16

1295 คำ
“เมื่อพลบค่ำหม่อมฉันนอนหลับไปแล้วแต่เกิดฝันน่ากลัวขึ้นมา ในฝันเห็นว่าฝ่าบาทกำลังเดินเข้าปากเสือ เสือตัวนั้นดูดุร้าย น่ากลัวมาก หม่อมฉันสะดุ้งตื่นนอนไม่หลับอีก ไม่สบายใจอย่างมากต้องรีบมาเข้าเฝ้าเพคะ กลัวว่าฝันร้ายจะกลายเป็นจริง” คำพูดที่หลุดจากปากของหนิงซูเยว่เรียกความประหลาดใจให้กับหยางจื่อ รวมถึงนางกำนัลขันทีที่ยืนอยู่ทุกคน แต่คนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างด้วยนึกไม่ถึงในเล่ห์กลนี้ของฮองเฮาคือเสวียอวี้เจิน นางยืนกำมือแน่น ฝันว่าฝ่าบาทถูกเสือคาบไปกิน เสือตัวนั้นจะหมายถึงใครถ้าไม่ใช่นาง จะเจ้าเล่ห์มากไปแล้วหนิงซูเยว่ เสวียอี้เจินร่ำร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองอยู่ในใจแต่ทำอะไม่ได้ หนำซ้ำยังต้องทำหน้าซีดสลดลงอีกหลายส่วน “เจ้าฝันเช่นนั้นจริงหรือฮองเฮา” หยางจื่อถาม ดวงตามังกรจ้องมองลึกลงไปในดวงตาหงส์ที่ตวัดขึ้นมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ “หม่อมฉันทูลเรื่องมิควรแล้ว หม่อมฉันไม่น่าเล่าความฝันไร้สาระให้ฝ่าบาทฟัง ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษให้กับความเป็นห่วงที่หม่อมฉันมีต่อฝ่าบาทมากเกินไปด้วยเพคะ” หนิงซูเยว่บอกเสียงเครือ บีบน้ำตาออกมาได้หยดหนึ่ง หยางจื่อไม่ได้เป็นโรคแพ้น้ำตา ในทางตรงกันข้ามใบหน้าหล่อเหลาดั่งหยกสลักมีรอยยิ้มที่มุมปาก นางช่างแสบสันจริงๆ หยางจื่อร่วมเล่นละครฉากนี้ด้วย เขาสลัดชายชุดคลุมมังกรครั้งหนึ่ง “เอาล่ะ เราเห็นถึงความเป็นห่วงที่ฮองเฮามีต่อเราอย่างมากถึงขนาดลุกขึ้นแต่งตัวอย่างงดงามมาหาเราถึงที่ตำหนักลู่เอินทั้งที่บอกว่าตกใจจากฝันร้าย แบบนี้เราจะลงโทษเจ้าได้เช่นไรจริงหรือไม่” หยางจื่อบอกสีหน้าเรียบ หันไปหาเสวียอวี้เจินที่ยืนก้มหน้าพูดอะไม่ออก “ชายารัก เจ้ากลับไปพักผ่อนต่อเถอะ เราจะกลับตำหนักแล้ว” “ฝะ... ฝ่าบาทเพคะ แต่ว่าเพิ่งจะเสด็จมา จะกลับแล้วหรือ...” “ความฝันที่ฮองเฮานำมาบอก เราเองก็หวั่นใจ ชายารักยังต้องการให้เราค้างที่ตำหนักอีกหรือ” หยางจื่อถามขณะที่หนิงซูเยว่ลอบช้อนดวงตาหงส์ขึ้นมอง แม้เมื่อครู่ถูกฮ่องเต้จอมหื่นว่าแขวะเรื่องที่นางแต่งตัวงดงามประณีตเกินไปสักหน่อยมาเข้าเฝ้าแต่ไฉนเลยนางจะยอมรับ หนิงซูเยว่ลอบยิ้ม เสวียหวงกุ้ยเฟยหน้าซีดขึ้นอีกหลายส่วน ตกใจทรุดตัวลงคุกเข่า เมื่อครู่นางผิดพลาดที่ไปตัดพ้อโอรสสวรรค์ และยังกล้ารั้งพระองค์ไว้อีก “หม่อมฉันโง่เขลาไม่ทันคิดให้ถ้วนถี่ ข้อความที่ฮองเฮานำมาทูลอย่างไรเสียก็ต้องเป็นสิ่งที่เทพเซียนเป็นห่วง ส่งสารบอกผ่านถึงฮองเฮา เป็นหม่อมฉันเองที่ผิดกล้ารั้งฝ่าบาทไว้ โปรดละเว้นโทษหม่อมฉันด้วยเพคะ” “เราเข้าใจเจ้า” หยางจื่อรับคำแล้วสะบัดชายชุดคลุมเดินออกไป หนิงซูเยว่เห็นดังนั้นก็จิกตามองเสวียหวงกุ้ยเฟยครั้งหนึ่งยิ้มๆ ไม่พูดอะไร แล้วเดินตามหลังหยางจื่อออกไป นางจะไปขึ้นเกี้ยวของนางกลับตำหนัก คิดว่าจะนอนหลับฝันดี ทว่าจางกงกงกลับเดินมาโค้งตัวบอก “ทูลฮองเฮา ฝ่าบาททูลเชิญให้ร่วมเกี้ยวด้วยกันพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทให้ทูลว่าคืนนี้จะทรงค้างที่ตำหนักเฟยเฟิงร่วมกับพระนาง” หนิงซูเยว่เบิกตากว้าง อยากจะถามว่าฮ่องเต้องค์นั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้จะไปค้างตำหนักนาง ร้ายกาจยิ่งนัก แต่นางจะพูดอะไรได้นอกจากพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว” นางเดินตามไปอย่างโมโห ในใจกราดเกรี้ยวที่เขาไม่ยอมปล่อยนางไปแต่กับเอาคืนนางในทันที ขันทีเปิดม่านให้ขึ้นไปนั่งคู่กับหยางจื่อ นางก็เปิดยิ้มให้เขาอย่างขอไปที หยางจื่อแสร้งทำเป็นไม่เห็นแล้วยื่นมือไปรับนางขึ้นเกี้ยว พอม่านปิดก็ดึงร่างนางมานั่งบนตักด้วยความรวดเร็ว น้ำหนักมือของเขาทั้งแข็งแรงมั่นคง หนิงซูเยว่ไม่ทันร้องออกมาสักคำก็ถูกปิดปากด้วยปากร้อนระอุราวคิมหันต์ฤดูของหยางจื่อ ปากแนบปากเนิ่นนานไม่รู้เท่าไร แต่หนิงซูเยว่รู้ว่าฮ่องเต้องค์นี้ร้ายกาจยิ่งนักเพราะพระหัตถ์ซุกซนใช้มือดันท้ายทอยนางให้แนบใบหน้าเข้าใกล้เขามากขึ้น ริมฝีปากเขาขบเม้มกลีบปากนางให้เปิดปากต้อนรับการเชิญชวน มือข้างที่ว่างอีกข้างก็ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเบาๆ แม้ชุดที่หนิงซูเยว่สวมเป็นชุดคลุมยาวฉ่างอีผ่าด้านข้างลวดลายหรูหรา แต่กระนั้นก็ไม่อาจปิดกั้นความร้อนผ่าวจากฝ่ามืออันทรงพลังได้ เมื่อเธอเผลอหอบหายใจคนคอยท่าอยู่แล้วก็แทรกเรียวลิ้นผ่านเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว “ฝ่าบาท!” “ฮองเฮา เจ้าช่างหวานล้ำยิ่งนัก เราจะชิมรสเจ้าทั้งคืนเพื่อเป็นการปลอบขวัญให้ตัวเอง บางทีเราอาจมีเคราะห์เพราะฮองเฮาฝันร้าย ต้องเป็นเรื่องร่างกายของเราซึ่งสองสามเดือนมานี้อ่อนแอลง” ‘จะมาไม้ไหน ได้ยินสนมชายาลือไปทั่วว่าพระองค์เรี่ยวแรงดีแค่ไหน’ แต่หนิงซูเยว่ไม่สามารถขัดขืนความต้องการของโอรสสวรรค์ที่คงอัดแน่นมาหลายคืนตามกฎมณเฑียรบาลได้ ผู้หญิงในวังหลังคือสิทธิ์ขาดของฮ่องเต้ แบบนี้จะโทษใครได้ถ้าไม่ใช่ตัวเองที่ไปขัดขวางความสุขของเขากับชายารัก เธอต้องการให้เขาค้างเติ่งสุดท้ายเขาก็หันมาระบายกับเธอ กรรมใดใครก่อคนนั้นก็ต้องรับกรรมนั้น ไม่น่าเลยหนิงซูเยว่ และนี่เธอจะหาทางรอดได้หรือไม่ เกี้ยวที่แบกมาเป็นจังหวะมั่นคงหยุดลง จางกงกงรอให้คนข้างในรู้ตัวจึงเปิดม่าน หยางจื่อลุกออกมาก่อนแล้วหันมายื่นมือให้หนิงซูเยว่ โอรสสวรรค์ที่เป็นใหญ่ในใต้หล้าไม่จำเป็นต้องอายหรือเกรงใจใคร เขาเห็นหนิงซูเยว่ช้านัก ก็เปลี่ยนจากพยุงมือ เป็นตวัดแขนช้อนอุ้มร่างบอบบางขึ้นอุ้มแทน “ฝ่าบาท! ปล่อยหม่อมฉันลงนะ” หนิงซูเยว่ไม่คิดว่าฮ่องเต้หยางจื่อจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายแต่เขาก็ทำแล้วเดินผ่านผู้คนอย่างไม่สนใจใคร “คืนนี้ฮองเฮาต้องช่วยเรา บางทีดวงของฮองเฮาซึ่งเป็นแม่ของแผ่นดินอาจจะทำให้เรารอดพ้นจากคราวเคราะห์ ในครั้งนี้ ความฝันของฮองเฮาบางทีอาจจะมีมูล ช่วงนี้เรารู้สึกว่าร่างกายเหมือนไม่ค่อยจะแข็งแรงคงเป็นหยินหยางในกายไม่สมดุล” “ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาทควรจะเรียกแพทย์หลวงมาเข้าเฝ้าจะได้รีบรักษาได้ทันท่วงที ฝ่าบาทเป็นพ่อของแผ่นดินจะทรงประชวรไม่ได้” หนิงซูเยว่แสดงท่าทางห่วงใยดูสมบทบาทยิ่งกว่านักแสดงมากฝีมือบางคนเสียอีก “ฮองเฮาคงยังไม่รู้ว่าหากธาตุหยินหยางของเราไม่สมดุลเราสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง เราจะบอกความลับเรื่องหนึ่งให้แก่เจ้าคนเดียวเท่านั้น” หยางจื่อกระซิบข้างหูหนิงซูเยว่แผ่วเบาแต่ทำให้นางขนลุกตั้งแต่ศีรษะไปจรดปลายเท้า “เราแอบฝึกวิชาฮ่องเต้พันสนมเคล็ดวิชาของลัทธิเต๋า วิชานี้จะทำให้ผู้ฝึกเปลี่ยนพลังทางเพศเป็นพลังลมปราณ คืนนี้เห็นทีฮองเฮาคงต้องให้ความร่วมมือกับเราหากฝึกสำเร็จร่างกายของเราที่เจ้าเฝ้าเป็นห่วงจะไม่เจ็บป่วย อาการอ่อนเพลียที่เป็นก็จะหายไป” “วิชาฮ่องเต้พันสนม เป็นเช่นไรเพคะ หม่อมฉันโง่เขลาเบาปัญญาขอฝ่าบาทโปรดชี้แนะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม