ตอนที่ 5
มันคงถึงเวลาที่ต้องไป
“หนูจะออกไปอยู่ข้างนอกแล้วจะไม่ทำให้แม่เดือดร้อนเรื่องเงินเลยค่ะ” ขวัญนภัสรีบบอกทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะได้ทำงานหรือเปล่า
“นี่ยังไม่ทันเรียนจบก็ปีกกล้าขาแข็งออกไปอยู่ข้างนอกแล้วเหรอ แกจะออกไปอยู่กับผู้ชายใช่ไหม”
“หนูไม่ได้ออกไปอยู่กับผู้ชายนะคะ หนูแค่ออกไปหางานทำ ในเมื่อที่บ้านนี้ไม่มีที่ให้หนูอยู่แล้วหนูจะอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ก็ในห้องเก็บของไงอย่าเรื่องมากไปหน่อยเลยได้ไหม” เกษมที่นั่งฟังอยู่อดพูดขึ้นมาไม่ได้
“ลุงเกษมคะ ทำไมดูให้หนูไปอยู่ห้องเก็บของแล้วที่น้องสาวของลุงถึงให้ไปอยู่ห้องข้างบนล่ะ”
“ก็เพราะเขาจ่ายเงินไงล่ะ” เกษมพูดอย่างไม่ไยดีอันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้อยากรับผิดชอบลูกติดภรรยาสักเท่าไหร่นัก
“ถ้างั้นหนูจะย้ายออกค่ะ หนูขอเวลาอีกสักสองสามวันสำหรับเก็บของได้ไหม”
“แกไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกน่าเฟิร์นเพราะกว่าน้องสาวของพี่เกษมเขาจะย้ายมาก็ตั้งเดือนหน้า ว่าแต่ที่แกบอกว่าจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นนี่ไม่ใช่หนีตามผู้ชายไปใช่ไหม”
“แม่คะ แล้วถ้าหนูทำยังงั้นจริงๆ ขึ้นมาล่ะ” เธอถามอย่างประชด
“ไม่ได้นะแกจะหนีตามผู้ชายคนไหนไปไม่ได้ทั้งนั้น” ชุลีพรรีบห้าม
ขวัญนภัสยิ้มที่ได้ยินแบบนั้นเพราะอย่างน้อยมารดาก็ยังมีความห่วงใยให้กับเธอบ้าง
“อย่างน้อยก็ต้องมีสินสอดมาให้ฉัน ถือเป็นค่าที่ฉันเคยดูแลแกมาไงล่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของขวัญนภัสหายไปในทันทีกับประโยคต่อมา
“แม่คะ แทนที่แม่จะห่วงหนูว่าหนูจะออกไปลำบากไหม แต่นี่แม่กลัวแค่แม่จะไม่ได้เงินเหรอคะ” น้ำตาแห่งความน้อยใจไหลพราก
“อย่ามาพูดจาประชดประชันฉันนะยัยเฟิร์น”
“หนูไม่ได้ประชดนะคะแม่ หนูก็แค่ถาม”
“แกจะไปหัวหกก้นขวิดที่ไหนก็ไปเลยแต่ เรื่องเรียนน่ะฉันขอสั่งห้ามจบ ม. 6 ก็ออกมาทำงานแล้วต้องเอาเงินให้ฉันทุกเดือน” ชุลีพรสั่งเสียงเข้ม
“หนูจบแค่ ม. 6 มันจะทำงานได้เงินแค่ไหนกันคะแม่ หนูขอเรียนต่ออีกสี่ปีจากนั้นหนูจะทำงานหาเงินและส่งเงินให้แม่กับน้องเอง” เธอพยายามต่อรอง
“แกนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือยังไง ฉันบอกแล้วว่ายังไงก็ไม่ให้แกเรียน แล้วไม่ต้องหวังว่าจะให้ฉันเซ็นกู้ยืมเงินอะไรนั่นน่ะ ฉันไม่เซ็นให้แกเด็ดขาด”
“แล้วถ้าหนูหาเงินเรียนเองได้ล่ะคะ จะให้หนูเรียนใช่ไหม หนูสัญญาว่าจะไม่รบกวนแม่เลย”
“มันจะไปได้สักกี่น้ำ ถึงแกจะทำงานพิเศษตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตแต่เดาได้เลยอย่างมากแกก็เรียนได้แค่ปีเดียวนั่นแหละเรียนมหาลัย ค่าใช้จ่ายมันน้อยซะที่ไหนกัน ไหนจะค่าหอพัก ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าชุดอีกฉันไม่มีให้แกหรอกนะ ลำพังกัดฟันส่งให้แกเรียนจบ ม. 6 ก็ถือว่าดีมากแล้ว”
“แม่คะแต่หนูไม่ได้เสียค่าเทอมเยอะนะคะ แม่ให้หนูเรียนโรงเรียนรัฐบาล เรียนพิเศษหนูก็ไม่เคยเรียนอย่างเพื่อนคนอื่นเขา เสื้อผ้าก็มีแค่ไม่กี่ชุดใส่แล้วก็ต้องรีบกลับมาซัก เงินที่แม่ให้ไปโรงเรียนก็พอแต่ค่าข้าวเท่านั้น ถ้าอยากกินขนมก็ต้องไม่กินข้าว แม่รู้ไหมบางที่เพื่อนๆ ก็ต้องซื้อขนมแล้วเอามาแบ่งให้หนูกิน จนหนูรู้สึกว่าเหมือนขอทานเข้าไปทุกวันแล้วนะคะ” ขวัญนภัสพูดออกมาด้วยความอัดอั้น
“ก็ถือว่ายังดีกว่าคนที่ไม่ได้เรียนไหมล่ะ แกนี่อย่ามาเรื่องมากได้ไหม เอาล่ะจะไปไหนก็ไปแล้วก็เริ่มเก็บของได้แล้วนะต้นเดือนหน้าเขาจะเข้ามาอยู่แล้ว” ชุลีพรรู้สึกเห็นใจลูกสาวอยู่บ้างแต่เธอก็ต้องเลือกเข้าข้างเกษมเพราะยังต้องพึ่งพาเขาอยู่และเขาก็เป็นคนจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าเรียนให้กับอริสาลูกคนเล็ก
“รู้แล้วค่ะแม่ แต่หนูหวังว่าหนูออกไปอยู่ข้างนอกแล้วแม่คงจะทำความสะอาดบ้านดูแลบ้านเองได้นะ”
“เรื่องแค่นี้ฉันทำเองได้หรอกน่าไม่ต้องพึ่งพาแกหรอก ตอนแกเป็นเด็กฉันก็ทำเรื่องพวกนี้มาคนเดียวตลอด แหมพอโตขึ้นหน่อยทำความสะอาดบ้านได้ทำกับข้าวเป็นก็มาลำเลิกบุญคุณกับฉัน ฉันไม่น่าเลี้ยงแกมาเลยรู้อย่างนี้ให้แกไปอยู่กับพ่อของแกก็ดีแล้ว”
“แล้วแม่เอาหนูมาอยู่ด้วยทำไมคะทำไมไม่ให้หนูไปอยู่กับพ่อล่ะ”
“ก็เพราะตอนนั้นฉันคิดว่าจะได้เงินค่าเลี้ยงดูจากพ่อแกไงล่ะใครจะมาคิดว่าหย่ากันไม่เท่าไหร่มันจะหนีตายไปก่อน ถ้าแกไปอยู่กับมันป่านนี้คงได้ไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไหนสักแห่งแน่ๆ จะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากจะพูดถึงเรื่องในอดีตแล้วปวดหัวชะมัด วันๆ หาแต่เรื่องให้ฉัน”
ขวัญนภัสเดินขึ้นมาในห้องแล้วเริ่มเก็บของใช้ที่จำเป็นกองไว้มุมหนึ่งถ้าเธอได้งานที่บ้านของคุณหมอคีรินทร์ก็คงจะดีมากแต่ถ้าหากเขาไม่จ้างก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะไปอยู่ที่ไหนแต่คงทนอยู่ที่นี่ไม่ได้
หญิงสาวคิดว่าบางทีจะรอให้มารดาอารมณ์ดีกว่านี้ก่อนแล้วเธอจะลองพูดกับท่านอีกครั้ง ถ้าหากน้องสาวลุงเกษมจะมาอยู่ที่นี่จริง เธอจะเป็นคนช่วยทำความสะอาดห้องเก็บของและให้เธออยู่ที่นั่น
ถึงแม้ห้องนอนของตนเองจะไม่กว้างไม่ใหญ่ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกแต่ขวัญนภัสก็ผูกพันกับห้องนี้เพราะอยู่มานานและคิดว่าที่นี่คือที่ส่วนตัวเป็นหลุมหลบภัยแต่วันหนึ่งมันถูกรบกวนจากคนอื่นเธอก็รู้สึกเหมือนชีวิตไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
หลังจากเก็บของจนเหนื่อยเธอก็ลงมาดื่มน้ำที่ห้องครั้ง ขณะที่กำลังจะขึ้นบ้านก็ได้ยินเสียงเกษมโทรศัพท์คุยกับน้องสาว ขวัญนภัสเลยแอบฟังเพราะอยากรู้ว่ามีอะไรเกี่ยวกับตัวเองหรือเปล่า แม้รู้ว่าเสียมารยาทแต่ความอยากรู้มันก็มีมากกว่า
“พี่บอกแล้วเดี๋ยวยัยเฟิร์นก็ย้ายออกเองแหละหรือไม่ก็ลงมาอยู่ห้องเก็บของ แกไม่ต้องกังวลหรอกยังไงเดือนหน้าก็ย้ายมาดูได้เลยฉันคิดค่าเช่าแกแค่สองพันห้าเองนะ ถูกกว่าหอพักเยอะเลย แต่จะให้อยู่ฟรีๆ ก็คงไม่ได้หรอกฉันเองก็ต้องกินต้องใช้ รับรองได้ว่ามันจะไม่เป็นปัญหา ลูกเลี้ยงของฉันน่ะยังไงฉันก็จัดการได้”
ขวัญนภัสกรได้ยินแล้วรู้สึกจุกในอก เธอคิดแล้วว่ายังไงก็ต้องหาทางออกไปอยู่ที่อื่นให้ได้