ตอนที่ 4
เหมือนถูกไล่ทางอ้อม
“ก็เรื่องเรียนนั่นแหละค่ะยาย หนูอยากกู้เงินเรียนแต่แม่ไม่ยอมเซ็นเอกสารให้หนูก็เลยเครียดนิดหน่อย”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ ยืมเงินยายไปก่อนไหม ยายพอมีนะ” ยายศรีจันทร์เสนอเพราะความสงสาร
“ขอบคุณค่ะยาย แต่หนูว่าจะลองหางานทำดีกว่าค่ะ ยายพอจะรู้ไหมว่าแถวนี้มีงานอะไรให้เด็กอย่างหนูทำบ้าง รับจ้างทั่วไปก็ได้นะคะ ทำงานบ้านซักผ้าหนูทำได้หมดเลยนะคะ”
“ยายลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงละ” ยายศรีจันทร์มีสีหน้าดีใจเหมือนกำลังคิดอะไรออกสักอย่าง
“ลืมเรื่องไรเหรอคะยาย” ชุติมณฑ์รีบขยับเข้ามานั่งใกล้ด้วยความสนใจ
“ก็เรื่องที่หมอคีรินทร์ให้ยายช่วยไงล่ะ”
“หมอคีรินทร์ข้างบ้านเราเหรอคะ”
“ใช้จ้ะ หมอให้ยายช่วยหาแม่บ้านให้หนูเฟิร์นพอจะทำได้ไหม”
“ได้ค่ะยาย หนูทำความสะอาดบ้าน ซักผ้ารีดผ้า ก็ทำกับข้าวได้หมดเลยนะคะ”
“แบบนี้ก็ตรงตามที่หมอต้องการเลย ว่าแต่หนูกลัวแมวไหม”
“ไม่ค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“ก็ที่บ้านหมอมีแมวอยู่ด้วยน่ะ หนูต้องคอยดูแลมันด้วย”
“สบายมากเลยค่ะยายแล้วต้องไปทำที่ไหนคะ”
“บ้านหลังนั้นไง” คุณยายชี้ออกไปด้านข้างบ้านของตนเองซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กที่รั้วอยู่ติดกัน
“ยายคะ เขาจะรับหนูทำงานไหมคะ” ขวัญนภัสถามด้วยความสนใจ
“ยายก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ งานค่อนข้างหนักอยู่นะ เพราะต้องให้ทำอาหารเช้าให้หมอด้วย หมออยากได้คนที่มาอยู่ประจำหนูเฟิร์นจะสะดวกหรือเปล่า”
“น่าสนใจดีนะเฟิร์นถ้าได้มาทำงานที่บ้านหมอคีย์ก็จะใกล้โรงเรียนแล้วเราก็จะได้ติวหนังสือด้วยกันด้วยนะ” ชุติมณฑ์สนับสนุน
“แต่ไม่รู้ว่าแม่จะยอมให้ออกมาไหม ถ้าฉันออกมาก็คงไม่มีคนช่วยงานบ้าน”
“แกก็บอกแม่ไปว่าขอออกมาอยู่ข้างนอกและทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยไม่รบกวนเงินของแม่
“เป็นความคิดที่ดีเลยแหละวิว แม่ชอบบ่นว่าฉันใช้เงินเปลืองถ้าออกมาอยู่ข้างนอกและไม่ขอเงินแม่บางทีแม่อาจจะไม่ว่าอะไรก็ได้” เด็กสาวรู้สึกมีความหวัง
“หนูสองคนอย่าเพิ่งคิดวางแผนอะไรกันไปไกลเลย ไม่รู้ว่าหมอที่เขาจะยอมให้มาทำงานที่บ้านหรือเปล่า”
“ยายคะแล้วหนูจะติดต่อหมอยังไงคะ หมอเขาอยู่บ้านไหน”
“ถ้าวันธรรมดาแบบนี้หมอเขาออกบ้านตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับก็มืดเลย เอาไว้วันเสาร์หนูค่อยมานะ เดี๋ยวยายจะบอกหมอไว้ให้ก่อน”
“จริงๆ นะคะยาย ยายอย่าให้หมอรับคนอื่นเข้าทำงานก่อนหนูนะคะ”
“ยายจะไปห้ามหมอได้ยังไง แต่ยายจะบอกหมอพรุงนี้เช้าว่าให้รอเจอหนูก่อนดีไหมล่ะ”
“ดีค่ะยาย ขอบคุณมากๆ นะคะ”
“แต่ยายอยากให้หนูไปคุยกับแม่ก่อนนะ ไม่ใช่ว่าตกลงทำงานกับหมอแล้วแม่ไม่ยอมให้มาทำงานเดี๋ยวยายจะเสียผู้ใหญ่กันพอดี”
“ได้ค่ะยาย เย็นนี้หนูจะกลับไปคุยกับแม่ ยังไงยายช่วยบอกหมอด้วยนะคะว่าหนูทำงานได้ทุกอย่างซักผ้าทำกับข้าวทำความสะอาดบ้านหนูทำได้หมดเลยค่ะแล้วหนูก็รักแมวด้วยค่ะ”
เมื่อคิดว่าตนเองจะได้ทำงานประจำและมีเงินเดือนแม้จะต้องเหนื่อยหน่อยแต่ขวัญนภัสก็ว่ามันจะดีกับตัวเธอมาก
การไปทำงานที่บ้านของหมออาจจะทำให้เธอมีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น มันอาจจะเป็นการเห็นแก่ตัวที่ออกไปจากบ้านและทิ้งภาระการดูแลและการทำความสะอาดบ้านให้กับมารดา แต่ขวัญนภัสก็เลือกที่จะทำเพราะนั่นมันหมายถึงอนาคตของเธอ เธอไม่ได้ทิ้งพวกเขาไปเพียงแต่ออกไป ทำตามความฝันของตนเองเท่านั้น
ขวัญนภัสบอกลาคุณยายก่อนจะเดินทะลุซอยมาอีกฝั่งเพื่อกลับบ้านของตนเอง เธอเดินเข้ามาในซอยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและคิดว่าเมื่อถึงบ้านจะค่อยๆ คุยกับมารดาเพื่อขออนุญาตไปอยู่ข้างนอก
แต่ยังไม่ทันเปิดประตูบ้านเข้าไปเธอก็ได้ยินเสียงคนคุยกันออกมาจากในบ้าน
“มันจะดีเหรอพี่เกษม เฟิร์นเป็นเด็กผู้หญิงนะ จะให้ลงมาอยู่ที่ห้องเก็บของชั้นล่างได้ยังไงล่ะห้องมันเล็กแล้วก็แคบมากด้วย”
“แต่เราไม่มีทางเลือกนะถ้าให้น้องสาวฉันไม่อยู่ห้องข้างบน เราก็จะได้ค่าเช่าเดือนหนึ่งตั้งสองพันห้าเลยนะ”
“แล้วยัยเฟิร์นจะยอมเหรอพี่” ชุลีพรถามอย่างกังวล
“ถ้าไม่ยอมก็ให้จ่ายค่าเช่าสองพันห้ามาสิ บ้านหลังนี้ฉันเป็นคนจ่ายค่าเช่านะ ฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้ใครอยู่ห้องไหน” เกษมพูดเสียงห้วน เขารับปากกับน้องสาวว่าจะให้มาอยู่ที่บ้านและเก็บค่าเช่าสองพันห้าร้อยบาทโดยให้อยู่ที่ห้องนอนของขวัญนภัส ส่วนขวัญนภัสก็ให้ย้ายลงมานอนห้องเก็บของด้านล่าง
คนที่ยืนแอบฟังอยู่น้ำตาร่วงเพราะไม่คิดเลยว่าตัวเองกำลังจะถูกย้ายลงมานอนห้องข้างล่าง มันไม่ต่างอะไรกับการถูกไล่ออกจากบ้านเลยสักนิดเพราะห้องเก็บของด้านล่างทั้งเล็ก แคบและเหม็นอับมากๆ
ขวัญนภัสยืนฟังอีกสักพักใหญ่ก่อนเช็ดน้ำตาให้แห้งแล้วเปิดประตูเข้าไป
“สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะลุงเกษม”
“อ้าว....วันนี้ทำไมกลับเร็วล่ะไม่ไปล้างจานที่ร้านหมูกระทะเหรอ” ชุลีพรตกใจที่เห็นลูกสาวกลับมาเร็วกว่าทุกวันและกลัวว่าขวัญนภัสจะได้ยินสิ่งที่ตนเองพูดกับเกษม
“วันนี้ร้านหมูกระทะปิดค่ะ”
“มาเร็วก็ดีเหมือนกันลุงมีเรื่องอะไรจะพูดด้วย นั่งก่อนสิ”
“เรื่องอะไรคะลุง” ขวัญนภัสทำเป็นไม่รู้ว่าก่อนที่ตนเองจะเข้ามานั้นทั้งสองคนคุยอะไรกันอยู่
“ลุงอยากจะให้เฟิร์นย้ายมาอยู่ห้องเก็บของ” เกษมไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาพูดออกมาตรงๆ เพราะไม่อยากจะอ้อมค้อมให้เสียเวลา
“ย้ายลงมาเหรอคะ แต่ห้องนั้นมันแคบมากๆ เลยนะคะ”
“แคบก็ยังดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอนนะ”
“แล้วห้องที่เฟิร์นอยู่ล่ะคะ”
“ลุงจะปล่อยให้น้องสาวลุงเช่าเขาจ่ายตั้งสองพันห้าเลยนะ”
“แล้วทำไมไม่ให้เขาย้ายไปอยู่ที่อื่นล่ะคะ”
“ที่เขามาอยู่ที่นี่เพราะมันใกล้บริษัทของเขาน่ะ หนูก็ทนๆ อยู่เอาหน่อยได้ไหมล่ะเงินสองพันห้ามันไม่ใช่น้อยเลยนะ”
“แม่คะ แม่จะให้หนูลงมาอยู่ห้องเก็บของจริงๆ เหรอคะ” ขวัญนภัสหันไปถามมารดาที่นั่งเงียบทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยที่ลูกสาวต้องย้ายลงมาห้องเก็บของหลังบ้าน
“จะให้ฉันทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อลุงเกษมเขาเป็นคนจ่ายค่าเช่าทั้งหมดเงินสองพันห้ามันฟังดูอาจจะน้อยแต่มันก็ช่วยให้เราใช้จ่ายได้คล่องมือขึ้นนะ”
“ถ้าให้หนูย้ายมาอยู่ห้องเก็บของ หนูขอออกไปอยู่ที่อื่นได้ไหมล่ะ”
“แกจะออกไปอยู่ที่ไหน ฉันไม่มีเงินค่าหอให้แกหรอกนะ” ชุลีพรโวยวาย
“ถ้าหนูออกไปโดยไม่เดือดร้อนเรื่องเงินของแม่ แม่จะให้หนูออกไปอยู่ข้างนอกใช่ไหม” ขวัญนภัสถามด้วยความน้อยใจ