องครักษ์เกราะดำเหลืออดเต็มที เพราะสหายตนถูกหยามซึ่งหน้า ต่อจากนั้นเขาก็ลุกพรวดขึ้น หมายจะไปจัดการกลุ่มคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกันเสีย ทว่ามือเรียวของสหายกลับรั้งไว้
“นั่งลง ใครอยากกล่าวอันใดก็ปล่อยมัน” อินหลางเอ่ยเสียงเรียบ แววตาเขายังคงนิ่งจนคนรอบข้างอ่านไม่ออก
“เจ้าจะปล่อยให้มันเหยียดหยามเช่นนี้หรือ ดูท่าทางพวกมันเถิด ไม่มีสะทกสะท้านอันใดเลย” ตงไห่รีบเตือน
ทว่าสหายกลับกล่าวในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความต้องการของพวกเขา “ข้าอยากรู้ความจริง ในเมื่อบุรุษในที่นี้ต่างก็บอกว่าเคยหลับนอนกับภรรยาข้า เช่นนั้นพวกเจ้าก็ทำให้ข้ากระจ่างใจทีเถิด นางชั่วช้าเลวทรามอย่างนั้นจริงหรือ” อินหลางเปล่งเสียงดังพอให้คนในห้องได้ยินทั่วกัน และไม่เพียงแต่แขกในห้องนี้เท่านั้นที่สนใจ ยังมีแขกผู้ใหญ่หลายคนเดินเข้ามาสมทบอีก
“ฮ่าฮ่า นี่ท่านโหวเป็นคนร้องขอเองนะ หากพูดไปแล้วอย่ามาว่าพวกข้าทีหลังก็แล้วกัน” เหวินอี้เอ่ยอย่างกระหยิ่มใจ
“ใช่ ข้าร้องขอเจ้าเอง” อินหลางยังคงยืนยันคำเดิม
“ดี! เช่นนั้นข้าก็จะเริ่มแล้วนะ” เหวินอี้ยังคงเรียบเคียงทำทีหยั่งเชิง ทว่าบุรุษผู้น่าเกรงขามก็ยังนั่งนิ่งเช่นเคย ‘หึหึ ข้าจะทำให้เจ้าขายหน้าจนอยากแทรกแผ่นดินหนีเชียวฟู่อินหลาง’ นึกอย่างสาใจ ก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการเมื่อสามวันก่อนให้เจ้าบ่าวฟัง
“อะ… อะไรกัน นี่ซื่อจื่อกั๋วกงกับคุณหนูมู่ตันหยงแอบได้เสียกันก่อนจะมาเข้าพิธีมงคลเพียงแค่สามวันหรือเจ้าคะ น่าอาย น่าอายเหลือเกิน ข้าน้อยสงสารท่านโหวยิ่งนัก ซื่อจื่อกั๋วกงทำเช่นนี้กับท่านโหวได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ไม่สงสารบุรุษด้วยกันเลยหรือ ท่านช่างใจร้ายนัก” นางรำคนงามต่อว่าพร้อมกับเดินถอยออกมา
“แม่นางข้าเปล่านะ ข้าถูกมู่ตันหยงหลอกล่อ คราแรกนางไม่ยอมบอกว่าเป็นผู้ใด กระทั่งเราได้เสียกันแล้วข้าถึงได้รู้ว่านางคือบุตรสาวคนรองของโหราจารย์มู่ ต่อมานางก็ขู่ว่าจะนำเรื่องนี้ไปบอกบิดาข้า ข้าเลยต้องคล้อยตามนาง ทั้งที่ใจก็ไม่อยากทำ เหล่าบุรุษเหล่านี้ก็ถูกนางหลอกเช่นกัน มู่ตันหยงนางเป็นสตรีมักมาก เอากับบุรุษไปทั่ว” เหวินอี้รีบเอ่ยแก้ต่างให้ตนเอง โดยมีชายหนุ่มมากกว่าห้าคนช่วยกล่าวสำทับอีก
“ใช่ ๆ ข้าก็โดนด้วย ข้ามีภรรยาอยู่แล้ว ทว่ามู่ตันหยงกลับใช้มารยาหลอกล่อข้าจนหน้ามืดตามัวเผลอไปกับนาง”
“ส่วนข้าคิดว่านางยังไม่มีคู่หมาย ข้าจึงหาทางเข้าใกล้นาง จากนั้นเราก็มีสัมพันธ์กันเมื่อสองเดือนก่อน ข้าคิดจะแต่งนางเข้าบ้าน แต่นางไม่ยอม บอกว่าฐานะข้าไม่คู่ควร วันนี้ข้าเลยมาเพื่อเปิดโปงนางเสีย” ชายหนุ่มอีกคนกล่าวขึ้น
“ไร้ยางอาย! ไร้ยางอายที่สุด” เสียงก่นด่าจากญาติผู้ใหญ่ในงานดังขึ้น และมีอีกหลายเสียงที่ตามมา
“อัปมงคลที่สุด เช่นนี้แล้วพวกท่านก็มาเพื่อชี้ตัวนางหรือเจ้าคะ ดีจริง… หากมีพยานหลักฐานมากเพียงนี้ นางคงหนีไม่รอดแน่ ว่าแต่หากพวกท่านเห็นหน้านาง มั่นใจหรือว่าจะจดจำนางได้ หากวันนี้ต้องเผชิญหน้ากัน…” นางรำคนงามเอ่ยถาม
“จำได้ ข้าจำได้ไม่มีวันลืม ถึงนางจะงามสู้เจ้าไม่ได้ ทว่าข้าจำหน้านางได้อย่างแม่นยำ” เหวินอี้เอ่ยขึ้น อีกหลายคนก็ยืนยันเสียงหนักแน่น ก่อนที่ทุกคนจะสะดุ้งโหยงเพราะเสียงหนึ่ง
ปึ้ง!!
ฝ่ามือใหญ่ของฟู่อินโหวฟาดกระทบลงบนพื้นโต๊ะเบื้องหน้า คาดว่ายามนี้มันคงแดงเถือกไปแล้ว
“หึหึ รับไม่ได้หรือท่านโหว” เหวินอี้ส่งเสียงเย้ยหยัน เมื่อเห็นท่าทางเดือดดาลของอีกฝ่ายดูท่าคงทนไม่ไหวแล้วกระมัง ค่ำคืนนี้ช่างทำให้เขามีความสุขยิ่งนัก สาแก่ใจดีเหลือเกิน
“ดูเหมือนทุกคนจะมั่นใจว่าจำคุณหนูมู่ตันหยงได้นะเจ้าคะ ข้าชักอยากเห็นนางเสียแล้วสิ สตรีที่หลอกล่อบุรุษมากมายให้หลงเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังทำเรื่องชั่วช้าก่อนวันแต่งอีก ช่างไร้ยางอายหาที่ติไม่ได้จริง ๆ” นางรำคนงามเอ่ยพร้อมกับหันมาหาเจ้าของงาน ที่ยังคงนั่งนิ่งมองนางด้วยแววตาเรียบเฉย
“เหตุใดท่านโหวไม่เชิญเจ้าสาวออกมาเผชิญหน้ากับคนเหล่านี้ดูล่ะเจ้าคะ อย่างน้อยก็เปิดโอกาสให้นางได้แก้ต่างมิใช่หรือ หากคุณชายเหล่านี้กล่าวหานางฝ่ายเดียว มันก็ไม่ยุติธรรมกับนางน่ะสิ แต่ถ้าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นท่านโหวก็ใช้โอกาสนี้หย่าขาดจากนางเสียก็สิ้นเรื่อง ข้าน้อยว่ามันต้องสำเร็จโดยง่ายแน่เจ้าค่ะ ท่านโหวคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางรำตัวน้อยยังคงเอ่ยแนะ ทุกสายตาจึงหันมาที่ฟู่อินโหวเป็นตาเดียว
ทว่าส่วนมากล้วนแต่มองเขาอย่างเย้ยหยัน
ขณะนั้นเอง เว่ยซาก็เดินเข้ามากระซิบรายงานบางอย่าง คนในห้องก็พากันเงี่ยหูฟังราวกับตนจะได้ยินด้วย อินหลางจึงมองไปยังร่างอรชรที่ยืนยิ้มอยู่กลางห้อง
เขายกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย “เอาเป็นว่า ข้าจะทำตัวให้เป็นกลาง ยอมให้นางออกมาเผชิญหน้ากับทุกคนก็แล้วกัน ค่ำคืนนี้ขอให้พวกเจ้าช่วยยืนยันด้วยว่าสตรีที่เห็นใช่นางหรือไม่”
“ได้ ข้ายินดียิ่งนักท่านโหว” เหวินอี้รีบเอ่ยก่อนใคร เขาเผยยิ้มหยันออกมาอย่างกับเป็นผู้ชนะในการศึก
“เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวไปนั่งพักสักครู่นะเจ้าคะ” นางรำคนงามเอ่ยก่อนจะเดินเลี่ยงมาที่เก้าอี้ตรงมุม ซึ่งมันอยู่ข้างกันกับเจ้าของงาน ทว่าห่างแค่ช่วงแขนเท่านั้น และคนที่จัดที่นั่งให้ก็คือสาวใช้ที่ยกสุราเข้ามาในคราแรกนั่นเอง
“แม่นาง ไยเจ้าไม่มานั่งข้างข้า” เหวินอี้รีบท้วง
“ซื่อจื่อกั๋วกงทายชื่อข้าน้อยไม่ถูกเองนะเจ้าคะ ข้าน้อยก็ต้องหันมาปรนนิบัติเจ้าของงานสิเจ้าคะ ใครบอกให้คุณชายไม่รู้จักข้าล่ะเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยตัดพ้อราวกับตนน้อยใจนักหนา
เหวินอี้จึงได้แต่มองอย่างเสียดาย
อินหลางเห็นเช่นนั้นก็เผยยิ้มชอบใจ เขาจึงเอ่ยสั่งนาง “เช่นนั้นเจ้ารินสุราให้ข้าที” ทว่าเมื่อนางยื่นจอกให้ เขากลับจับข้อมือเล็กออกแรงดึงจนร่างอรชรนั้นเซถลานั่งลงบนตัก
“อ๊ะ!... ทำบ้าอะไรของท่าน”
“จะเล่นก็เล่นให้สมบทบาทสิ” เสียงเย็นดังอยู่ข้างหู ทำเอาคนที่ตั้งท่าจะดิ้นหนีต้องสงบลง ทว่าแก้มเนียนใสกลับขึ้นสีเรื่อ มิหนำซ้ำร่างกายนี้ยังสั่นระริกจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ “ไม่เห็นจะเก่งเหมือนยามพูดเลยนะ” ฟู่อินโหวเอ่ยเย้าเสียงเบา
ทว่าคนในอ้อมแขนกลับไม่ตอบ มากไปกว่านั้นคือนางเอาแต่นั่งก้มหน้า ไม่ยอมเงยขึ้นสบตาผู้คน แต่มือก็พยายามบีบเนื้อที่ต้นแขนของอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง
“ทำข้าเจ็บมาก ๆ คืนนี้ข้าจะเอาคืนเจ้า” คำขู่เปล่งมาให้ได้ยิน มือเล็กจึงหยุดชะงักในทันที พร้อมกับเงยหน้าสบตาเขา แต่ไม่ทันไรนางก็เสหลบเมื่อเห็นริมฝีปากอีกฝ่ายยกมุมขึ้น ทว่ามันก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อได้ยินเสียงขัดจังหวะของศัตรูคู่อาฆาต ที่แค้นกันมาตั้งแต่รุ่นปู่จนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สะสาง
“ฟู่อินโหว! ไหนเจ้าบอกว่าไม่แยแสนาง คิดจะเปลี่ยนใจกระนั้นหรือ” เหวินอี้คำรามเสียงดังลั่น
“นางถูกส่งมาเพื่องานมงคลของข้าโดยเฉพาะ หากข้าไม่เชยชมก็เสียเชิงชายแย่น่ะสิ อีกอย่างพวกเจ้าก็บอกเองมิใช่หรือว่า ภรรยาที่ข้าแต่งเข้ามาวันนี้นางมากตัณหาเพียงใด ขอบคุณที่พวกเจ้าช่วยเตือน ทำให้ข้าหูตาสว่างขึ้นมาทันที ข้าเลยคิดว่าคืนนี้จะนอนกอดหญิงงามให้ชื่นใจ ดีกว่าไปนอนทับร่างสตรีที่ผ่านบุรุษมากหน้าหลายตามิใช่หรือ เจ้าว่าความคิดข้าดีหรือไม่” สิ้นคำ ฟู่อินโหวก็รั้งใบหน้างามให้เงยขึ้น ก่อนจะแนบริมฝีปากตนลงประกบบดเบียดความนุ่มหยุ่นอย่างเอาแต่ใจ ทว่าไม่นานเขาก็ปล่อยให้นางเป็นอิสระ และยังไม่ลืมที่จะกดหัวนางซบไหล่
“นะ… นี่เจ้า” เหวินอี้ได้แต่ชี้หน้าอย่างแค้นใจ เขาหรืออุตส่าห์สั่งคนสนิทให้เตรียมตัว รอให้งานมงคลเลิกลา เขาจะหาทางพานางออกไปด้วย ค่ำคืนนี้เขาจะต้องได้เชยชมนาง ทว่ายามนี้ฟู่อินโหวกลับฉกชิงสตรีงามไปครองซึ่งหน้าเสียได้
น่าเจ็บใจนัก…
แต่ช่างเถิด แม้คืนนี้เขาจะเสียนางรำผู้นี้ไป ทว่ามันยังมีเรื่องให้เขาได้เปรียบฟู่อินหลางอยู่ ‘รอให้มู่ตันหยงมาก่อนเถิด ข้าจะทำให้เจ้าขายหน้า ไม่อาจอาศัยอยู่ในเมืองหลวงได้เลย’
#ท่านโหว จะมาทำตัวเจ้าชู้ไม่ได้นะ