ไฟล่า(ม)รัก บทที่ 7 : เกมกระดาน

1388 คำ
ณ ท่าเรือส่วนตัวทะเลสาบ เวลา 22.45 น. “ยูรา” เสียงเรียกของแม่ที่มาพร้อมมืออุ่น ๆ จับที่ต้นแขนทำให้ฉันได้สติกลับมา กวาดสายตามองไปรอบตัวจึงพบว่าเรือเข้าเทียบท่าเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อฉันได้สติกลับมาแม่ก็ปล่อยมือ เพื่อเดินไปยกกระเป๋าตัวเองแต่กลับถูกฉันดึงตัวไว้ได้ทัน “ไม่ต้อง...ยกสิ” ฉันพูดกับแม่ก่อนจะหันไปพูดกับผู้ชายอีก 5 คนที่ยืนอยู่และมีผู้หญิงอีกคนที่มีทำหน้าที่คุมทั้งห้าอีกที ฉันรู้จักเธอดีเลยล่ะ เลขาอีกคนของพ่อที่ไม่รู้ว่ามีสัมพันธ์มากกว่าเลขาหรือเปล่า อีกฝ่ายจ้องหน้าฉันกลับยืนกอดอกมองอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่แม่ฉันเป็นเมียของเจ้านายพวกเขาอีกคนเช่นกัน แต่กลับถูกปฏิบัติตัวชัดเจนเลยว่าไม่ต่างกับคนงานในบ้านทั่วไปหรืออาจจะแย่ยิ่งกว่านั้นก็ได้ “....” คำพูดนั้นไม่ได้เข้าหูเธอเลยสินะเพราะยังคงนิ่ง เรามองหน้ากัน ฉันไม่ใช่คนที่มีสิทธิ์สั่งงานผู้ชายทั้ง 5 คนนั้นได้ “ยกกระเป๋าลงไปให้ด้วย” ในเมื่อสั่งคนอื่นไม่ได้ ก็สั่งที่ตัวคนคุมไปเลย “นายท่านสั่งให้มาส่งไม่สั่งให้ยกกระเป๋า” แขนที่ยกกอดอกอยู่นั้นลดระดับลง “จะยกมั้ย” ฉันถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ สองเท้าก้าวเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าและจ้องตาอีกฝ่าย “....” เธอเริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมาบ้าง ฉันไม่เหมือนแม่ตรงกันข้ามสุด ๆ ที่ผ่านมาก็แค่เก็บอาการเก่ง “ฉันเป็นลูกสาวอีกคนของเขานะ ลูกสาวที่ใช้นามสกุลลอมบาร์ดี” ระบบการเปลี่ยนนามสกุลนั้นต้องมีขั้นตอน แต่ด้วยอำนาจเขาสามารถจัดการมันให้ฉันได้ทันที และคาดว่าพรุ่งนี้สำนักพิมพ์จะต้องโทรมาถามเรื่องนามสกุลใหม่นี่แน่นอน “แล้วเธอรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร จำหน้าฉันได้มั้ย” จะแสดงตัวอะไรใส่ฉันเนี่ย...ผู้หญิงคนมักมากนั่นทำไมมีแต่เพิ่มมากขึ้นทุกวันนะ “ไม่รู้ ไม่รู้จัก จำไม่ได้ คิดว่าโลกหมุนรอบตัวเองแล้วทุกคนจะต้องจำเธอเหรอ ไร้สาระน่า...รีบไปยกกระเป๋าได้ละฉันกับแม่จะได้ไป” “ยกเอง” คำสั่งของฉันถูกขัดขวางด้วยผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง พวกที่เหลือก็ดูจะทำตัวไม่ถูก “เดี๋ยวแม่ยกเองก็ได้ยูรา กระเป๋าใบแค่นี้เอง” และคนที่จบปัญหาก็คือคนที่ใจเย็นที่สุดในชีวิตของฉันแล้ว นั่นก็คือแม่ “ไม่ต้อง ช่วยยกกระเป๋าให้ด้วยค่ะ” ในเมื่อสั่งเธอไม่ได้ ฉันก็ลองสั่งผู้ชายทั้งห้าคนเองอีกที และครั้งนี้พวกเขารีบทำตามที่ร้องขอ อาจจะเพราะพวกเขาพึ่งรู้ว่าฉันเป็นลูกใครล่ะมั้ง ซึ่งสร้างความตกใจให้ผู้หญิงตรงหน้าไม่น้อย “ยังไงก็แค่ลูกเมียน้อย” น้ำเสียงน่าหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูกของผู้หญิงที่ยืนอยู่ดังขึ้น ทำให้ฉันหันกลับไปมองเธออีกครั้ง “แล้วตัวเองไม่ใช่เมียน้อยหรือไง ทำตัวแบบนี้ตั้งใจให้รู้อยู่แล้วนิว่าเป็นใคร ฉันไม่ได้มีปัญหากับทางเลือกชีวิตของเธอหรอกนะ แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าพ่อฉันเป็นยังไงก็ยังจะเอาอีกนะ” “ด่าฉันก็เหมือนด่าแม่ตัวเอง ไม่ต้องมาสอนคนอื่นทีแม่เธอล่ะ แล้วไหนจะลูกอีก...อย่าลืมสอนลูกนะ” ไม่ปฏิเสธแล้วยังกล้าวนมาโทษแม่ฉันอีกเหรอ “ลองหัดโทษแม่ตัวเองบ้างนะ นี่สอนแล้วเหรอลูกถึงออกมาเป็นแบบนี้” ฉันพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นแล้วดึงแขนแม่ให้เดินลงจากเรือ มือข้างหนึ่งล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรเรียกรถ เพื่อมาขนกระเป๋าไปยังคอนโดของฉัน แม่หลุดออกจากพ่อได้แล้วด้วยข้อแลกเปลี่ยนของฉัน แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะปลอดภัยเสมอไป... (กัส) ณ สนามแข่งรถ บรื้น!! เสียงเครื่องยนต์ดังลั่นสนั่นไปทั่วทั้งสนามในจังหวะที่รถ 2 คันพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็ว วิ่งแข่งกันไปตามเส้นทางของสนามท่ามกลางสายตาและเสียงเชียร์จากคนนับพันที่นั่งอยู่บนอัศจรรย์ โดยที่แถวบนสุดนั้นมีกลุ่มคนนั่งเรียงกันอยู่ แต่พวกเขากลับไม่ได้สนใจยังการแข่งขันตรงหน้าเลย “ฮะ! แต่งงาน” ฟีฟ่าถึงกับขมวดคิ้วกับเรื่องที่ได้รับรู้และไม่ใช่แค่มันที่ตกใจ แต่ลูคัสที่นั่งอยู่ข้างกันก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกันเลยสักนิด “....” ดวงตาคมจ้องมองไปยังจอขนาดใหญ่ที่กำลังจับรถทั้งสองคันอยู่ในขณะนี้ ไม่พูดอะไรออกมาต่อหลังจากเล่าทุกอย่างให้ฟีฟ่ากับลูคัสฟังไป “สงสารผู้หญิงคนนั้นฉิบหาย” ลูคัสพูดขึ้นหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน “ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงานเพราะอะไรก็ตาม แต่อีกฝ่ายไม่คิดถึงจิตใจลูกตัวเองเลยหรือไง” ฟีฟ่าเองก็อดที่จะเสนอความคิดเห็นเรื่องไม่ได้ “น่าสงสาร” เสียงของลูคัสพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา “แล้วหมั้นสองอาทิตย์ก็แต่งงานกันเลย ระหว่างที่รองานแต่งลูกสาวของแกลโลต้องมาอยู่กับไอ้กัส...จะรอดมั้ยเนี่ย” ฟีฟ่าถึงกับพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ทั้งสองนั่งประกบข้างเขาและสนทนากันไปมาข้ามหัวไม่หยุด “เออนั่นดิ ส่งลูกมาตายชัด ๆ มาเจอไอ้กัส จะเป็นอะไรหรือเปล่าวะไม่อยากนึกสภาพเลย” ลูคัสส่ายหัวไปมาเบา ๆ อย่างเห็นใจอีกฝ่าย “คนอื่นจะเป็นอะไรหรือเปล่าไม่รู้ แต่พวกมึงเนี่ยเป็นเหี้-อะไร” และแล้วความอดทนของเขาก็หมดลง คิดถูกหรือเปล่าวะเนี่ยที่มาเล่าให้พวกมันฟัง เฮ้อ...แต่ยังไงก็ต้องรู้อยู่ดี อีกคนก็ญาติกัน อีกคนก็สามีของฟีฟี่ที่เป็นญาติตัวเอง “แล้วทำไมมึงไม่อธิบายพ่อว่าไม่ต้องการแต่งงาน” ลูคัสเปิดคำถามขึ้นด้วยความอยากรู้ “บอกแล้ว พ่อกับแม่ให้เหตุผลว่าอยากมีหลานเป็นของตัวเองแต่กูไม่เชื่อหรอกว่ามีเหตุผลแค่นั้น เพราะพ่อบอกว่าถ้าไม่แต่งเขาจะเอาทุกอย่างที่เป็นของเขาคืน” จู่ ๆ จะมามีนิสัยและความคิดเปลี่ยนไปเพราะอยากมีหลานเป็นของตัวเอง อยากให้ลูกแต่งงาน กลัวลูกไม่มีเมีย เกิดมา 30 ปีก็มีวันนี้แหละที่พ่อกับแม่มีความคิดแปลกประหลาดให้ได้เห็น “ถ้าไม่อยากแต่งก็คืนทุกอย่างให้เขาไปเลย” ฟีฟ่าเสนอความคิดเห็นออกมา นั่นทำให้แม้แต่ลูคัสยังพยักหน้าเห็นด้วย สิ่งที่พวกมันพูดก็อยากจะทำตามอยู่หรอกแต่ว่า... “ถ้ากูสังเคราะห์แสงแทนการกินข้าวก็จะทำอยู่หรอก พวกมึงก็ไม่ต่างจากกูเหมือนกัน ถ้าพ่อเอาของของตัวเองคืนกลับไปทั้งหมด เกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์แน่นอน...จริงมั้ย” แม้เราจะมีธุรกิจในมือของตัวเอง แต่ถ้าไปเริ่มต้นใหม่ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเริ่มจากศูนย์ “กูน่าจะ...เก้าสิบ” ลูคัสทำหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ส่วนฟีฟ่าไม่มีคำพูดใดออกมา ยอมรับสภาพไม่ต่างกันสินะ “ส่วนการแต่งงานของกูไม่ต้องคิดอะไรมาก...เต็มที่ก็แค่ถึงพิธีหมั้นไม่ได้แต่งหรอก” สิ้นเสียงกระป๋องเบียร์ในมือถูกยกขึ้นดื่ม เป็นจังหวะเดียวกันที่รถแข่งที่วิ่งอยู่บนสนามตรงเข้าเส้นชัยพร้อมกัน เฮ!!! กรี๊ด!!! เสียงเชียร์และเสียงเฮดังลั่นสนามพร้อมกันเมื่อทีมที่ตัวเองพนันเอาไว้ชนะ ยังเหลืออีกหลายทีมเพราะเกมการแข่งขันมันพึ่งเริ่มต้นเอง จะว่าไปการแต่งงานครั้งนี้เหมือนเกมกระดานหรือเปล่านะ มีหมากลงเล่นและหมากตัวสำคัญบนกระดานนี้ก็คือเขากับว่าที่เจ้าสาว ไม่จำเป็นต้องล้มกระดานเพื่อเอาชนะ กำจัดหมากตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม