3. ของกำนัลจากเบื้องบน

1668 คำ
นางรำผู้นี้ขยับข้อเท้าที่สวมใส่กระดิ่งอย่างแช่มช้าอ่อนช้อย อาภรณ์สีแดงสดแนบเนื้อพลิ้วไหวตามการเคลื่อนตัวของเรือนกาย มันงดงามราวกับเปลวเพลิงที่กำลังหลอกล่อแมลง ใบหน้างามยังคงเรียบเฉย ไม่ยิ้มแย้มเพื่อเชิญชวนคนดู ดวงตากลมโตคมดุเยือกเย็นไร้ซึ่งการหยอกล้อเฉกเช่นนางรำทั่วไป ทว่าทุกฝีก้าวกลับมีแรงดึงดูดอย่างประหลาด ทั้งนุ่มนวลและหนักแน่น ยามเสียงดนตรีเริ่มหนักขึ้น นางก็ยกแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ นิ้วเรียวขยับอ่อนช้อย ท่วงท่าเชื่องช้าดั่งสายธาร ทว่าเต็มไปด้วยพลังที่บดบังไม่ให้ใครละสายตาได้ พอบทเพลงเปลี่ยนจังหวะ เรือนกายอ่อนนุ่มก็เคลื่อนไหวรวดเร็วเฉียบคม ปลายผ้าคล้ายเปลวไฟพุ่งออกพร้อมฝีเท้าที่หมุนวนไปทั่วพื้นที่กว้างในห้องรับรอง เหล่าบุรุษในห้องต่างก็พากันมองอย่างไม่ละสายตา บางคนแทบจะลืมหายใจไปก็มี เพราะสตรีนางนี้ทั้งงามและยั่วยวนนัก แม้ไม่ยิ้มทว่าสีหน้าและแววตากลับดึงดูดได้ดียิ่ง ร่างกายของนางเปรียบดังสายน้ำ มือที่ชูขึ้นนั้นดูอ่อนโยนราวกับผ้าไหมที่พัดปลิว แต่เมื่อใดที่นางขยับตัวรวดเร็วกลับดูแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า ซึ่งมันสร้างความตื่นตะลึงได้ดียิ่ง แม้แต่เจ้าของงานยังนั่งนิ่งมองตามจนลืมความโกรธไปสิ้น กระทั่งร่างอรชรนี้หยุดลงตรงหน้าซูเหวินอี้ อารมณ์คุกรุ่นของฟู่อินหลางก็ปะทุขึ้นอีก เพราะสายตาของนางจับจ้องไปยังศัตรูของเขาอย่างเปิดเผย พร้อมกับยิ้มหวานให้มันด้วย นางหยุดร่ายรำแล้ว และยามนี้กำลังรินสุราให้บุตรชายกั๋วกงอย่างเอาใจ “เป็นบุญของข้าน้อยจริง ๆ ที่ได้พบซื่อจื่อกั๋วกง ข้าได้ยินว่าท่านรูปงามนัก วันนี้ได้เห็นกับตาเถียงไม่ออกจริง ๆ เจ้าค่ะ” นางรำเอ่ยกับคนตรงหน้าเสียงอ่อนหวาน “ข้าก็นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ยลโฉมสาวงาม เกิดมาข้าไม่เคยพบสตรีใดงามเท่าเจ้าเลยนะ ร่ายรำก็อ่อนช้อย งดงามยิ่งนัก” อีกฝ่ายก็กล่าวคำหวานไม่น้อยหน้ากัน สุ้มเสียงคล้ายกับคนละเมอเพ้อพบไม่มีผิด แววตาที่มองนางก็หยาดเยิ้มเหลือเกิน “จริงหรือเจ้าคะ ซื่อจื่อกั๋วกงจะบอกว่า ไม่เคยพบเห็นสตรีงามเช่นข้ามาก่อนจริง ๆ หรือ ข้าไม่อยากเชื่อเลย” หญิงสาวยังคงกล่าวด้วยท่าทางเย้ายวน จากนั้นนางก็เผยยิ้มเอียงอาย จนอีกฝ่ายต้องรีบยื่นมือออกมาหมายจะจับ ทว่าร่างอรชรกลับขยับถอยหนี พร้อมกับทำท่าเขินอาย “อย่านะเจ้าคะ ถึงข้าน้อยจะเป็นนางรำ ก็ใช่ว่าจะให้บุรุษจับต้องได้ง่าย ๆ แต่ถ้าใครอยากสัมผัสเราก็มาเล่นทายปริศนากัน ใครทายถูกว่าข้าเป็นบุตรคนที่เท่าไหร่ ข้าจะให้จับมือ แต่ถ้าใครทายนามข้าน้อยได้ คืนนี้ข้าน้อยจะปรนนิบัติทั้งคืนเลยเจ้าค่ะ” เอ่ยจบหญิงสาวก็เผยยิ้มยั่วยวนเพื่อเชิญชวนชายหนุ่มทั้งหลาย ทว่าแต่ละคนกลับดูกังวลเป็นอย่างมาก ทายลำดับจำนวนยังพอมีคนคาดเดาถูก ทว่าหากเป็นชื่อแซ่ย่อมเป็นเรื่องยากแน่ เพราะดูแล้วนางน่าจะไม่ใช่คนที่อาศัยในเมืองหลวง มิเช่นนั้นบุรุษอย่างพวกเขาต้องรู้แน่ว่าสตรีที่งามเช่นนี้เป็นบุตรใคร “หากข้าทายถูก เจ้าจะยอมไปปรนนิบัติข้าทั้งคืนจริงหรือ” ซูเหวินอี้ยกยิ้ม พร้อมกับใช้สายตาเจ้าชู้มองนาง “แน่นอนเจ้าค่ะ แต่ข้ามีโอกาสให้แค่คนละสองครั้งนะเจ้าคะ ใครตอบผิดก็หมดโอกาส” นางรำคนงามเผยยิ้ม ก่อนจะเดินมารินสุราให้เหล่าคุณชายทั้งหลายที่มองนางตาเป็นมัน กระทั่งมาหยุดที่หน้าโต๊ะของเจ้าบ่าวในค่ำคืนนี้ “ท่านโหวอยากร่วมสนุกด้วยไหมเจ้าคะ” เอ่ยถามเสียงหวาน พร้อมกับนั่งลงบนโต๊ะแล้วยื่นจอกสุราให้เขา ใบหน้านางยังคงยิ้มแย้ม ทว่าแววตาที่สื่อออกมากลับมีความนัยแฝงอยู่ “ข้าไม่ชอบแย่งชิงสตรีมากตัญหากับผู้ใด” เสียงเย็นชาเปล่งออกมาหยามเหยียด และเผยแววตาดูแคลนอย่างชัดเจน ผู้ที่ตั้งใจยั่วเย้าเขาถึงกับหน้าเสีย แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้นใบหน้านางก็กลับมายิ้มให้ตามเดิม ราวกับไม่นึกเสียใจอันใด “แม่นางอย่าได้ไปรบกวนท่านโหวเลย คืนนี้เขามีเจ้าสาวผู้ช่ำชองรออยู่แล้ว เขาไม่มีทางแยแสเจ้าหรอก” เสียงหนึ่งตะโกนเย้ยหยัน สร้างความแค้นเคืองให้เจ้าของงานไปอีก “อ๊ะ! จริงด้วยข้าก็ลืมไปเจ้าค่ะ ต้องขออภัยท่านโหวนะเจ้าคะ” ร่างอรชรรีบขยับลงจากโต๊ะพร้อมกับสีหน้าเป็นกังวล ก่อนจะย่อตัวเพื่อขอขมาอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด “ไปให้พ้นหน้าข้า” ฟู่อินโหวยังคงกล่าวอย่างเย็นชา แม้ว่าคราแรกที่เห็นนางเขาจะเผลอมองอยู่นาน ทว่าเมื่อเห็นกิริยาที่นางมีต่อบุรุษในห้อง เขาก็อดนึกถึงภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามาไม่ได้ ท่าทางที่ใช้ยั่วบุรุษให้ตกหลุมพรางคงไม่ต่างกันกระมัง ‘ชั่วช้าพอกัน’ อินหลางก่นด่าในใจ ก่อนจะชะงักเพราะใบหน้างามนี้โน้มเข้ามาใกล้ และนางยังกล่าวกับเขาว่า “อย่าพึ่งลุกหนีไปไหนนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นท่านโหวอาจจะเสียใจที่พลาดโอกาสงาม ๆ นี้ไปก็ได้” สิ้นคำร่างอรชรก็เหยียดตรง ก่อนจะเผยยิ้มอ่อนหวานให้เขาแล้วก็ถอยออกมา อินหลางมองนางนิ่งราวกับต้องการพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่โชยเข้ามามันช่างคุ้นนัก เหมือนเขาเคยสูดดมมันมาเมื่อไม่นานนี้เอง ทว่าความคิดเขาพลันต้องหยุดลง เพราะเสียงที่เขาไม่อยากได้ยินมากที่สุดกำลังดังขึ้น “มาทางนี้เถิดแม่นาง มาสนุกกันดีกว่านะ” เหวินนอี้กวักมือเรียก ร่างอรชรจึงเดินอ้อยอิ่งเข้าไปหา พร้อมกับร่ายรำอย่างอ่อนช้อย โดยใช้พัดในมือช่วยให้ท่าทางที่ขยับนั้นงดงามขึ้น “เช่นนั้นเราก็มาเริ่มทายกันเลยนะเจ้าคะ ใต้เท้าทั้งสองอย่าลืมร่วมสนุกด้วยนะเจ้าคะ” หญิงสาวหันมาหาสหายของท่านโหว และไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้เจ้าของจวนด้วย ทว่ามันเป็นยิ้มที่แฝงไว้ด้วยเลศนัยให้คนมองต้องคิด จนเขาต้องกระซิบบางอย่างกับคนสนิท ไม่ถึงอึดใจ เว่ยซาก็เดินออกจากห้องไป โดยมีสาวใช้นางหนึ่งตามออกไปด้วย นางรำคนงามมองตามคนทั้งคู่ ก่อนจะหันไปมองผู้ที่นั่งนิ่งและยังคงใช้แววตาเย็นชามองมาเช่นเคย “แม่นางคนงาม ข้าทายถูกหรือไม่ สนใจกันบ้างสิ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะ หญิงสาวจึงหันกลับมาหาเขา “ถูกเจ้าค่ะ ข้าคือบุตรสาวลำดับที่สองของตระกูล” เอ่ยบอกพร้อมกับยื่นมือไปหาอีกฝ่าย เผยท่าทางเอียงอาย ชายหนุ่มผู้นั้นก็รีบจับไปดอมดมทันที แต่ไม่ถึงอึดใจมือเรียวขาวก็ชักกลับ ทำให้อีกฝ่ายถึงกับร้องอย่างขัดใจ “อะไรกัน ข้ายังไม่ทันได้ชื่นชมเลยนะ” “แหม! คุณชาย หากท่านอยากได้มากกว่านี้ ก็ต้องทายชื่อข้าให้ถูกสิเจ้าคะ ข้าได้ยินว่าคุณชายไปมาทั่วเจ็ดย่านน้ำมิใช่หรือ กะอีแค่ชื่อเสียงเรียงนามข้า ท่านจะทายไม่ถูกเชียวหรือ ชิ! หรือข้างามไม่พอ ถึงไม่มีใครตอบถูกสักคน ข้าน้อยน้อยใจแล้วนะเจ้าคะ ไม่มีใครรู้จักข้าจริง ๆ หรือ” หญิงสาวกล่าวเสียงเครือ พร้อมกับยกมือทำท่าปาดน้ำตาอย่างน่าสงสาร “โถ ๆ แม่นาง เราไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร บิดามารดาเจ้าอาจจะซ่อนเจ้าไว้มิดชิด จนพวกเราไม่อาจรู้ได้ เจ้าสามารถบอกเราได้หรือไม่ เจ้าเคยอาศัยอยู่ที่เมืองใดหรือ ไม่แน่เราอาจจะตอบถูกก็ได้นะ” คุณชายกงหยาง สหายสนิทของเหวินอี้รีบเอ่ย เขาหมายจะเดินออกมาหานาง ทว่ามือเรียวของเหวินอี้ได้รั้งเอาไว้ก่อน ทำให้ต้องนั่งลงตามเดิม “ข้าต้องได้นาง ไม่ว่าใครจะตอบถูกก็ต้องยกนางให้ข้า” เขากล่าวอย่างถือสิทธิ์ ทำให้ทุกคนในห้องต้องเงียบในทันที “หึ! ไม่มีปัญญาทายให้ถูก แต่ดันอยากครอบครอง ไร้ยางอายที่สุด” เสียงหัวหน้าองครักษ์เกราะดำกล่าวหยัน “หากพวกเจ้าเก่งนักก็ทายให้ถูกสิว่า นางรำผู้นี้มีนามว่ากระไร หากฝ่ายเจ้าตอบถูก ข้าจะยอมยกนางให้เลย ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานของฟู่อินโหวก็ได้ ข้าว่าท่านโหวได้เสียกับนางรำผู้นี้ ยังดีกว่านอนกอดสตรีที่เคยผ่านมือ ไม่สิ… ต้องบอกว่าผ่านร่างกายบึกบึนของพวกข้ามันถึงจะถูก ฮ่าฮ่า” ซูเหวินอี้ส่งเสียงหัวเราะร่วน ตามมาด้วยเสียงขบขันดังลั่นห้อง “อุ๊ยตายจริง! มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือเจ้าคะ นี่พวกท่านอย่าบอกนะว่า บุรุษที่นั่งอยู่ตรงนี้ ต่างก็เคยร่วมรักกับคุณหนูรองตระกูลมู่อย่างที่คนด้านนอกเลื่องลือ” นางรำคนงามกล่าวด้วยเสียงตื่นตระหนก ใครคนหนึ่งจึงรีบตอบ “ก็ใช่น่ะสิแม่นาง” เมื่อซ่งเทียนขวางกาสุราออกมากระทบพื้นจนแตก เพล้ง!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม