โอรสสวรรค์ยิ้มมีแผน “สุดยอดเคล็ดวิชานี้ถ้าฝึกสำเร็จจะส่งพลังไปเลี้ยงสมองแทนเรียกว่า หวน ชิง โป่ว เน่า ทำให้กลับมามีชีวิตชีวา แจ่มใส และมีเมตตาธรรมขั้นละเอียด เพราะฉะนั้นคืนนี้ฮองเฮาต้องช่วยเราให้ฝึกสำเร็จ”
นางไม่รู้วรยุทธแม้แต่น้อย “แต่หม่อมฉันไม่มีวรยุทธจะช่วยอะไรฝ่าบาทได้เพคะ”
“ไม่มีวรยุทธไม่เป็นไร แค่เจ้านอนนิ่งๆ กอดเราไว้แน่นๆ ก็เพียงพอแล้ว”
หนิงซูเยว่ยิ่งงงหนักกว่าเดิมวิชาอะไรทำไมต้องนอนนิ่งๆ แล้วให้กอดแน่นๆ “ขั้นตอนการฝึกวิชานี้เป็นอย่างไรบ้างเพคะ”
“ก็แค่เราร่วมภิรมย์กับเจ้าสิบครั้งโดยที่ไม่ปล่อยบางอย่างเข้าไปในร่างกายของฮองเฮา ร่วมภิรมณ์หนึ่งครั้งไม่หลั่งหูตาแจ่มใส ร่วมภิรมย์สิบครั้งไม่หลั่งถือว่าเซียน ร่างกาย สมบูรณ์ แข็งแรงรักษาหายทุกโรคภัย”
หนิงซูเยว่กรีดร้องในใจ วิชาประหลาดแบบนี้มีจริงหรือ หยางจื่อเห็นนางดิ้นจะลงไปยืนจึงกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ก้มหน้าไปใกล้ราวกับจะจูบแต่กลับพูดเบาๆ
“ข้าอยากรีบสอนวิชานี้แก่เจ้าเร็วๆ เสียแล้วฮองเฮา”
หนิงซูเยว่หยุดดิ้นแต่ลอบด่าในใจ นี่ท่านอดอยากปากแห้งมานานจนกระทำการหน้ามืดไม่อายข้าราชบริพาร หรือเทพเทวดาฟ้าดินบ้างเลย ช่างน่าโมโหและน่าหวั่นเกรงนัก
ท่ามกลางความตะลึงตะลานของเหล่าข้าราชบริพารที่ได้มาเห็นฉากรักนี้เข้า พวกเขาต่างรีบก้มหน้ามองพื้นไม่มีใครกล้ามองดูฮ่องเต้แสดงความรักลึกซึ้งต่อฮองเฮาชัดๆ ทั้งที่เป็นภาพหาชมได้ยากพระองค์กระซิบกระซาบอยู่กับฮองเฮา เหล่าข้าราชบริพารอยากมองดูแต่ก็อยากรักษาหัวไว้มากกว่าจึงไม่มีใครกล้ามอง
“ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะหม่อมฉันอาย” หนิงซูเยว่กระซิบเบาๆ
“อายที่เราอุ้มเจ้าเช่นนั้นหรือ หรืออายที่เราขอให้เจ้าช่วยฝึกวิชาด้วย ที่จริงเจ้าควรภูมิใจเราไม่เคยฝึกวิชานี้แก่สนมชายาคนใด รวมทั้งไม่เคยอุ้มใครเข้าตำหนักแบบนี้มาก่อน”
“หม่อมฉันไม่ต้องการแบบนี้นี่เพคะ พรุ่งนี้เรื่องนี้ต้องเป็นที่โจษจันไปทั่ววัง”
“ใครจะกล้า ถ้าใครเอาเรื่องนี้ไปพูดเราจะสั่งตัดหัว”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้เพคะ”
หนิงซูเยว่ไม่อยากสาวความในเรื่องนี้ต่อ ก็ถ้าไม่มีคนทำให้เห็นไฉนเลยจะเกิดเรื่องให้คนเอาไปพูดได้ ท่านช่างเป็นฮ่องเต้ที่ไร้ยางอาย
“เราไม่เข้าใจว่าภาพฮ่องเต้รักใคร่ลึกซึ้งฮองเฮาเป็นเรื่องแปลกตรงไหนกัน เรากับเจ้าเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎมณเฑียรบาล เจ้าเป็นสะใภ้หลวงที่ได้รับการรับรองมีป้ายสลักชื่อบรรพชนยอมรับให้เป็นคนของตระกูลอ้ายซิลเจ๋วหลัวแล้วยังต้องกังวลสิ่งใด”
“เมื่อก่อนไม่เห็นทรงสนใจไยดีหม่อมฉันเช่นนี้” นางสะบัดหน้าตอบงอนๆ
หยางจื่อยิ้ม เขาใช้สายตาไล่เหล่านางกำนัลที่ยืนประจำหน้าตำหนักออกไป นางกำนัลกำลังเบิกตากว้างที่เห็นเจ้าของตำหนักก็คือฮองเฮาเสด็จกลับมาแต่กลับมาด้วยการถูกฮ่องเต้อุ้มกลับ ช่างน่าดีใจยิ่งนัก
เหมยเอี้ยนออกไปเป็นคนสุดท้าย เพราะต้องไปเปิดประตูห้องบรรทมของฮองเฮาไว้ให้ เสร็จแล้วก็โค้งตัวต่ำหลบฉากออกไป หยางจื่อก้าวเดินเข้าตำหนักไปอย่างพอใจ นางกำนัลขันทีของหนิงซูเยว่ช่างรู้งานนัก
เขาวางร่างของหนิงซูเยว่ลงบนเตียงแล้วมองนางอย่างพิจารณาครั้งหนึ่ง มุมปากมีรอยยิ้มที่นานๆ จะมีสักครั้ง
“เมื่อครู่เจ้าตัดพ้อเรารึว่าไม่เคยสนใจไยดีเจ้า งั้นคืนนี้เราจะชดเชยที่ไม่เคยสนใจเจ้า จนถึงเช้าเราจะเฝ้ามองแต่เจ้าไม่ให้คลาดสายตา”
หนิงซูเยว่รีบลุกพรวดขึ้นตอบ “หม่อมฉันมิกล้าเพคะ”
หยางจื่อกดนางนอนลงแล้วปลดชุดคลุมมังกรของเขาออกด้วยตัวเองโดยไม่เรียกนางกำนัลมาช่วย หนิงซูเยว่มองด้วยใจเต้นระทึก ที่เห็นเขากล้าปลดเสื้อผ้าต่อหน้า
‘ไร้ยางอาย หรือว่าความเคยชิน ทำอย่างไรได้ทั้งวังหลังมีท่านให้บริการสาวๆ ได้เพียงคนเดียว’
ดวงตาหงส์หลุบลงไม่กล้ามองต่อ เธอคงหนีไปไหนไม่พ้น ถ้าหนีไม่ได้เห็นทีคงต้องยอมสละพรมจรรย์ในคืนนี้แล้ว แต่จะเป็นไรเพราะชายตรงหน้าเป็นถึงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อีกทั้งยังเป็นสามีที่ถูกต้องของหนิงซูเยว่ตัวจริงแต่เธอมันตัวปลอม แล้วถ้าตัวจริงกลับมาล่ะจะทำยังไง ดั่งฝันในคราบหนิงซูเยว่มุ่นหัวคิ้วสับสน
ดวงตาหงส์เลื่อนขึ้นมาจ้องมองภาพตรงหน้าอีกครั้ง เมื่อหยางจื่อถอดชุดคลุมมังกรออก เรือนกายกำยำแข็งแรงประดุจหยกสลักเนื้อดีก็เผยให้เห็น หนิงซูเยว่หลับตาปี๋ เลยไม่รู้ว่าหยางจื่อเผยรอยยิ้มบางเบาออกมา พลางกดบ่าเธอลงกับเตียงอย่างนุ่มนวล
“ฮองเฮาคงลำบากแล้วคืนนี้ที่ต้องช่วยเราปรับสมดุลระหว่างหยินกับหยางในร่างกาย แต่ไม่ต้องกังวลไปเราสั่งจางกงกงให้เตรียมน้ำแกงมาบำรุงเจ้าในยามเช้า”
“ทำให้ฝ่าบาทต้องยุ่งยากเตรียมน้ำแกง หม่อมฉันละอายจริงๆ เพคะ”
“เราไม่ลำบากเลย อีกอย่างเจ้าเป็นฮองเฮาของเรา การที่เราดูแลเอาใจใส่เจ้าก็ถือว่าถูกแล้ว”
หยางจื่ออมยิ้มเมื่อเห็นอาการไม่พอใจที่ฉายผ่านดวงตาหงส์ออกมาแวบหนึ่ง เพราะทั้งหมดล้วนมีแต่เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบนาง
“หม่อมฉันกลัวว่าฝ่าบาทจะเหนื่อยน่ะสิเพคะ พระองค์มีสนมชายามากมาย ความใส่ใจก็ต้องแผ่กระจายให้ทั่วถึงเหมือนพิรุณต้องตกลงหย่อมหญ้าอย่างทั่วถึงเช่นกันไม่เช่นนั้นจะมีบางแห่งเฉาตาย”
“พูดเช่นนี้ก็ถูกอีกดูเหมือนที่ผ่านมาพิรุณไม่เคยตกลงบนตำหนักเฟยเฟิง ต่อไปนี้เราผู้เป็นโอรสสวรรค์จะบันดาลให้พิรุณพร่ำพรมที่ตำหนักเฟยเฟิงทุกค่ำคืน เราเชื่อว่าหญ้าที่ตำหนักนี้คงจะเขียวขจีในเร็ววัน”
‘ฮ่องเต้ลามก โรคจิต’
หนิงซูเยว่ไม่คิดเลยว่าโอรสสวรรค์จะมีฝีปากคมกริบรับได้ทุกกระบวนท่าจนน่าปวดหัว นางเล่นงานคนผิด เดินหมากผิดเกมใช่หรือไม่
“หม่อมฉันล่วงเกินฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”
“เราไม่ลงโทษเจ้าหรอกฮองเฮา เวลานี้เจ้าจงมาช่วยเราแก้ฝันร้ายปรับสภาพหยินหยางในกายให้ได้รับความสมดุล กลับมาสดใส แข็งแรงดีกว่า” หยางจื่อบอกแล้วก้มลงจูบแก้มขาวเนียนละเอียดอย่างพึงพอใจ
หนิงซูเยว่แกล้งหลุบตาเอียงอาย “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันยังเล่าเรื่องความฝันไม่จบ ในความฝันนั้นเสือตัวนั้นน่ากลัวมากเพคะ เหมือนต้องการจะขย้ำฝ่าบาทให้ได้ หม่อมฉันว่าบางทีควรให้ท่านนักพรตมาทำนาย ให้จางกงกงไปตามท่านนักพรตมาดีไหมเพคะ” หนิงซูเยว่หาเรื่องถ่วงเวลา
“เสือตัวนั้นช่างร้ายกาจนัก เห็นทีเราจะต้องจัดการให้เข็ดราบ ท่านนักพรตคงปราบมันไม่ลงหรอก เราต้องปราบมันเอง เจ้าว่ามันเป็นเสือตัวเมียหรือเสือตัวผู้”
“เอ่อ...ในฝันหม่อมฉันก็ไม่ทันสังเกตเพคะ”
“แต่เราว่ามันต้องเป็นเสือตัวเมีย”
ดวงตาหงส์ช้อนมองเขาอย่างสงสัยหรือว่าทั้งหมดที่นางทำลงไปฮ่องเต้รู้ทันโดยตลอด บ้าจริงก็หลงคิดว่าโง่งมหลงสนมชายา