แม่ของฉันเนี่ยนะ จะเป็นคนเสนอให้ไปหมั้น...
“ยูรา”
เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่อแผ่วเบาลอยเข้ากระทบโสตประสาททำให้หันไปมองอย่างอัตโนมัติ จังหวะเดียวกันนั้นหญิงสาวเจ้าของเสียงเดินตรงเข้ามาคว้าแขนออกแรงดึงให้เดินตามออกไปจากห้อง แต่ก่อนจะออกก็ไม่ลืมจะหันไปพูดกับผู้ชายที่ยืนมองเราทั้งคู่อยู่
“ขอฉันคุยกับลูกก่อนค่ะ” พูดจบฉันก็ถูกแม่ลากออก ผ่านหน้าผู้เป็นพ่อและ...โซอี้
เธอยืนมองฉันอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้ากังวล เสียงที่เราคุยกันเมื่อครู่มันคงดังมากสินะ มากพอที่จะเรียกคนมาทั้งบ้านได้เลยล่ะมั้ง สองเท้าก้าวเดินไปตามทางอย่างคุ้นชินอย่างน้อยสมัยเด็กฉันเคยอยู่ที่นี่มาก่อน และในที่สุดฉันก็ถูกพาตัวออกมายังพื้นที่สวนด้านหลังของคฤหาสน์
“หมายความว่ายังไงแม่” ฉันเอ่ยถามเข้าเรื่องทันทีไม่ปล่อยให้เสียเวลา
“ยูรา...”
“....”
“หมั้นเถอะนะเชื่อแม่” น้ำเสียงของแม่สั่น มือที่ยื่นมาสัมผัสมือฉันนั้นเย็นเฉียบจนตอนนี้มันยังคงเย็นอยู่เช่นนั้น เหมือนแม่กำลังกลัว ตื่นเต้นหรือมีบางสิ่งอยู่ภายในใจ
“แล้วทำไมต้องเป็นหนู ทำไมไม่เป็นลูกที่เขารักนักรักหนานั่นล่ะ” โซอี้เป็นคนที่นิสัยดีและน่ารัก แต่เพราะการมีพ่อคนเดียวกันของเราทำให้ฉันรู้สึกน้อยใจอิจฉาเธอมาตลอด ซึ่งคนที่ทำให้เรื่องในชีวิตวุ่นวายขนาดนี้ก็มีแค่พ่อเท่านั้น ฉันควรโกรธควรเกลียดเขาแค่คนเดียว แต่อดที่จะน้อยใจคนอื่น ๆ รอบตัวด้วยไม่ได้
“พ่อเขาเป็นห่วงโซอี้” เรื่องนี้ต่อให้แม่ไม่พูดฉันก็พอจะเดาได้อยู่หรอก
“แล้วหนูล่ะ ออ ลืมไป บุญคุณท่วมหัวต้องทดแทนสินะ ไม่ใช่ลูกที่เขาอยากให้เกิดมานิแต่เกิดมาแล้วต้องเลี้ยงดู ตอนนี้ก็ต้องตอบแทนคนเป็นพ่อ โดยไม่สนใจว่าหนูจะอยู่ในสภาพไหนต้องไปเจอกับอะไร ที่ผ่านมาพยายามจะเข้าหาตระกูลมัสชิโม่ก็ทำไม่ได้เพราะหนูไม่ยอม ตอนนี้ก็เลยใช้วิธีการแต่งงานเอาคนของตัวเองไปแลก!”
แม้แต่แม่ยังทำให้ฉันผิดหวังและเสียใจได้ที่สุดเลย การอยู่ในที่ของตัวเองคิดว่ามันจะเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว แต่แม่ก็ไม่เคยหลุดออกจากเขาได้ ทำให้ฉันเป็นห่วงและยังไม่กล้าพาตัวเองออกไปจากวงโคจรทุเรศนี่ตัวคนเดียว
“ยูราฟังแม่ การหมั้นมันจะช่วยหนูได้ เชื่อแม่นะ” แม่พยายามพูดกับฉันอย่างใจเย็นซึ่งก็เป็นนิสัยของตัวแม่อยู่แล้ว ซึ่งแตกต่างกับฉันที่ไม่ใช่คนใจเย็นแต่อย่างใด เพียงเก็บอาการและสีหน้าได้ดีเท่านั้น
“หนูไม่เชื่อ ไม่อยากเชื่อใครเลย! เมื่อไหร่จะหลุดออกจากเขาได้สักที เราไม่ต้องพึ่งเงินของเขาแล้ว หนูทำงานได้ หนูดูแลแม่ได้เป็นอย่างดีเมื่อไหร่แม่จะออกจากเขาได้สักที...เราไปเกาหลีบ้านแม่กันมั้ย งานของหนูไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก็ทำได้” ถ้าอยู่ในประเทศนี้แล้วต้องเจอเขา ฉันก็จะพาแม่หนีไปที่อื่น
“เราหนีจากพ่อไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นยูราต้องทำตามที่เขาต้องการ” แต่ดูเหมือนว่าความหวังจะพังลงเพราะความกลัวของแม่อย่างเช่นทุกครั้ง
“....”
“การหมั้นการแต่งงานครั้งนี้สำคัญนะ ถ้ายูราแต่งงานและอยู่ในสถานะอย่างที่พ่อเขาบอกได้ยูราจะปลอดภัย”
“ปลอดภัยจากใคร? คนที่ต้องแต่งงานด้วยเหรอ แต่ฟังจากที่เขาพูดแล้วไม่น่าใช่นะแม่” พวกมีอำนาจถึงขนาดหนุนพ่อได้จะมีสักกี่ตระกูลกัน ลูกนักการเมือง ทายาทนักธุรกิจคนไหนหรือพวก...มาเฟีย
“จากเขา” ‘เขา’ ที่แม่หมายถึงคือพ่อสินะ แม่หันมองซ้ายมองขวาหลังพูดจบราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแอบฟัง
ตอนนี้ในหัวของฉันว่างเปล่า ไม่รู้วิธีจัดการกับชีวิตตัวเองนับจากนี้เลยจะต้องทำยังไง เดินไปทิศทางไหน แม้แต่แม่คือคนที่ฉันคิดว่าน่าจะเข้าใจชีวิตของกันและกันมากที่สุด ยังสั่งให้ทำตามที่พ่อต้องการแทนที่จะขัดขวาง อีกอย่างตัวเองก็เป็นผู้เสนอความคิดที่จะส่งฉันไปอีก
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจแห่งความอัดอั้นที่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เหนื่อยจัง อยากหนีไปไกล ๆ ในหัวฉันมีแต่คำนี้ลอยเต็มไปหมด
“คนที่ยูราต้องแต่งงานด้วยสามารถช่วยให้เราทั้งคู่มีชีวิตปลอดภัย เขาดูแลลูกได้แต่ยูราจะต้องอยู่ในสถานะอย่างที่พ่อบอก” เสียงของแม่นั้นเบามากเมื่อพูดถึงเรื่องการแต่งงานของฉันอย่างจริงจัง
“....” นี่มันชีวิตของแม่ฉันชัด ๆ อดทนยอมรับสภาพของตัวเองแม้ว่าสามีจะทำตัวเลวแค่ไหนก็ตาม
“เมื่อวันหนึ่งที่แม่ไม่อยู่ ยูราจะปลอดภัยจากพ่อ”
“....” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันกับสิ่งที่แม่พูด
“ตรงจุดนั้นจะไม่มีใครแตะต้องยูราได้เลย แต่ยูราต้องกอดทะเบียนสมรสไว้ให้แน่นที่สุดและทำให้สามีรักตัวเอง อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันยิ่งทำให้เขารักได้เร็วเรายิ่งจะปลอดภัย” คำพูดมากมายถูกยกขึ้นมาใช้เพื่อให้ฉันยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ให้ได้ สาเหตุที่แม่ต้องการให้แต่งเพื่อความปลอดภัยของฉัน? ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าพ่อไม่เคยรักฉันเลย วันหนึ่งเกิดบ้าขึ้นมาก็คง...เก็บเราทั้งคู่
“แม่อย่าพูดเหมือนมันง่าย ไม่มีใครรักกันได้ในเวลาอันสั้นและรักกันเพราะแต่งงานกัน อยู่ด้วยกัน มีลูกกันโดยไม่ศึกษานิสัยใจคอ” จนตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องแต่งงานกับใคร
“มันเป็นทางเดียวที่ยูราจะปลอดภัยจากพ่อถ้าวันหนึ่งแม่ไม่อยู่” แม่ยังคงให้เหตุผลเดิม ๆ ใส่หัวฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตอนนี้รู้สึกหลอนหูไปหมดแล้ว มีแต่คำว่าแต่งงาน ๆ ๆ กระเด็นเข้าหน้าเยอะแยะไปหมดเลย!
“ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วยว่าแม่จะไม่อยู่...แม่” ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น คอเสื้อของแม่แหวกออกทำให้สายตาดันเห็นเข้ากับรอยช้ำม่วงบริเวณไหปลาร้า
ไอ้....ทำร้ายร่างกายแม่อีกแล้ว
“อ่อ แม่ ยูราใจเย็น ๆ ยูรา!”
หมับ!
ไม่ต้องฟังคำแก้ตัวแทนของแม่จนจบก็รู้ว่ามันคือรอยอะไร มือเล็กจับแขนของแม่ออกแรงดึงให้เดินตามกลับเข้าไปยังภายในคฤหาสน์ แม้ว่าแม่จะพยายามห้ามแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งเราทั้งคู่กลับเข้ามาในห้องเดิมที่พ่อของฉันนั่งรออยู่
“การแต่งงานหนูจะยอมทำให้ตามที่ต้องการ แต่จะต้องปล่อยแม่เป็นอิสระ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ สองเท้าเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าของผู้เป็นพ่อ
“....” เขายังคงนิ่ง มีเพียงสายตาที่มองไปยังแม่เท่านั้น คนถูกมองก้มหน้าหลบสายตาแล้วเข้ามายืนหลบอยู่ข้างหลังฉันแทน
“อีกสองปีคุณจะชิงตำแหน่งต้องมีคนหนุน การแต่งงานนี้สำคัญ...งั้นเรามาแลกกัน”
ฉันไม่ยอมเสียแค่ฝ่ายเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องแลกอะไรเลยสักอย่าง