แรงเคลื่อนสอดประสานเข้าหาบุปผาอย่างมั่นคงและเพียงครั้งเดียวก็ลึกสุดใจ คนที่ตั้งใจจะเสพสุขในตอนแรกกรีดร้องอย่างเจ็บปวด แต่ทว่าเขากลับไม่เบาแรง
‘มารดามันเถอะ ไหนบอกจะเบาอย่างไรเล่า!’
เมื่อนางหายปวด เปลี่ยนเป็นความรู้สึกวาบหวาม จึงจัดการแท่งมังกรจักรพรรดิหนุ่มด้วยการหนีบขาเป็นการเอาคืน
“อ๊ะ!”
เสียงเขาร้องพร้อมกับสีหน้าเบ้ทำให้นางสะใจลึก ๆ
‘นึกว่าจะทำข้าเจ็บเป็นอย่างเดียวรึ’
สองขานางหนีบที่บั้นเอวเขาแล้วแล้วพลิกตัวขึ้นมาคร่อม ดวงตาของนางทอประกายความแค้นแล้วจัดการขย่มสุดแรง แม้แจะเสียดเสียวใจกลางบุปผา แต่ว่าเขาต้องได้รับการสั่งสอนจากนาง
“ดะ...เดี๋ยว” จักรพรรดิหนุ่มตอนนี้เปลี่ยนเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำ แล้วนางก็ควบเขาดุจม้าอาชาไนย แรงที่ถอดถอนออกและยัดเข้าทำให้เขาเหมือนยืนอยู่ปลายเหวแล้วมองไปยังท้องน้ำเบื้องล่าง มันเสียวปลาบวาบไปทั้งลำ
เมื่อตั้งสติได้เสิ่นลี่เซียนที่เป็นฝ่ายรับก็อยากกลับมารุก จึงเอ่ยเสียงหวานขึ้น
“หม่อมฉันจะมอบความสำราญให้พระองค์เองเพคะ”
เคยอ่านหนังสือเมื่อโลกก่อน บอกว่าเมื่อผู้หญิงถ้าได้ขึ้นเองแล้วจะฟิน เช่นนั้นก็จัดการให้อยู่หมัดเสียตั้งแต่คืนนี้เถิด
ต้นตระกูลข้าต้องมีความสุข!
ร่างกายเล็กพลิกขึ้นคร่อมแล้วจัดการขย่มตามแรงที่ตัวเองมี จนจักรพรรดิร้องโหยหวน
“เจ้าเบาหน่อย...ข้า...อื้อ” หวังจื่อฮ่าวโดนนางขย่มแบบไม่ลืมหูลืมตาพยายามจะจับเอวนางให้เคลื่อนช้าลง เพื่อจะได้รับความสุขอย่างเต็มเปี่ยม แต่ดูเหมือนนางจะกลั่นแกล้งเขา ยามที่เขาจับเอวนางแรงบีบรัดที่หัวมังกรกับกลีบบุปผาแน่นจนเขาต้องกรีดร้อง มันทั้งเสียวและเจ็บปวดไปพร้อม ๆ กัน
ใจจะขาด!
“ฮึก...อื้อ” สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นฝ่ายปล่อยให้นางย่ำยีเขาไปเรื่อย ๆ จนสายธารขาวขุ่นพุ่งพรวดออกมาฉีดเข้าไปในท้องนางในที่สุด นางถึงหยุดซบกับหน้าอกที่กำลังหายใจอย่างรุนแรง แต่ว่าแรงบีบรัดของนางยังอยู่ในจุดเชื่อมประสาน ไอ้มังกรที่มันคอพับคออ่อนไปแล้วก็ตื่นขึ้นอีก แล้วนางที่กำลังนอนพังพาบบนร่างเขาเชิดหน้าขึ้น แล้วขย่มด้วยสะโพกเพียงอย่างเดียว รอยยิ้มเปล่งประกายไปถึงดวงตาของสนมรักคืนนี้ จนเขาเข้าใจว่านางชอบในการร่วมรักกับเขาถึงขนาดมีความสุขจนเยิ้มทั้งใบหน้าไม่พอ ส่วนบุปผาก็ยังฉ่ำด้วยน้ำแห่งความรักอีกด้วย
โอ๊ย...สนมรัก...ข้าจะไม่ไหวแล้ว!!!
ด้านนอกเหล่าขันทีที่ติดตามต่างก้มหน้างุด ทำเหมือนหูหนวกตาบอด ทั้งที่ดวงตาเห็นเงาสะท้อนกับแสงตะเกียงเป็นรูปบุรุษโดนสตรีขึ้นควบเคล้ากับเสียงกรีดร้อง แทนที่จะเป็นพระสนมไฉนกลับกายเป็นจักรพรรดิหนุ่มของพวกเขาไปเสียได้ที่โดนตอกตรึงอย่างน่าหวาดเสียว
‘เสียทีอยู่เหนือใต้หล้า แต่กับอยู่ใต้สตรีนางเดียว’ ซื่อกงกงส่ายหน้าไปมาอย่างยอมรับว่าผู้เป็นนายตนเพลี้ยงพล้ำให้กับจริตนางสนมนางนี้เข้าแล้ว
ใบหน้าของเหล่านางกำนัลแดงก่ำก้มหน้าแทบติดพื้น ฟังจากเสียงก็รับรู้แล้วว่าฝ่าบาททรงสำราญเพียงใด พระสนมก็เก่งกาจนักทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้าถึงกับร้องขอชีวิต นี่มันท่าพิสดารอันใดกัน แล้วพระสนมร่ำเรียนมาจากที่ใด
จวบจนถึงยามโฉ่ว (ราวใกล้ตีสาม) เสียงทุกอย่างก็เงียบงันลงเปลี่ยนเป็นเสียงกรนของจักรพรรดิแทน
ครอก...Zzzzฟี้Zzzz คร่อก!
เห้อ...!
เหล่าขันทีนางกำนัลต่างถอนหายใจโล่งอก แล้วก็เข้าไปนอนพักรอปรนนิบัติฝ่าบาทในตอนเช้า
เสิ่นลี่เซียนเองก็เพลียมาก กว่าจะปราบจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้ คิดว่าเขาน่าจะพอใจ ตอนนี้นางเป็นกุ้ยเหริน เลื่อนขึ้นไปขั้นผิน จะได้เงินสองร้อยตำลึง และหากเป็นขั้นเฟยจะได้เงินสามร้อยตำลึง แค่คิดว่าจัดการปราบพยศหัวมังกรวันเดียวได้เงินเดือนเพิ่มมากมายขนาดนี้นับว่าคุ้มค่า จากนั้นก็ประคองตัวไม่ให้วุ่นวายกับใคร ทำเครื่องหอมขายในวังเท่านี้ก็รวยอื้อแล้ว
แต่ว่านางจะประมาทไม่ได้ ศัตรูตัวฉกาจของนางยังมีและ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากอี้ผินฮองเฮาตำหนักฉิน กับ หลี่กุ้ยเฟยหรือหลี่หวนตำหนักเสวียเหมย
‘พวกนางรวมหัวกันปล่อยข่าวข้าเป็นโรคลม หากท้องจะถึงแก่ชีวิต’ นั่นทำให้ฮ่องเต้ที่มีมโนธรรมเต็มเปี่ยมกลัวสนมรักเช่นนางจะเสี่ยงชีวิตเพราะตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงไม่มาหานางอีกเลย
รอยยิ้มเหี้ยมในความมืดคิดแผนขั้นต่อไปจนผล็อยหลับไปทั้งยังคิดไม่จบด้วยความเพลีย ‘แต่ว่าคืนนี้จักรพรรดิค้างคืนกับนางเชียวนะว่าไม่ได้’
รุ่งเช้าซือกงกงปลุกฝ่าบาทตั้งแต่รุ่งสาง ปกติฝ่าบาทไม่ทรงโปรดที่จะค้างคืนตำหนักใดเมื่อสำราญใจแล้วจะกลับไปพักที่ห้องบรรทมจักรพรรดิ หรือตำหนักคุนหนิงกง
แต่คืนนี้แปลกไป ฝ่าบาทไม่เคยรู้จักกระทั่งชื่อพระสนม แต่กลับสำราญใจจนลืมธรรมเนียมเดิมของตน คือจะค้างคืนเฉพาะตำหนักฉินของฮองเฮา กับตำหนักเสวียเหมยของกุ้ยเฟย แต่ซือกงกงก็ไม่กล้าทักท้วง เนื่องจากอยากยังอยากมีเงาหัวบนบ่า จึงปล่อยเลยตามเลย