ตอนที่ 6
เหมือนเป็นส่วนเกิน
เช้าวันต่อมาหมอคีรินทร์ก็ขับรถจากบ้านเวลาเดิม ขณะขับผ่านบ้านของยายศรีจันทร์ก็เจอคุณยายยืนโบกรถอยู่เขารีบลดกระจกลงแล้วทักทายเหมือนทุกครั้ง
“สวัสดีครับคุณยายมีอะไรหรือเปล่าหรือจะไปโรงพยาบาลครับ ถ้าจะไปพร้อมผมก็ขึ้นรถมาได้เลย”
“ไม่ใช่หรอกค่ะคุณหมอยายแค่จะบอกว่ายายหาคนมาทำความสะอาดบ้านให้คุณหมอได้แล้วนะคะ”
“จริงเหรอครับแล้วเขาจะมาเริ่มงานได้เมื่อไหร่”
“ยายนัดให้เขามาเจอคุณหมอวันเสาร์ คุณหมอว่างไหมคะ”
“ผมว่างครับคุณยาย ว่าแต่เขาเป็นใครเหรอครับคุณยายไว้ใจได้ใช่ไหม”
“คนนี้ไว้ใจได้เลยยายเห็นมาตั้งแต่เด็ก”
“เห็นมาตั้งแต่เด็กคือยังไงครับคุณยาย”
“ก็คนที่จะมาเป็นแม่บ้านให้หมอคีรินทร์น่ะเป็นเพื่อนกับหลานสาวยายไงล่ะ”
“อะไรนะครับคุณยายถ้าเป็นเพื่อนกับน้องบิวก็ยังเด็กมากเลยนะครับ แล้วจะไหวเหรอ” คีรินทร์ตกใจเพราะพอจะรู้ว่าเด็กวัยรุ่นบางคนก็แทบจะทำงานบ้านไม่เป็นเลย
“ไหวสิหมอ ยายการันตีได้เลยเด็กคนนี้ทำความสะอาดบ้านเป็นทำกับข้าวก็ได้ หมอลองให้โอกาสหน่อยนะ” ยายศรีจันทร์รีบบอกเพราะกลัวหมอจะไม่ยอมเจอกับขวัญนภัส
“เอางั้นก็ได้ครับ ผมจะลองเชื่อยายดู”
“วันเสาร์ตอนบ่ายยายจะให้เธอไปเจอกับหมอที่บ้านนะคะ หมอสะดวกไหม”
“สะดวกครับยาย ตอนบ่ายวันเสาร์เจอกัน แล้วผมจะดูหน่วยก้านอีกทีนะครับ”
“ได้เลยหมออยากให้เธอทำอะไรบ้างก็คุยกันเลยนะ”
“แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องขอโทษยายไว้ก่อนเลยนะครับ เพราะถึงผมจะอยู่คนเดียวแต่ผมก็อยากให้คนมาช่วยดูแลบ้านแล้วก็ดูแลแมวด้วย” เขาไม่อยากรับเด็กวัยรุ่นมาทำงานแต่ก็เพราะเกรงใจยายศรีจันทร์เลยต้องรับปากไว้ก่อน
“ค่ะหมอ ยายเข้าใจถ้างั้นยายไม่กวนคุณหมอแล้ว”
“ขอบคุณมากนะครับยาย ผมไปก่อนนะ”
ยายศรีจันทร์เดินเข้ามาในบ้านก็เจอกับหลานสาวที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่บนโต๊ะ
“ว่าไงคะยายเจอคุณหมอหรือยัง”
“เจอแล้วล่ะ หมอบอกว่าวันเสาร์บ่ายให้มาคุยได้เลย”
“ยายว่าหมอเขาจะรับเฟิร์นเข้าทำงานไหมคะ” ชุติมณฑ์ถามอย่างเป็นกังวลเพราะเธออยากให้เพื่อนได้ทำงานนี้
“ยายก็ไม่รู้เหมือนกันนะบิว แต่ก็พอมีหวัง ถ้ายังไงวันนี้หนูก็ลองคุยกับเฟิร์นดูนะลูกว่าแม่เขาให้ออกมาอยู่ข้างนอกได้หรือเปล่า แต่จริงๆ ยายก็อยากให้หนูเฟิร์นย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้นนะ บ้านเล็กคับแคบและอยู่กับพ่อเลี้ยงอีก ถ้าออกมาอยู่กับคุณหมอน่าจะสบายกว่า งานที่บ้านหลังนั้นไม่หนักเท่าไหร่จะได้มีเวลาอ่านหนังสือด้วย”
“หนูก็คิดแบบนั้นแหละค่ะยาย ถ้าให้เฟิร์นย้ายมาอยู่ใกล้ๆ หนูกับเพื่อนจะได้ติวหนังสือตอนที่ว่างด้วย”
“ยายก็ว่าดีนะ ถ้ายังไงก็อย่าลืมคุยกับเฟิร์นนะลูก” คุณยายศรีจันทร์กำชับกับหลานสาวอีกครั้ง
ชุติมณฑ์รถเมล์มาถึงโรงเรียนก็เจอกับขวัญนภัสยืนรออยู่พอดี
“ว่าไงคุยกับแม่หรือยัง” ชุติมณฑ์รีบถามอย่างตรงประเด็น
“คุยแล้ว” ขวัญนภัสตอบเสียงเศร้าเพราะเมื่อเช้าเธอคุยกับมารดาอีกครั้งหวังว่าท่านจะเปลี่ยนใจเรื่องห้องแต่คำตอบที่ได้ก็ยังเหมือนเดิม
“แม่ว่ายังไงบ้างละ ยอมให้ออกมาทำงานไหม”
“อันที่จริงฉันยังไม่ทันได้ขออนุญาตหรอกเกิดเรื่องขึ้นก่อน”
“เรื่องอะไรท่าทางไม่สบายใจเหมือนกันนะ”
“แม่จะให้ฉันย้ายลงมาอยู่ห้องเก็บของน่ะ”
“อะไรนะ ห้องเก็บของที่อยู่หลังบ้านน่ะเหรอมันจะอยู่ได้ยังไงห้องเล็กมากเลยนะ” ชุติมณฑ์อุทานด้วยความตกใจเธอนึกภาพห้องนั้นออกทันทีและมันก็เล็กและแคบมากจนไม่คิดว่าใช้นอนได้
“ใช่ฉันก็บอกแม่ไปแบบนั้น” ขวัญนภัสตอบเสียงอ่อยๆ
“แล้วห้องของแกแม่จะให้ใครอยู่เหรอ” ชุติมณฑ์ถามอย่างไม่เข้าใจ
“น้องสาวลุงเกษมน่ะ เห็นว่าจะเข้ามาทำงานอยากจะประหยัดค่าหอก็เลยมาขอเช่าอยู่” ขวัญนภัสพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจเพราะครอบครัวของเธอเรื่องเงินต้องมาก่อนเสมอ
“แล้วทำไมต้องย้ายแกลงมาอยู่ด้วยล่ะ ทำไมไม่ให้คนมาใหม่อยู่ห้องเก็บของ” ชุติมณฑ์ถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็เพราะน้องสาวคนเล็กของลุงเกษมยอมจ่ายค่าเช่าสองพันห้าไงล่ะ ส่วนฉันอยู่ฟรีกินฟรีแม่ก็เลยให้ลงมาอยู่ห้องเก็บของ”
“แบบนี้ก็แย่เลยสิ แต่ไม่เป็นไรหรอกนะยายคุยกับหมอคีรินทร์แล้วหมอให้แกไปเจอวันเสาร์ แกก็คุยกับหมอดีๆ ของานเขาทำทีนี้ก็จะได้ออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว” ชุติมณฑ์พยายามปลอบใจเพื่อน
“หมอเขาเป็นคนยังไงเหรอบิวแกเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ” ขวัญนภัสอยากรู้ว่าคนที่เธอจะไปทำงานด้วยเป็นคนแบบไหน
“ยายบอกว่าหมอเป็นคนดีแต่เขาไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกส่วนใหญ่จะออกไปทำงานตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับก็ตอนเย็นน่ะ”
“แบบนี้ก็ดีนะ”
“ถ้าแกได้ทำงานที่บ้านของหมอคีรินทร์ก็สบายเลยนะ ฉันได้ยินว่าป้าแจ่มได้เงินเดือนเป็นหมื่นเลยแหละ”
“โอ้โหแค่ทำความสะอาดบ้านกับทำกับข้าวได้เงินเดือนเป็น หมื่นเลยเหรอ” ขวัญนภัสตาโตแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองกับจำนวนเงินที่ได้ยินจากเพื่อน
“ได้เงินเดือนเยอะแล้วยังจะพักฟรี อยู่ฟรีกินฟรีอีกแกต้องทำให้หมอยอมรับแกเข้าทำงานให้ได้นะ”
“อือ ถ้าหมอไม่จ้างฉันทำงานฉันก็คงต้องออกมาหาหอพักอยู่เอง เพราะคงทนอยู่ที่นั่นไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้”
“แกมาอยู่ที่บ้านฉันสิ ยายไม่ว่าอะไรหรอก” ชุติมณฑ์เสนออย่างจริงใจ
“ถ้าอยู่แค่แป๊บฉันก็คงอยู่ แต่นี่คงอยู่ยาวเลย ฉันเกรงใจนะ” ขวัญนภัสส่ายหน้าเล็กน้อย
“แต่ถ้าต้องไปอยู่หอฉันว่ายายของฉันว่ายายคงไม่ยอมนะ”
“เอาไว้ไม่มีที่ไปจริงๆ ฉันจะไปขออาศัยอยู่ที่บ้านแกก็แล้วกันนะบิว ขอบใจแกมาก แล้วก็ฝากขอบคุณคุณยายด้วย”
ขวัญนภัสและชุติมณฑ์เดินมาถึงห้องเรียนซึ่งตอนนี้เพื่อนๆ กำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานแต่ขวัญนภัสก็ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครเลย เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียนของตัวเองอย่างเงียบๆ และเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล