17

1271 คำ
โอรสสวรรค์ยิ้มมีแผน “สุดยอดเคล็ดวิชานี้ถ้าฝึกสำเร็จจะส่งพลังไปเลี้ยงสมองแทนเรียกว่า หวน ชิง โป่ว เน่า ทำให้กลับมามีชีวิตชีวา แจ่มใส และมีเมตตาธรรมขั้นละเอียด เพราะฉะนั้นคืนนี้ฮองเฮาต้องช่วยเราให้ฝึกสำเร็จ” นางไม่รู้วรยุทธแม้แต่น้อย “แต่หม่อมฉันไม่มีวรยุทธจะช่วยอะไรฝ่าบาทได้เพคะ” “ไม่มีวรยุทธไม่เป็นไร แค่เจ้านอนนิ่งๆ กอดเราไว้แน่นๆ ก็เพียงพอแล้ว” หนิงซูเยว่ยิ่งงงหนักกว่าเดิมวิชาอะไรทำไมต้องนอนนิ่งๆ แล้วให้กอดแน่นๆ “ขั้นตอนการฝึกวิชานี้เป็นอย่างไรบ้างเพคะ” “ก็แค่เราร่วมภิรมย์กับเจ้าสิบครั้งโดยที่ไม่ปล่อยบางอย่างเข้าไปในร่างกายของฮองเฮา ร่วมภิรมณ์หนึ่งครั้งไม่หลั่งหูตาแจ่มใส ร่วมภิรมย์สิบครั้งไม่หลั่งถือว่าเซียน ร่างกาย สมบูรณ์ แข็งแรงรักษาหายทุกโรคภัย” หนิงซูเยว่กรีดร้องในใจ วิชาประหลาดแบบนี้มีจริงหรือ หยางจื่อเห็นนางดิ้นจะลงไปยืนจึงกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ก้มหน้าไปใกล้ราวกับจะจูบแต่กลับพูดเบาๆ “ข้าอยากรีบสอนวิชานี้แก่เจ้าเร็วๆ เสียแล้วฮองเฮา” หนิงซูเยว่หยุดดิ้นแต่ลอบด่าในใจ นี่ท่านอดอยากปากแห้งมานานจนกระทำการหน้ามืดไม่อายข้าราชบริพาร หรือเทพเทวดาฟ้าดินบ้างเลย ช่างน่าโมโหและน่าหวั่นเกรงนัก ท่ามกลางความตะลึงตะลานของเหล่าข้าราชบริพารที่ได้มาเห็นฉากรักนี้เข้า พวกเขาต่างรีบก้มหน้ามองพื้นไม่มีใครกล้ามองดูฮ่องเต้แสดงความรักลึกซึ้งต่อฮองเฮาชัดๆ ทั้งที่เป็นภาพหาชมได้ยากพระองค์กระซิบกระซาบอยู่กับฮองเฮา เหล่าข้าราชบริพารอยากมองดูแต่ก็อยากรักษาหัวไว้มากกว่าจึงไม่มีใครกล้ามอง “ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะหม่อมฉันอาย” หนิงซูเยว่กระซิบเบาๆ “อายที่เราอุ้มเจ้าเช่นนั้นหรือ หรืออายที่เราขอให้เจ้าช่วยฝึกวิชาด้วย ที่จริงเจ้าควรภูมิใจเราไม่เคยฝึกวิชานี้แก่สนมชายาคนใด รวมทั้งไม่เคยอุ้มใครเข้าตำหนักแบบนี้มาก่อน” “หม่อมฉันไม่ต้องการแบบนี้นี่เพคะ พรุ่งนี้เรื่องนี้ต้องเป็นที่โจษจันไปทั่ววัง” “ใครจะกล้า ถ้าใครเอาเรื่องนี้ไปพูดเราจะสั่งตัดหัว” “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้เพคะ” หนิงซูเยว่ไม่อยากสาวความในเรื่องนี้ต่อ ก็ถ้าไม่มีคนทำให้เห็นไฉนเลยจะเกิดเรื่องให้คนเอาไปพูดได้ ท่านช่างเป็นฮ่องเต้ที่ไร้ยางอาย “เราไม่เข้าใจว่าภาพฮ่องเต้รักใคร่ลึกซึ้งฮองเฮาเป็นเรื่องแปลกตรงไหนกัน เรากับเจ้าเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎมณเฑียรบาล เจ้าเป็นสะใภ้หลวงที่ได้รับการรับรองมีป้ายสลักชื่อบรรพชนยอมรับให้เป็นคนของตระกูลอ้ายซิลเจ๋วหลัวแล้วยังต้องกังวลสิ่งใด” “เมื่อก่อนไม่เห็นทรงสนใจไยดีหม่อมฉันเช่นนี้” นางสะบัดหน้าตอบงอนๆ หยางจื่อยิ้ม เขาใช้สายตาไล่เหล่านางกำนัลที่ยืนประจำหน้าตำหนักออกไป นางกำนัลกำลังเบิกตากว้างที่เห็นเจ้าของตำหนักก็คือฮองเฮาเสด็จกลับมาแต่กลับมาด้วยการถูกฮ่องเต้อุ้มกลับ ช่างน่าดีใจยิ่งนัก เหมยเอี้ยนออกไปเป็นคนสุดท้าย เพราะต้องไปเปิดประตูห้องบรรทมของฮองเฮาไว้ให้ เสร็จแล้วก็โค้งตัวต่ำหลบฉากออกไป หยางจื่อก้าวเดินเข้าตำหนักไปอย่างพอใจ นางกำนัลขันทีของหนิงซูเยว่ช่างรู้งานนัก เขาวางร่างของหนิงซูเยว่ลงบนเตียงแล้วมองนางอย่างพิจารณาครั้งหนึ่ง มุมปากมีรอยยิ้มที่นานๆ จะมีสักครั้ง “เมื่อครู่เจ้าตัดพ้อเรารึว่าไม่เคยสนใจไยดีเจ้า งั้นคืนนี้เราจะชดเชยที่ไม่เคยสนใจเจ้า จนถึงเช้าเราจะเฝ้ามองแต่เจ้าไม่ให้คลาดสายตา” หนิงซูเยว่รีบลุกพรวดขึ้นตอบ “หม่อมฉันมิกล้าเพคะ” หยางจื่อกดนางนอนลงแล้วปลดชุดคลุมมังกรของเขาออกด้วยตัวเองโดยไม่เรียกนางกำนัลมาช่วย หนิงซูเยว่มองด้วยใจเต้นระทึก ที่เห็นเขากล้าปลดเสื้อผ้าต่อหน้า ‘ไร้ยางอาย หรือว่าความเคยชิน ทำอย่างไรได้ทั้งวังหลังมีท่านให้บริการสาวๆ ได้เพียงคนเดียว’ ดวงตาหงส์หลุบลงไม่กล้ามองต่อ เธอคงหนีไปไหนไม่พ้น ถ้าหนีไม่ได้เห็นทีคงต้องยอมสละพรมจรรย์ในคืนนี้แล้ว แต่จะเป็นไรเพราะชายตรงหน้าเป็นถึงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อีกทั้งยังเป็นสามีที่ถูกต้องของหนิงซูเยว่ตัวจริงแต่เธอมันตัวปลอม แล้วถ้าตัวจริงกลับมาล่ะจะทำยังไง ดั่งฝันในคราบหนิงซูเยว่มุ่นหัวคิ้วสับสน ดวงตาหงส์เลื่อนขึ้นมาจ้องมองภาพตรงหน้าอีกครั้ง เมื่อหยางจื่อถอดชุดคลุมมังกรออก เรือนกายกำยำแข็งแรงประดุจหยกสลักเนื้อดีก็เผยให้เห็น หนิงซูเยว่หลับตาปี๋ เลยไม่รู้ว่าหยางจื่อเผยรอยยิ้มบางเบาออกมา พลางกดบ่าเธอลงกับเตียงอย่างนุ่มนวล “ฮองเฮาคงลำบากแล้วคืนนี้ที่ต้องช่วยเราปรับสมดุลระหว่างหยินกับหยางในร่างกาย แต่ไม่ต้องกังวลไปเราสั่งจางกงกงให้เตรียมน้ำแกงมาบำรุงเจ้าในยามเช้า” “ทำให้ฝ่าบาทต้องยุ่งยากเตรียมน้ำแกง หม่อมฉันละอายจริงๆ เพคะ” “เราไม่ลำบากเลย อีกอย่างเจ้าเป็นฮองเฮาของเรา การที่เราดูแลเอาใจใส่เจ้าก็ถือว่าถูกแล้ว” หยางจื่ออมยิ้มเมื่อเห็นอาการไม่พอใจที่ฉายผ่านดวงตาหงส์ออกมาแวบหนึ่ง เพราะทั้งหมดล้วนมีแต่เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบนาง “หม่อมฉันกลัวว่าฝ่าบาทจะเหนื่อยน่ะสิเพคะ พระองค์มีสนมชายามากมาย ความใส่ใจก็ต้องแผ่กระจายให้ทั่วถึงเหมือนพิรุณต้องตกลงหย่อมหญ้าอย่างทั่วถึงเช่นกันไม่เช่นนั้นจะมีบางแห่งเฉาตาย” “พูดเช่นนี้ก็ถูกอีกดูเหมือนที่ผ่านมาพิรุณไม่เคยตกลงบนตำหนักเฟยเฟิง ต่อไปนี้เราผู้เป็นโอรสสวรรค์จะบันดาลให้พิรุณพร่ำพรมที่ตำหนักเฟยเฟิงทุกค่ำคืน เราเชื่อว่าหญ้าที่ตำหนักนี้คงจะเขียวขจีในเร็ววัน” ‘ฮ่องเต้ลามก โรคจิต’ หนิงซูเยว่ไม่คิดเลยว่าโอรสสวรรค์จะมีฝีปากคมกริบรับได้ทุกกระบวนท่าจนน่าปวดหัว นางเล่นงานคนผิด เดินหมากผิดเกมใช่หรือไม่ “หม่อมฉันล่วงเกินฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ” “เราไม่ลงโทษเจ้าหรอกฮองเฮา เวลานี้เจ้าจงมาช่วยเราแก้ฝันร้ายปรับสภาพหยินหยางในกายให้ได้รับความสมดุล กลับมาสดใส แข็งแรงดีกว่า” หยางจื่อบอกแล้วก้มลงจูบแก้มขาวเนียนละเอียดอย่างพึงพอใจ หนิงซูเยว่แกล้งหลุบตาเอียงอาย “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันยังเล่าเรื่องความฝันไม่จบ ในความฝันนั้นเสือตัวนั้นน่ากลัวมากเพคะ เหมือนต้องการจะขย้ำฝ่าบาทให้ได้ หม่อมฉันว่าบางทีควรให้ท่านนักพรตมาทำนาย ให้จางกงกงไปตามท่านนักพรตมาดีไหมเพคะ” หนิงซูเยว่หาเรื่องถ่วงเวลา “เสือตัวนั้นช่างร้ายกาจนัก เห็นทีเราจะต้องจัดการให้เข็ดราบ ท่านนักพรตคงปราบมันไม่ลงหรอก เราต้องปราบมันเอง เจ้าว่ามันเป็นเสือตัวเมียหรือเสือตัวผู้” “เอ่อ...ในฝันหม่อมฉันก็ไม่ทันสังเกตเพคะ” “แต่เราว่ามันต้องเป็นเสือตัวเมีย” ดวงตาหงส์ช้อนมองเขาอย่างสงสัยหรือว่าทั้งหมดที่นางทำลงไปฮ่องเต้รู้ทันโดยตลอด บ้าจริงก็หลงคิดว่าโง่งมหลงสนมชายา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม