นรวีร์ถึงกับนั่งไม่ติด เวลาล่วงเลยมาจนถึงสามทุ่มแต่ก็ยังไร้วี่แววของคนเป็นภรรยา จนกระทั่งปุณณดากลับมาในรั้วบ้านด้วยสภาพเปียกปอน ชายหนุ่มรีบเข้าไปรับร่างภรรยาที่กำลังจะล้มลง
“ปอย”
เขาช้อนร่างบางขึ้นแนบอก เพิ่งรู้ก็ตอนนี้ว่าภรรยาของเขาผอมลงไปกว่าแต่ก่อน จับตรงไหนก็เจอแต่กระดูก นี่เขาไม่ได้สนใจเธอมานานแค่ไหนแล้ว นรวีร์วางร่างของเธอลงบนเตียงนุ่ม จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดเนื้อเช็ดให้ ปุณณดาไม่ได้หลับลึกแต่แค่หลับตา เพราะไม่อยากเห็นสายตาที่หมดรักจากเขา
น้ำอุ่น ๆ ไหลรดแก้ม ทำให้มือหนาถึงกับชะงักค้างอยู่ในอากาศ เมื่อผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กกำลังจะเช็ดลงที่แก้มนวล
“ปอย”
เขาเรียกเธอเบา ๆ ภายในใจวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก ภรรยาของเขาพลิกตัวหันหน้าหนีอย่างตั้งใจ เขาเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้ จึงทำได้แค่นั่งมองท่ามกลางความเงียบที่เข้าปกคลุม จนกระทั่งได้ยินเสียงหายใจดังอย่างสม่ำเสมอมั่นใจว่าปุณณดาคงหลับลึกไปแล้ว จึงอ้อมตัวลงมานั่งลงที่ข้างเตียง ยกมือนุ่มนิ่มที่ยังคงสวมแหวนเพชรเม็ดเล็กที่นิ้วนางข้างซ้าย ในขณะที่มือของเขานั้นได้ถอดมันออกไปสักพักหนึ่งแล้ว คงตั้งแต่ที่มีนิชานาถเข้ามาในชีวิต เขารู้ว่าเขาเลว เขามันชั่วที่ไม่มั่นคง หากจะมีสิ่งไหนที่ทดแทนหรือชดเชยกับความเลวที่ทำอยู่ได้ เขาก็พร้อมจะทำ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสายตาให้เขาต้องหันไปสนใจ เพราะเสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เฉพาะเจาะจงเฉพาะบุคคลทำให้รู้ว่าใครโทรมา
“ครับ”
นรวีร์กรอกเสียงไปตามสาย ก่อนจะเลื่อนประตูหน้าระเบียงปิดลง หลังจากได้ออกไปอยู่ด้านนอกแล้ว แต่เขาคงไม่รู้เลยว่าบานประตูมันไม่ได้ปิดสนิทจากด้านนอก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาคุยกันก็ทำให้คนที่แสร้งหลับได้ยินทุกอย่าง
“ปอยไม่สบาย ผมไม่อยากรบเร้าอะไรเธอตอนนี้” คนพูดน้ำเสียงเครียด เธอรับรู้ได้จากการใช้ชีวิตกับเขามาหลายปี
“ร้อยล้านผมก็ให้ได้เธอถ้าเธอเรียกร้อง แต่ปอยไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน”
ไม่รู้อะไรทำให้เขามั่นใจว่าภรรยาที่อยู่กินกันมาหลายปีไม่ใช่คนหน้าเงิน หญิงสาวยิ้มเยาะสมเพชให้กับตัวเอง ที่ต้องมานั่งทนฟังสามีกับเมียน้อยคิดหาวิธีจะกำจัดเธอออกไปให้พ้นทาง
‘นิชาเอาใจช่วยนะคะคุณวีร์ นิชารักคุณนะคะ’
“ผมก็รัก... คุณครับ”
เขาจุกในอกขณะที่พูดประโยคบอกรักหญิงสาวในสายออกไป นิชานาถวางสายไปแล้วแต่นรวีร์ยังคงยืนรับลมอยู่ด้านนอก เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างมากดทับบริเวณหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหมู่ดาวที่พราวระยับเต็มท้องฟ้าหลังจากเมฆฝนได้เคลื่อนตัวหายไปยังพื้นที่อื่นแล้ว เสียงดังตะกุกตะกักจากด้านใน ทำให้เขาเร่งฝีเท้าเข้ามาภายในห้อง
“ปอย”
เขาเรียกภรรยาที่มองมาด้วยใบหน้าอิดโรย ดวงตาแดงบวมช้ำและริมฝีปากซีดขาวราวกับกระดาษ ภรรยาเขาเป็นคนสวย เป็นคนสดใสร่าเริง นั่นคือเสน่ห์ของเธอที่ทำให้เขาตกหลุมรัก
“ปอยเป็นยังไงบ้าง” เขาเข้าไปพยุงเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะลุกขึ้น แต่มือบางกลับปลดมือของเขาออกอย่างนุ่มนวล
“ปอยแค่อยากไปห้องน้ำค่ะ” เธอตอบน้ำเสียงเบาหวิวแทบจะไม่ได้ยิน
“พี่พาไป”
เขาอาสา แต่เธอแค่ส่ายหน้าแล้วเกาะผนังไปจนถึงห้องน้ำแล้วปิดประตูลง เสียงอาเจียนดังมาจากภายในห้องยิ่งทำให้คนด้านนอกที่รออยู่ถึงกับกังวล เขาเคาะประตูเรียกอยู่นานกว่าปุณณดาจะยอมเดินอออกมาด้วยสภาพสะโหลสะเหล เขาเห็นเช่นนั้นจึงเข้าไปช่วยพยุงร่างบางแม้ว่าเจ้าตัวจะขัดขืนก็ตาม
“กินยาหน่อยนะ ปอยตัวร้อนมากเลย”
แต่เธอส่ายศีรษะไปมา ด้วยความเป็นห่วงลูกน้อยในท้องเธอควรไปหาหมอ เพื่อจะได้รู้ว่ายาตัวไหนกินได้หรือกินไม่ได้ แต่คงเป็นพรุ่งนี้วันนี้คงทำได้แค่เช็ดเนื้อเช็ดตัว
จู่ ๆ น้ำใส ๆ ก็ไหลลงรดข้างแก้มนวล มือบางยกขึ้นเช็ดปาดทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ภายในใจของเธอบอบช้ำเหลือเกิน ยิ่งได้สบสายตากับคนใจร้าย เธออยากจะตบหน้าเขาซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง แต่แค่รู้ว่าเขาเจ็บเธอก็เจ็บยิ่งกว่า
“พี่ขอโทษ” เขาพูดกับเธอเสียงเบา จับมือของหญิงสามมากุมไว้
“ปอยไม่อยากได้คำขอโทษ ปอยอยากได้พี่วีร์คนเดิมคืนมา” ริมฝีปากแห้งขยับพูดในสิ่งที่เธอต้องการออกมา
“พี่วีร์อยู่กับปอยได้ไหม ปอยจะลืมทุกอย่างที่มันเคยเกิดขึ้น ปอยไม่อยากเสียพี่วีร์ไป... ปอยคงอยู่ไม่ได้”
คนพูดปล่อยให้เขื่อนน้ำตาแตกอย่างไม่อาย เธอรู้ว่าเขาลำบากใจ แต่เธอก็อยากจะลองเห็นแก่ตัวบ้าง ทั้งชีวิตนี้ไม่เรียกร้องอะไรจนกระทั่งวันนี้มาถึง เธอถึงรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเองก็เป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง รู้ทั้งรู้ว่าเขาหมดรักยังอยากจะรั้งเขาไว้เพื่อความสุขของตัวเอง
“พี่ขอโทษ”
“พี่หมดรักปอยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เหมือนคำถามที่ไม่ได้คำตอบ เพราะนรวีร์เองก็ไม่รู้ว่าเขาหมดรักเธอตอนไหน
“ปอยรั้งพี่ไว้ไม่ได้แล้วใช่ไหม”