บนรถ
หลังจากหญิงสาวที่พยายามซ่อนความรู้สึกผิดหวังเอาไว้อย่างสุดกำลังได้กลับมาขึ้นรถพร้อมกับชายชุดดำบอดี้การ์ดและเดินทางออกจากคอนโดแห่งนั้นทันที
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างสะใจในทีแรกพลันหายไปกลับกลายเป็นสีหน้าเศร้าหมองผิดกับตอนที่อยู่ต่อหน้าแฟนหนุ่มผู้ชายสาระเลวไปโดยสิ้นเชิงมาตลอดทาง ความผิดหวังน้อยเนื้อต่ำใจพุ่งเข้ามาใส่กลางใจของหญิงสาวอีกครั้งทั้งในดวงตาสวยฉายแววเจ็บปวดออกมาอย่างลึกซึ้ง
ต่อหน้าหญิงสาวอาจจะเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากก็จริง แต่ใครบ้างจะไม่เสียใจกับการที่ต้องอกหักแบบไม่ทันได้เตรียมใจอะไรไว้เลย ถ้าหากอกหักแบบเลิกราต่อกันด้วยดีเธอก็พอจะทำใจได้ ไม่มูฟออนเดินหน้าต่ออย่างโนสนโนแคร์ แต่นี่คบกันมาตั้งหลายปีแต่ดันมานอกใจขนาดนี้เป็นใครก็ต้องเจ็บใจทั้งเสียใจไม่น้อยเหมือนกัน
ดวงความรักของฉันคงจะไม่ดีจริงๆ...
หยาดน้ำตาของความเสียใจอยู่ในใจลึกๆ ระเรื่อเอ่อขึ้นมาคลอเบ้าทั้งที่เขาคือคนเดียวที่เธอไว้ใจได้และเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้วแท้ๆ แต่เขากลับทำให้หัวใจของเธอแตกสลายพร้อมกับดับแสงสว่างความหวังทั้งหมดให้มอดลงไปโดยสิ้นเชิง
หญิงสาวเคยมีชีวิตที่ราบรื่นไปเสียทุกอย่างแต่ตอนนี้กลับต้องมาเจอกับมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ภายในวันเดียวราวกับว่ากำลังถูกฟ้าเล่นตลก กลั่นแกล้งให้เธอต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดพร้อมกัน ทั้งเรื่องหนี้สินที่ผู้เป็นพ่อก่อไว้ให้แล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว
แค่นี้หญิงสาวก็เจ็บช้ำจนถึงที่สุดแล้ว ไหนเลยหัวใจของเธอจะต้องมาถูกบดขยี้แหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดีลงอีกครั้งเมื่อได้รู้ความจริงว่าแฟนหนุ่มที่คบกันมานานหลายปีดันนอกใจแบบนี้อีกและที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ…
ซวยแล้ว!
หญิงสาวสะดุ้งเฮือกใบหน้าซีดเผือดลงทันทีอุทานออกมาเสียงหลงอยู่ในใจด้วยความตื่นตะลึง ดวงตากลมโตกลอกหลุกหลิกไปมาอย่างคิดหาทางหนี เมื่อดันลืมไปเสียสนิทเลยว่าในตอนนี้ตัวเองกำลังจะถูกพาตัวไปเป็นนางบำเรอขัดดอกกับเจ้าหนี้
แต่ทว่ายังไม่ทันให้หญิงสาวได้เตรียมตัวเตรียมใจหรือใช้สมองคิดว่าวิธีเอาตัวรอดใดๆ จู่ๆ รถก็ชะลอจอดนิ่งมาถึงยังที่หมายเเล้วเช่นกันในขณะนั้น ก่อนที่ชายชุดดำจะพากันรีบเปิดประตูลงจากรถทันที
“เชิญครับคุณเชอรีลเราถึงที่หมายแล้ว” น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายชุดดำบอดี้การ์ดที่ยืนรออยู่หน้าประตูรถเอ่ยปากดังขึ้นให้หญิงสาวที่กำลังนั่งตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้างลงจากรถตามพวกเขาไป
“ระ รู้แล้ว” เธอขานรับน้ำเสียงสั่นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามตั้งสติลดความกลัวภายในใจให้ได้มากที่สุดเเล้วเดินลงมาจากรถอย่างใจคอไม่ดีจนเหงื่อเย็นไหลซึม
ในเวลานี้ประสาทสัมผัสทุกส่วนของหญิงสาวตื่นระวังภัยเต็มที่ทั้งหวาดหวั่นภายในใจไม่น้อย พลางกวาดสายตามองสถานที่ตรงหน้าซึ่งเป็นตึกใหญ่สูงเฉียดฟ้าที่มีแต่บอดี้การ์ดคอยเฝ้าประจำการดูแลความปลอดภัยโดยรอบบริเวณตึกในขณะกำลังเดินตามแผ่นหลังชายชุดดำที่คุมตัวพาเธอเข้าไปข้างในอย่างเงียบๆ ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน
เพียงแค่หญิงสาวก้าวขาเข้ามาเดินผ่านห้องโถงใหญ่ตรงทางเข้าภายในตึกที่ถูกออกแบบมาเป็นโทนสีดำมืด ฝาผนังเป็นลวดลายสีทองสัญลักษณ์ของมังกรตัวใหญ่ติดทับไว้สร้างความอลังการมากยิ่งขึ้น เห็นแบบนั้นแล้วดวงตาสวยถึงกับเบิกโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อเมื่อต้องพบกับความหรูหราที่แม้แต่เธอก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยในชีวิต
“นะ นี่พวกนายพาฉันมาที่ไหนเหรอ” ในใจยังคงหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยจึงกลั้นใจโผล่เอ่ยปากถามชายชุดดำออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเจือแววประหม่า
“เดี๋ยวคุณก็รู้เองครับ”
“บอกตอนนี้ไม่ได้เหรอ ฉันจะได้เตรียมใจเอาไว้สักนิดก็ยังดีก่อนที่ไปเจอตาลุงเจ้านายของพวกนาย”
“เงียบหน่อยครับ ใกล้ถึงแล้ว” ชายชุดดำบอดี้การ์ดเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้เอ่ยถามหรือโต้แย้งใดๆ
ชิ! มาถึงขนาดนี้แล้วยังทำเป็นไม่ยอมบอกไปได้ กลัวฉันจะหนีหรือยังไง แต่ถึงจะหนีได้จริงๆ ฉันคงจะโดนคนพวกนี้เป่าหัวกระจุยก่อนแน่ๆ
หลังจากเดินผ่านห้องโถงใหญ่ก็มาถึงยังหน้าห้องหนึ่งก่อนที่ประตูบานใหญ่สีดำเข้มถูกเปิดออกพร้อมกลิ่นอายแห่งความหนาวเหน็บ ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวสั่นพอๆ กับเสียงหัวใจของเธอในตอนนี้ที่กำลังเต้นระทึกแทบทะลุออกมานอกอกเมื่อคิดว่าตัวเองจะได้เจอกับเจ้าหนี้ของบิดาซึ่งอาจจะมีหน้าตาอัปลักษณ์หัวล้านพุงย้อยเหมือนในนิยายที่เธอเคยอ่านตอนเรียนมัธยมเป็นแน่
“เชิญครับ”
“มะ...ไม่เข้าไปได้มั้ย”
“ไม่ได้ครับ” หญิงสาวพยายามส่งสายตาออดอ้อน แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้อาจจะไม่ได้ผลอีกต่อไป เมื่อฝ่ามือใหญ่ของชายชุดดำออกแรงดึงท่อนแขนเล็กของเธอให้เดินตามเข้าไปภายในห้องนั้นอย่างหมดทางหนี
“ดะ เดี๋ยวก่อนสิ”
ในห้อง
“มากันแล้วเหรอ” เสียงเล็กโทนเรียบนิ่งทำให้คนถูกพาตัวมาด้วยความไม่เต็มใจอย่างหญิงสาวต้องเหลือบตาขึ้นมองคนตรงหน้านั่นก็คือสาวสวยในชุดเซ็กซี่กำลังสองคนนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟาด้านหน้ามีกระจกบานใหญ่วางเอาไว้ด้วยท่าทีสบายใจ ซึ่งมันผิดคาดกับเธอที่คิดตีตนไปก่อนไข้ก่อนหน้านี้
ทำให้หญิงสาวเกิดรู้สึกโล่งอกโล่งใจขึ้นมาในระดับหนึ่งเมื่อเห็นว่ายังไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ทว่าสายตาของทั้งผู้หญิงสองคนนั้นที่กำลังมองมาที่เธอช่างเรียบนิ่งเย็นชาดูแล้วไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่นัก
“อืม ที่เหลือพวกเธอก็จัดการด้วยนะ” ชายชุดดำพยักหน้าเล็กน้อยพลางพูดกับพวกหล่อนทั้งสองด้วยถ้อยคำที่ดูมีเลศนัย ทำให้เธอถึงกับหันขวับเงยหน้าขึ้นจ้องเสี้ยวด้านข้างของชายชุดดำด้วยสีหน้าอย่างแตกตื่นลนลานทันที
“จะ จัดการอะไร พวกนายจะทำอะไรฉัน คงไม่ได้จะพาฉันไปฆ่าหรอกนะ!”
“อย่ากลัวไปเลยครับ คิดในแง่ดีไว้”
“พูดง่ายดีนะ ใครมันจะคิดในแง่ดีได้กันยะ ไม่พาฉันไปฆ่าแล้วจะพาไปทำอะไร” หญิงสาวตะคอกถามด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านอย่างหวาดหวั่น
แต่เมื่อเธอเหลือบหันไปเห็นสายตาคมกริบของพวกหล่อนทั้งสองที่ยังคงนั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่อยู่ ริมฝีปากสวยของเธอก็ต้องปิดเงียบลงโดยทันทีอย่างไม่กล้าจะทักท้วงต่อ
“ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ ทำตามที่ผู้หญิงของสองนี้บอก อีกเดี๋ยวผมจะมารับคุณ”
“ไม่นะ นายห้ามทิ้งฉันไว้กับสองคนนี้นะ เดี๋ยวกลับมาก่อน!” หลังจากชายชุดดำบอดี้การ์ดคนดังกล่าวพูดจบได้หันหลังเดินจากห้องไปและปิดประตูใส่ทันทีอย่างไม่คิดจะฟังคำร้องขอของหญิงสาวเลยสักนิด ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอที่กำลังใจเต้นระรัวอย่างอกสั่นขวัญแขวนต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงอีกสองคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แถมตอนนี้หล่อนทั้งสองได้เขวี้ยงบุหรี่ทิ้งแล้วเดินตรงดิ่งมาที่ตัวเธอทันที
พรึ่บ
“จะจัดการตรงไหนดีละ”
“ยะ อย่าเข้ามานะ”
สองเท้าของหญิงสาวก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ ใบหน้าสวยซีดไม่เหลือสีเลือดอย่างหวาดผวาพลางตวาดเสียงดังลั่นราวกับคนสติแตกจนแผ่นหลังบางของเธอชนเข้ากับบานประตู เมื่อหมดหนทางที่จะหนีและเห็นสีหน้าดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของผู้หญิงสองตรงหน้าที่เดินมายืนกอดอกแยกยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายใส่เธอ
“ที่หน้าสวยๆ นั้นก่อนเลยแล้วกัน”
“กรี๊ดด!!”