เธอพูดขึ้นทันทีที่พนิดาหันหลังให้ หญิงสาวไล่สายตาที่ผิดหวังมองไปยังสามี ที่ตอนนี้ยังยืนตัวติดชิดกับเธอ เขาทำราวกับกลัวว่าเธอจะไปทำร้ายผู้หญิงคนนั้น หัวอกของคนเป็นเมียมันรวดร้าวแค่ไหน เธอมาที่นี่ไม่ได้เตรียมใจมาพบเจอกับความผิดหวัง ไม่คิดว่ามันจะมีบางอย่างที่เจ็บปวดซ่อนอยู่ มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาออกไปจากใบหน้าอีกครั้ง
“ปอยจะกลับแล้วค่ะ”
“ปอย” เขาเรียกชื่อด้วยเสียงที่เบาหวิวจนแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ
“ถ้าพี่อยากคุยกับปอย กลับไปคุยที่บ้าน แต่ถ้าพี่ไม่กลับ... ปอยจะคิดว่าพี่เลือกเขา”
ปุณณดารู้ว่าเป็นคำขาดที่ดูโง่มาก เธอไม่ได้มีอำนาจไปต่อรองอะไรเขาได้ ภาพเบื้องหน้าเมื่อสักครู่มันก็เป็นคำตอบดีเลิศอยู่แล้วว่าเขาเลือกใคร เธอก็แค่อยากจะตอกย้ำตัวเองให้เจ็บ หากเป็นก้อนดินก็คงอยากถูกเหยียบให้จมธรณีไปเสีย
“ปอย” เขาเรียกหญิงสาวไว้
“ไม่ต้องตามไปตาวีร์ มาคุยกับแม่ในห้อง”
ปุณณดาวิ่งไปที่ลิฟต์ เธอกดเรียกห้องโดยสาร น้ำตาพรั่งพรูไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสายตาของพนักงานที่มองทั้งสงสารและสมเพชที่คิดว่าหญิงสาวไม่เจียมตัวเอง อยากเปิดเผยตัวตนทั้งที่ไม่น่าจะมีอะไรคู่ควรกับเจ้านายหนุ่มเมื่อเทียบกับนิชานาถ
“วีร์... แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” พนิดาหันไปส่งสายตาดุใส่บุตรชาย นางไม่เคยเห็นด้วยที่เขาตัดสินใจกับเด็กที่ไร้หัวนอนปลายเท้านั่น
“ผมขอโทษครับ”
เขาไม่มีหน้าไปเถียงกับมารดาเพราะได้คุยเรื่องนี้มาสักพัก หลังที่ตนเองบ่นว่าเหนื่อยและไม่ค่อยอยากกลับบ้าน กอปรกับที่นิชานาถเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ปุณณดาไม่มี
“คนที่แกต้องขอโทษคือหนูนิชา”
นิชานาถยืนทำหน้าไม่ถูก เอาจริง ๆ เธอหลงรักนรวีร์อย่างไม่ปิดบัง แต่ก็รู้สึกเห็นใจเมียของเขาที่วิ่งออกไปทั้งน้ำตาแบบนั้น ใครได้ยินคงนึกขำที่นางมารร้ายอย่างเธอนึกเห็นใจศัตรูหมายเลขหนึ่ง
“นิชาไม่เป็นไรค่ะคุณป้า นิชาว่าคุณวีร์ควรตามไปคุยกับเธอให้รู้เรื่องดีไหมคะ”
เขามองตามมือบางที่วางไว้บนมือของตัวเอง นรวีร์เองก็คิดไม่ออกว่าเขาจะทำอย่างไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่เขาเองก็ไม่ได้เตรียมใจว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ร้อยวันพันปีภรรยาของเขาไม่เคยคิดจะมาที่บริษัท เขาผิดเองที่เห็นสายเรียกเข้าจากภรรยาแต่ก็เมินเฉยเพราะคิดว่าไม่มีเรื่องสำคัญ เขาได้สั่งฉลวยเอาไว้แล้วหากมีอะไรให้โทรหาเขาได้ตลอดเวลา ใจจึงจดจ่ออยู่ที่เบอร์โทรศัพท์ของแม่บ้านแทนภรรยา
“ไปจัดการเสียให้เรียบร้อยนะตาวีร์ ถ้าแกยังเห็นแก่แม่แก่หนูนิชาอยู่”
นรวีร์หัวเสียเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้จะโกรธใครดีระหว่างปุณณดาหรือตัวเอง วันนี้มันเป็นวันบ้าอะไร ยิ่งกลับมาที่บ้านเจอแต่ป้าฉลวยที่ถามเขาด้วยใบหน้าแต้มยิ้ม
“อ้าว... คุณวีร์ไม่เจอกับคุณปอยเหรอคะ คุณปอยลุกมาแต่งตัวสวย แล้วก็เข้าครัวเพื่อทำอาหารของโปรดให้คุณวีร์เลยนะคะ”
คำพูดของแม่บ้านยิ่งทำให้นรวีร์คิดไม่ออกว่าภรรยาของเขาจะไปที่ไหนได้ นี่ก็เกือบจะค่ำอยู่แล้ว บรรดาเพื่อนสนิทของเธอไม่กี่คนเขาก็โทรหาจนหมดแต่ไม่มีใครเห็นปุณณดา ก็เหลืออีกคนที่ชายหนุ่มกำลังลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจกดโทรออกหาคนนั้น
“ว่าไงวะไอ้วีร์”
ปัฐน์ที่ปุณณดารักเสมือนพี่ชายกดรับสายของน้องเขย อีกตำแหน่งหนึ่งก็คือเพื่อนสนิทนั่นเอง
“มึงอยู่ไหนวะ”
“อยู่บ้านกับแม่ กูนั่งกินข้าวอยู่ มึงมีอะไร” คนถามอึกอัก แต่ก็บอกวัตถุประสงค์ในการโทรหาครั้งนี้ออกไป
“ปอยอยู่ที่บ้านมึงหรือเปล่า”
“เปล่านี่ เกิดอะไรขึ้นวะ แล้วทำไมมึงไม่โทรหาปอย” เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ หวังว่าคำตอบจะไม่ทำให้ปัฐน์สงสัย
“ปิดเครื่องว่ะ กูเลยไม่แน่ใจว่าปอยกลับบ้านมึงหรือเปล่าจะได้ไปรับ”
“อาจจะกำลังเดินทางอยู่ก็ได้ มึงรออยู่ที่บ้านนั่นแหละ ปอยไม่ใช่คนเถลไถล เอ้อ... ปอยกลับมาแล้วมึงโทรบอกกูด้วยแล้วกัน กูจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
เขาตัดสายจากปัฐน์แล้วก็เพียรโทรหาภรรยาตัวเองอีกหลายครั้งแต่ก็ติดต่อเธอไม่ได้ นรวีร์เริ่มนั่งไม่ติดเมื่อเสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มอยู่ไกล ๆ นั้นมันกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ก้อนเมฆสีดำลอยต่ำ ต้นไม้กำลังโบกสะบัดตามแรงลม ใบไม้แห้งลอยวุ่นไปบนอากาศ เขานึกเป็นห่วงหญิงสาวจับใจ
‘อยู่ที่ไหนนะปอย’
เขาพึมพำ หมดหนทางที่จะตามหา ชายหนุ่มยืนรอภรรยาอยู่หน้าบ้านด้วยความกระวนกระวายใจ จนพายุขนาดใหญ่พัดผ่านไปเหลือเพียงสายลมเอื่อยและฝนปรอย ฉลวยเองก็ใจคอไม่ดีที่จนป่านนี้เจ้านายสาวยังไม่กลับมา แต่นรวีร์ตัดบทให้นางไปพักผ่อน เขาจะเป็นคนรอภรรยาเอง ใจก็คิดไปว่าเธออาจจะติดฝนแล้วแบตเตอร์รี่โทรศัพท์หมดพอดี เขายังคาดหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องร้าย ๆ กับหญิงสาว
ปุณณดาไม่ได้หายไปไหน เธอนั่งอยู่ในสวนของหมู่บ้านท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับกลั่นแกล้ง หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าการร้องไห้ขณะที่ฝนตกมันดีตรงที่ไม่มีใครมาเห็นน้ำตาของเธอ มือบางยกขึ้นสวมกอดตัวเองไว้แน่น ฝนที่ตกนานนับชั่วโมงทำให้ร่างบางถึงกับสั่นสะท้าน แต่เธอก็ยังไม่อยากกลับบ้าน คำขาดที่ยื่นไปมันคงไม่มีผล ขนาดที่เธอวิ่งออกมาเขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเท้า หญิงสาวยิ้มสมเพชตัวเอง สุดท้ายแล้วคนที่รักมากกว่าก็ต้องเจ็บมากกว่า เมื่อนั่งเสียใจจนมืดค่ำเธอก็นำพาร่างที่หัวใจบอบช้ำกลับมาที่บ้านหลังเดิม... บ้านที่ครั้งหนึ่งมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทว่าวันนี้มันคือขุมนรกที่เธอไม่อยากจะก้าวเท้าเข้าไป