บทที่ 4
ไม่ไป
สามวันต่อมา..
ระรินนั่งหน้าเครียดคิดไม่ตกเรื่องครอบครัว วันอาทิตย์เข้าไปคุยกับพ่อ แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นตามต้องการ พ่อไม่ยอมรับซ้ำยังเหวี่ยงใส่อีก เลยคุยไม่รู้เรื่อง ต้องกลับห้องด้วยใจห่อเหี่ยว
ส่วนเรื่องธันวา..หลังจากสติดับวูบก็รู้สึกตัวตอนห้าทุ่ม ดีที่เหลือเธอคนเดียวในห้อง แต่ไม่ดีตรงที่ตามผิวกายมีรอยดูดกระจายไปทั่ว ไม่ต้องถามว่าฝีมือใคร คงเป็นธันวาที่ทำไว้
ตอนนั้นคิดว่าถูกเปิดซิงจึงรู้สึกดิ่งมาก ร้องไห้โฮอยู่นาน จากนั้นจึงรวบรวมสติให้กลับมา พยายามสำรวจความผิดปกติของร่างกาย ลองขยับ ลองลุกเดินก็ไม่รู้สึกเจ็บหรือระบมตรงไหน นอกจากหน้าอกและปากที่บวมเจ่อ รีบใส่เสื้อผ้าก่อนวิ่งไปเอาโทรศัพท์มาค้นข้อมูลการมีเซ็กซ์ครั้งแรก
สรุป..ไม่เข้าข่าย ตรงนั้นยังปิดสนิทและอยู่ดี ธันวาไม่ได้ทำมากกว่าเอานิ้วใส่เข้าไป
ถึงกระนั้นก็ไม่สบายใจอยู่ดี ยิ่งมาเรียนแล้วเจอจินนี่ก็ยิ่งรู้สึกผิด ถึงไม่เต็มใจแต่ถือว่าเกือบมีอะไรกับผู้ชายที่เพื่อนชอบ กลายเป็นต้องหลบหน้าทั้งคู่เพื่อทำใจให้เป็นปกติ
“ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียวล่ะริน ไม่ไปนั่งซุ้มน้ำกับเพื่อน ๆ เหรอ” จินนี่เดินเข้ามาทักตอนออกจากห้องน้ำแล้วบังเอิญเจอระริน
“เอ่อคือ..”
"ไม่สบายหรือเปล่า เมื่อวานก็ไม่คุยกับเรา"
“เปล่า..เราสบายดี” ขยับตัวอย่างอึดอัดในตอนที่จินนี่นั่งลงข้างกาย สายตาอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่ายทำให้ต้องดึงเสื้อคลุมปกปิดรอยบนคอมากขึ้น
“เครียดเรื่องที่บ้านอีกแล้วใช่ไหม”
“ก็นิดหน่อย”
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกเรายินดี”
จินนี่บอกอย่างจริงใจจนคนมีชนักติดหลังรู้สึกผิด เวลาเห็นแววตาใสซื่อของเพื่อนก็น้ำท่วมปาก ไม่กล้าบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่กล้าเล่าว่าธันวามีรสนิยามทางเพศแบบไหน หรือต่อให้เล่าจินนี่อาจไม่เชื่อ หรือรู้แล้วเพื่อนก็รักธันวาต่อไป เธอเข้าใจว่าความรักมักไม่มีเหตุผล รักก็คือรัก ทางเดียวที่ทำได้..คือเลิกรับงานจากเขาอย่างเด็ดขาด
แต่มีปัญหาตามมาแน่นอน ช่วงนี้นอกจากธันวาก็ไม่มีใครจ้างเลย คงต้องประหยัดแบบสุด ๆ ระหว่างรอคนจ้าง งานแพ็กของได้เงินต่อครั้งแค่ห้าร้อยบาท เติมน้ำมันรถก็หมด ถือว่าการเงินกำลังวิกฤตขั้นสุด
ส่วนเพื่อนสนิททั้งสองคงไม่กล้ารบกวน ปริมฐานะปานกลางและเป็นเด็กทุนของมหาวิทยาลัย มีแค่จินนี่ที่ฐานะดีกว่าคนอื่น แต่ไม่อยากขอความช่วยเหลือเพิ่มอีก คงต้องดิ้นรนด้วยตัวเองไปก่อน
“อุ๊ย!”
เสียงอุทานของจินนี่ดึงออกจากภวังค์ ระรินจึงหันมองชายหนุ่มที่ยืนจ้องพวกเธออยู่ด้วยใจระทึก แววตาเจ้าเล่ห์แฝงรอยยิ้มเล่นเอาหน้าเห่อร้อน ภาพวันนั้นปรากฏชัด ไม่ใช่สัมผัสแค่ภายนอก ธันวายังล้วงยังควักจนเธอสลบเหมือด ไหนจะรอยดูดที่ยังหลงเหลือ บอกไม่รู้สึกเธอก็คงบ้า
“ธันเดินมาทางนี้ด้วย”
ระรินรีบก้มหน้าหลบ ใจเต้นแรงแทบระเบิดเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว เห็นเงาของร่างสูงใหญ่จึงเงยหน้าขึ้น พอสบตากับเขาก็อ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“หวัดดีจินนี่” ธันวาเอ่ยทักทายผู้หญิงอีกคนแต่สายตาจับจ้องอีกคน
“วะ..หวัดดีธัน”
เป็นครั้งแรกที่ธันวาทักทายก่อนจินนี่จึงเสียงสั่นจนควบคุมไม่ได้ เคยคุยบ้างแต่เฉพาะเรื่องเรียน นอกนั้นเขาก็เฉยไม่เคยมีท่าทีสนใจเธอสักนิด
“อยากคุยด้วยตั้งนาน ไม่มีโอกาสสักที”
"เราก็อยากคุยกับธันเหมือนกัน"
จินนี่รีบตะครุบโอกาสไว้ทันที โฟกัสของเธอคือใบหน้าคมคาย จึงไม่ทันเห็นว่าระรินมีอาการเช่นไร
“แอดไลน์ไว้สิเผื่อคุยกัน”
"ได้เหรอคะ"
"ได้แน่นอน"
ชายหนุ่มยื่นคิวอาร์โค้ดมาให้จินนี่ก็ไม่ขัดข้อง ถึงอยู่ไลน์กลุ่มนักศึกษาเดียวกันแต่เธอไม่กล้าแอดส่วนตัวไป จนวันนี้..วันที่เขาเข้ามาขอเอง ติ๋งต่างว่าผู้ชายมีใจได้ไหมนะ
“ทักหาฉันได้ตลอด”
ธันวาเปิดทางเต็มที่ ปากพูดกับอีกคนแต่ยังจับสังเกตอาการของอีกคนด้วยหางตา
สนุกดี..เขาเริ่มชอบแล้วสิ
“ตอนไหนก็ทักได้ใช่มะ” จินนี่ทำเสียงเล็กเสียงน้อย
“สำหรับเธอได้ทุกเวลา”
"ดีใจจัง" คนตื่นเต้นไม่เก็บอาการสักนิด
และธันวาก็ดูออกว่าเธอมีใจ คงมีมานานแต่อีกฝ่ายไม่กล้าแสดงออก เอาจริงเขาก็แอบเล็งจินนี่อยู่เหมือนกันแต่ยังไม่สบโอกาส
จนวันนี้..วันที่อยากได้ผู้หญิงอีกคนมากกว่า
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยจ้า” เธอโชว์หน้าจอให้เขาดู กดส่งสติกเกอร์ทักทายไปหนึ่งที
“อืม” ธันวาเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง เบนสายตามองระรินที่นั่งหน้าเจื่อนแล้วเลิกคิ้วใส่
ใช้เสน่ห์ปั่นหัวสองสาวเพื่อนสนิท ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเหมือนกัน ทำแก้เซ็งระหว่างรอชาร์วีเผด็จศึกพี่สาวคนสวย เล่นเกมคนเดียวก็ท้าทายไปอีกแบบ หากโชคดีอาจได้ฟาดทั้งคู่
และรายแรกที่เขาจะเปิดซิงก็คือ..
“ริน”
“คะ!” คนถูกเรียกสะดุ้งเฮือกแล้วทำหน้าเหลอหลา
“ทักหาฉันด้วย มีเรื่องจะคุย”
ทิ้งท้ายไว้ก่อนเดินจากไป เหลือแค่ความเคลือบแคลงใจให้จินนี่ ซึ่งเธอก็ไม่เก็บอาการรีบถามระรินทันที
“รินเคยแอดไลน์ธันด้วยเหรอ เราไม่เห็นรู้เลย”
ตามจริงคือรู้..เพราะระรินเล่าให้ฟังอยู่บ้างว่าธันวาเคยจ้างไปซื้อของ ซึ่งต้องทักผ่านไลน์ส่วนตัว
“ธันจ้างเราไง เราเคยเล่าให้ฟังแล้วนี่นา”
“แต่ว่า..”
“อย่าคิดมากสิ เราคุยแค่เรื่องงาน วันนี้คงจ้างไปซื้อของข้างนอกอีกตามเคย เพราะวิชาต่อไปอาจารย์ยกคลาส”
“แบบนั้นหรอกเหรอ งั้นรินทักไปเลยสิเราจะรออ่านด้วย”
“จะดีเหรอ คือเรา..”
ไม่ค่อยโอเคกับการละลาบละล้วงแบบไม่เกรงใจของอีกฝ่าย
"มีความลับใช่ไหมถึงไม่อยากให้เราดู หรือว่ารินก็ชอบธันเหมือนกัน”
“ปะ..เปล่า ไม่ได้ชอบ” ปฏิเสธทันควัน
“แล้วทำไมถึงหน้าแดงตอนมองธันด้วยล่ะ”
จินนี่สังเกตเห็น! คนมีพิรุธเลิ่กลั่กแต่ยังเก็บอาการ
"อากาศร้อนมั้ง เราเลยหน้าแดง"
“อากาศไม่ได้ร้อน แต่เพราะรินใส่เสื้อคลุมต่างหาก”
“อ๋อ..เราคงสับสน”
ติ้ง..
TUNWA : ไปซื้อบุหรี่ยี่ห้อXY ให้หน่อย
สองสาวต่างมองแจ้งเตือนเป็นตาเดียว เห็นแบบนั้นจินนี่ก็โล่งใจ คิดว่าตัวเองคงระแวงไปเกิน
ส่วนระรินกลับหน้าซีด เพราะไม่อยากยุ่งกับธันวาอีก แต่ถ้าปฏิเสธต่อหน้าจินนี่คงถูกสงสัยมากกว่าเดิม จึงปล่อยค้างไว้อย่างนั้นไม่ยอมตอบ
“ขอโทษที่เราแอบคิดไม่ดีกับริน”
“ไม่เป็นไร เราไม่ใส่ใจอยู่แล้ว”
“งั้นรินรีบไปซื้อของเถอะ เราจะไปหาปริมที่ซุ้มน้ำ”
ระรินลอบถอนหายใจที่จินนี่ไม่เซ้าซี้ ดูทรงคงอยากเล่าเรื่องธันวาให้ปริมฟัง สองคนนี้สนิทกันมาก่อน ส่วนเธอเพิ่งเข้ากลุ่มตอนปีสอง หลายครั้งที่ทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกันโดยไม่ชวนเธอไปด้วย เลยแอบน้อยใจอยู่บ่อย ๆ
“โอเค..เจอกันคาบบ่ายสามนะจินนี่”
“จ้า”
คล้อยหลังเพื่อนระรินก็ตั้งท่าจะยกเลิกงานกับธันวา แต่มีแชตจากเขาเด้งมาเสียก่อน
TUNWA : มาหาฉันที่ห้องน้ำหลังลานจอดรถ
รับจบ ครบทุกอย่าง : ไม่ไปและก็ไม่ซื้อบุหรี่ให้ด้วย
TUNWA : จินนี่ชอบฉันเธอรู้ใช่ไหม
รับจบ ครบทุกอย่าง : ถามทำไม
TUNWA : ถ้าจินนี่รู้ว่าฉันกับเธอเกือบเอากันจะเป็นยังไง
ระรินตกใจจนเกือบร้องไห้ หันมองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง เอาไงดี? เธอจะทำยังไงดี ที่แน่ ๆ ไม่อยากเสียเพื่อนเพราะเรื่องบ้าบอพรรค์นี้แน่นอน
TUNWA : ไม่ต้องซื้อบุหรี่ รีบมา..ฉันจะรอ
คนคิดมากนั่งนิ่งไม่ไหวติง เขาจะหลอกไปทำมิดีมิร้ายหรือเปล่า ถ้าถูกจับกดในห้องน้ำเธอไม่ตายเหรอ รสนิยมทางเพศของธันวาน่าจะเข้าขั้นซาดิสด์ ดูจากสภาพห้องที่ต้องเก็บกวาดหลังจากสงครามรักของเขากับคู่ขาจบลง
TUNWA : จะมาหรือไม่มา
ถึงไม่เห็นก็รู้ว่าธันวามีสีหน้าเช่นไร ระรินจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ คิดทบทวนถึงข้อดีข้อเสีย หากไปเจอเธอเสร็จเขาแน่ อย่าว่าแต่เสียตัวเลย คงได้เสียเพื่อนพ่วงไปด้วย
ฉะนั้น..เธอไม่ไป!