยิ้มแหยในเวลาต่อมา “เจ้าก็เป็นเสียอย่างนี้ มองคนในแง่ดีไปเสียทั้งหมด ข้าไม่มีทางเชื่อหรอกว่านางจะไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ มิเช่นนั้นไยก่อนหน้าจึงไม่เปิดเผยเรื่องราวเล่า ปล่อยให้เลยเถิดมาจนถึงงานมงคลนี้ได้อย่างไร นี่ดีนะ ที่เรื่องมันไม่เป็นไปอย่างที่ตระกูลซูต้องการ มิเช่นนั้นตระกูลฟู่ของข้าเป็นได้พังพินาศเป็นแน่ นึกแล้วมันก็น่าโมโหนัก” ฟู่ซือหลินหันมาตำหนิสหายไม่จริงจัง “ก็ข้าไม่อยากตัดสินใครจากคำเล่าลือนี่ อีกอย่าง หากไม่จริงมีหรือซื่อจื่อกั๋วกงจะยอมรับโทษคุกเข่าที่หน้าประตู รวมถึงคนเหล่านั้นด้วย” เจียงซินลี่รีบท้วงอย่างที่ตนคิด สามแม่ลูกนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่นานฟู่จือจือก็เอ่ยขึ้นมาอีก “แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ต้องหาทางกำจัดนางออกไป ข้าไม่มีวันยอมรับนางเป็นพี่สะใภ้แน่ พี่สะใภ้ข้ามีแค่พี่ซินลี่คนเดียวเท่านั้น คนอื่นอย่าได้หวังจะได้ตำแหน่งนี้เลย” กล่าวพร้อมกับหันไปกุมมือหญิงสาวที่อายุมากกว่าตนหกปี “ขอบใจน้องจือจือ ทว่าพี่คงไม่มีวาสนานั้นแล้ว ยามนี้ตำแหน่งฮูหยินฟู่อินโหวมีผู้อื่นครอบครอง พี่ไม่กล้าไปแย่งชิงของที่ไม่ใช่ของตน” เจียงซินลี่กล่าวเสียงแผ่ว “เจ้าไม่กล้าแต่ข้ากล้า คอยดูเถิด ข้าจะทำให้นางระเห็ดออกไปภายในหนึ่งเดือนนี้แน่นอน” ฟู่ซือหลินกล่าวเสียงหนัก เพื่อปลอบใจสหายรักที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเยาว์ จวบจนยามนี้ทั้งสองก็อายุยี่สิบสี่แล้ว ทั้งคู่ก็ยังคบหากันอยู่ และยังไม่ทันออกเรือนทั้งคู่ สาเหตุก็มาจาก ฟู่ซือหลินเป็นคนใฝ่สูง อยากเข้าวังไปเป็นสนมของฮ่องเต้ ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่ผ่านการคัดเลือก ด้วยว่าหน้าตานั้นจัดอยู่ในหมู่สตรีที่พบเห็นได้ทั่วไป ส่วนหนึ่งอาจมาจากมารดานางมิใช่สตรีที่งดงาม เลยทำให้สองพี่น้องคู่นี้มีหน้าตาที่ต่างออกไป ไม่เหมือนพี่ชายพี่สาวต่างมารดา นั่นคือฟู่อินหลางและฟู่อินโหรวพี่สาวคนรองที่อาศัยอยู่ทางใต้ของแคว้น กับสามีที่มีนามว่ากู้เฉินซี จึงไม่แปลกที่บุตรฮูหยินรองของตระกูลฟู่จะไร้ซึ่งความโดดเด่น ถึงกระนั้นทั้งสองก็ยังหยิ่งผยอง คิดว่าตนนั้นงดงาม ไม่ต่างจากมารดาที่มักคิดว่าตนเองดีเด่นกว่าผู้อื่นเสมอ และนิสัยใจคอเหล่านี้ มู่ตันหยงก็ประจักษ์แก่ใจดี… “หึ! แล้วมาคอยดูกันว่า ใครกันแน่ที่ต้องระเห็ดออกไป” ตันหยงยกยิ้มก่อนจะเดินเลี่ยงกลับไปที่เรือนพักของตน เมื่อครู่นางกลับมาจากไปส่งน้องสาวขึ้นรถม้า พอได้ยินเสียงพูดคุยนางจึงอดที่จะแอบฟังไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าคนกลุ่มนี้เป็นใคร นางยิ่งอยากฟังแผนการณ์ เพื่อดูให้แน่ชัดว่ามันจะเป็นเหมือนนิยายที่ตนเคยอ่านมาหรือไม่ และแน่นอนว่ามันไม่มีอะไรเปลี่ยน วิธีที่คนเหล่านี้เคยใช้ยังคงเดิม แต่ถึงกระนั้นนางก็ประมาทไม่ได้ เพราะเริ่มต้นวันแต่ง ตันหยงยังเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้กลับตาลปัตรไม่เหมือนเดิมเลย อันที่จริง…เรื่องราวที่ถูกเปิดเผยในคืนนี้ มันควรเกิดขึ้นในช่วงกลางเรื่องไปแล้ว ทว่าตันหยงกลับเฉลยว่าใครเป็นคนสร้างเรื่องอื้อฉาวให้เจ้าของร่างในคืนแต่งงาน นางเปิดโปงตัวสร้างเรื่องตั้งแต่ตอนแรกเลยก็ว่าได้ แต่สาเหตุที่นางทำเช่นนี้ก็เพราะไม่ต้องการพบกับเรื่องยุ่งยากในภายหน้า และไม่อยากมีชะตากรรมเหมือนนางร้ายของเรื่อง ที่ถูกข่าวลือทำให้กลายเป็นหญิงชั่วไปจริง ๆ หึหึ ตัวละครแบบนั้นมู่ตันหยงคนนี้ไม่มีทางเป็นแน่ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ามีคนคิดร้ายกับตน มีหรือนางจะยอมปล่อยผ่าน “พวกเจ้าลงมือเมื่อไหร่ ข้าจะคืนให้เป็นสิบเท่าเลย” นางพึมพำก่อนจะเดินเข้าเรือน และไม่ลืมสั่งให้คนของตนลงกลอนประตูหน้าต่างทุกบานด้วย จากนั้นนางก็ไปอาบน้ำแล้วก็เข้านอน โดยไม่แยแสเลยว่าค่ำคืนนี้สามีจะมาหรือไม่ เช้าวันใหม่…. ร่างอรชรในชุดนอนสีขาวบางเบา ขยับพลิกตัวตามปกติ ทว่าจู่ ๆ นางก็ดีดตัวลุกขึ้น เพราะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง “นะ… นี่ท่านเข้ามาได้อย่างไร” “จะลุกก็ลุกอย่าถามมาก” อินหลางตอบกลับงึมงำ โดยไม่เปิดเปลือกตาขึ้นมามองภรรยาตัวน้อยของตนเลย ‘อีตาบ้านี่ ทำไมไม่ไปนอนที่เรือนตนตามบทนะ’ ก่นด่าเขาในใจ แล้วรีบขยับกายมาที่ปลายเท้าเขาเพื่อลงจากเตียง พอลงมาได้นางก็ยืนเท้าสะเอวมองร่างสูงด้วยความฉงน ‘ทำไมมันไม่เหมือนในนิยายล่ะ เขาต้องเกลียดเรามากไม่ใช่เหรอ ในเรื่องขนาดเรือนใหญ่เขายังไม่ให้ไปเหยียบเลย แล้วนี่แอบปีนเข้ามารูไหนกันล่ะ’ คิดพร้อมกับกวาดตามองไปรอบห้อง พอเห็นบานหน้าต่างถูกงัดก็ถึงกลับกลืนน้ำลาย ‘บ้าไปแล้ว ถึงกับพังหน้าต่างเลยเหรอ’ ร่างอรชรเดินมาหยุดยืนมองสิ่งที่ถูกดึงจนหลุดออกจากขอบเหลือหมิ่นเหม่ ไม่นานนักนางก็หันมามองคนบนเตียงอีก พอเห็นเขาขยับตัว นางก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำ ผ่านไปหนึ่งเค่อ [15 นาที] ร่างอรชรในชุดสีชมพูอ่อนพลิ้วไหวก็เดินออกมา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสามีนั่งอยู่ที่เตียง ตันหยงยิ้มแหยให้เขาก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่ว “ท่านโหวจะชำระร่างกายไหมเจ้าคะ ข้าจะได้ให้คนเตรียมน้ำให้” “อืม” อีกฝ่ายตอบสั้น ๆ ปากอิ่มจึงอดไม่ได้ที่จะคว่ำใส่อย่างลืมตัว “หึหึ อยากโดนเหมือนเมื่อคืนหรือ ถึงได้ยื่นปากออกมาเช่นนี้” คนบนเตียงเอ่ยเย้า ก่อนจะยกยิ้มเมื่อเห็นนางเม้มปากเข้าหากันแน่น เขาจึงอยากแกล้งนางอีก จึงลุกแล้วก้าวมาหานาง จากนั้นเขาก็กางแขนออก “ถอดชุดให้ที” “มือก็มี ทำไมไม่รู้จักถอดเอง” นางรีบแย้งเขา “เป็นภรรยาไม่รู้หรือว่าต้องปรนนิบัติสามีเช่นไร” “สะ… สาวใช้ก็มี เรียกพวกนางมาดูแลสิ” ตันหยงยังคงปฏิเสธ เมื่อเห็นเขาจ้องนางก็ทำอะไรไม่ถูก จึงได้วิ่งออกไป อินหลางมองตามร่างอรชรก่อนจะยกยิ้ม “หึหึ นึกไม่ถึงว่าจอมวางแผนจะเป็นสตรีที่ขี้อายเพียงนี้” พึมพำแผ่วเบา ในหัวก็นึกถึงคำบอกเล่าของพี่ภรรยาที่กล่าวให้ฟังเมื่อคืน ฮูหยินเขาคือผู้วางแผนทั้งหมด นางแสร้งปลอมตัวเป็นนางรำ เพื่อยั่วยุให้คนชั่วหลงกลคล้อยตาม เอ่ยเล่าเรื่องราวออกมาจนหมดเปลือก ทั้งที่คนถูกกล่าวถึงก็ยืนอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ ทว่าพวกมันกลับไม่มีใครรู้เลยว่ามู่ตันหยงที่ทุกคนกล่าวถึงคือนางรำผู้นี้นั่นเอง หากจะว่าไปแม้แต่เขาก็เกือบจะหลงกล หากไม่เอะใจเรื่องที่นางให้ทายชื่อ เขาคงคล้อยตามและคิดว่าภรรยาตัวน้อยชั่วช้าอย่างที่ผู้คนกล่าวถึงไปแล้ว มากไปกว่านั้น แววตาที่นางมองเขามักจะมีบางอย่างซ่อนมาด้วยเสมอ ราวกับกำลังบอกให้เขารอ ยามนั้นเองที่เขาทำใจให้เย็นลง และรอดูว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นไรต่อ ทว่าเมื่อการแสดงผ่านไปเรื่อย ๆ กระทั่งนางเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมที่คุ้นจมูกก็ทำให้เขารู้ทันทีว่านางรำผู้นี้ มิใช่ใครอื่น นางคือภรรยาที่เขาเพิ่งแต่งเข้ามานั่นเอง เหตนี้เองที่อินหลางไม่ยอมปล่อยให้นางอยู่ใกล้ชายอื่น เมื่อเขาลองขู่ มู่ตันหยงก็ไม่ต่อต้านมันยิ่งทำให้เขามั่นใจ ว่าคนในอ้อมกอดคือภรรยาตนเอง แน่นอนว่าเขาปลื้มปีติมาก หนึ่ง…คือนางไม่ใช่สตรีชั่วไร้ยางอายที่ทุกคนกล่าวถึง สอง…นางช่วยเอาคืนซูเหวินอี้ให้เขา หากนางไม่วางแผนไว้ วันนี้เขาคงกลายเป็นตัวตลกให้ชาวเมืองได้หัวร่อเป็นแน่ ‘ข้าควรตอบแทนเจ้าเช่นไรดีตันหยง’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม