1
“เมรี” เป็นเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่สู้ชีวิตมากแต่ชีวิตก็สู้กลับเธอทุกครั้ง เรียกได้ว่าเธอสู้ชีวิตตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เลยก็ว่าได้ เริ่มจากที่มาของชื่อ “เมรี” ที่เพื่อนๆ ทุกคนต่างก็สงสัย รวมถึงตัวเธอเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงตั้งชื่อให้เธอแบบนี้ฟังดูแล้วเหมือนนางเอกในวรรณคดีแสนอาภัพที่มีรักแท้แต่เพราะสุราทำให้ต้องเสียคนรักแม้กระทั่งชีวิต
คำตอบที่ได้จากมารดาก็ไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย มารดายอมคลายปริศนาที่มาของชื่อว่า สมัยก่อนตอนที่ตั้งท้องเมรีนางเปิดร้านขายยาดองเพื่อหาค่าคลอด แต่ไม่ใช่ร้านขายยาดองธรรมดานะ ที่หลังร้านแม่แอบเปิดเป็นบ่อนให้คนมาเล่นไพ่เก็บค่าต๋งกินฟรีๆ หวังเก็บเงินไว้จ่ายค่าคลอดลูกที่อยู่ในท้องได้อย่างสบายๆ เพราะว่าพ่อของเมรีชิ่งหนีซื้อตั๋วไปทัวร์สวรรค์เสียก่อน ทำให้แม่ต้องกลายเป็นซิงเกิลมัมตั้งแต่ยังไม่คลอด
กิจการเฟื่องฟูขึ้นมีลูกค้าวนเวียนมาใช้บริการไม่ขาดสาย สีหน้าตอนแม่เล่าดูภาคภูมิใจสุดๆ เหมือนได้รางวัลผู้ประกอบการดีเด่นแห่งปี แต่สำหรับเมรีแล้วกลับทำให้นึกถึงอีลำยองในละครเรื่องทองเนื้อเก้าไม่มีผิดแต่ต่างกันตรงที่มารดาไม่ดื่มเหล้า 
จนถึงวันที่เธอใกล้คลอด นักพนันคนหนึ่งถามชื่อเด็กที่อยู่ในท้องแม่ว่าชื่ออะไร เลยพอดึงสติแม่ขึ้นมาได้บ้างว่าเด็กในท้องยังไม่มีชื่อเลย ไอเดียบรรเจิด เจ้าของร้านยาดองที่ท้องแก่ใกล้คลอดเดินถือกระดาษาปากกาตรงไปที่วงไพ่ที่กำลังจั่วกันอย่างสนุกสนานบอกให้ทุกคนที่อยู่ในวงไพ่ช่วยกันเขียนชื่อสำหรับเด็กผู้หญิงคนละหนึ่งชื่อแล้วเอามาจับฉลากจนได้ชื่อ 
‘เมรี’
ตั้งแต่จำความได้เด็กหญิงมักถูกใช้เสิร์ฟยาดองให้กับนักพนันในวงไพ่หลังบ้านเสมอ เธอจึงคุ้นชินกับกลิ่นสุราเป็นอย่างดี นอกจากวงไพ่กับวงเหล้าที่คุ้นเคยแล้ว ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่เธอย่างกรายเข้าไปเป็นประจำนั่นคือ ‘โรงพัก’ จนเธอเป็นที่คุ้นหูคุ้นตาของเจ้าหน้าที่หลายคน เพราะพักหลังมานี้ตั้งแต่สารวัตรหนุ่มคนใหม่ไฟแรงย้ายมาประจำการแทนสารวัตรคนเก่าที่เกษียณไป บ่อนของแม่โดนตำรวจเข้ามาจับอยู่บ่อยๆ เธอจึงมีหน้าที่ส่งข้าวส่งน้ำให้กับแม่และนักพนันลูกค้าประจำหลายๆ คน จนในที่สุดแม่ก็ตัดสินใจเปลี่ยนร้านยาดองเป็นร้านขายของชำแล้วปิดบ่อนลง 
และที่โรงพักแห่งนี้เมรีก็ได้พบกับ ‘สารวัตรอคิณ ธีระกานต์’ ชายหนุ่มรูปร่างดีหน้าตาหล่อเหลาที่สาวๆ หลายคนแวะเวียนกันเข้ามาส่งขนมจีบให้เป็นประจำทั้งที่สารวัตรไม่เคยสั่ง เช้าทั้งเย็นไม่ขาดสายรวมถึงตัวเมรีด้วยก็ตาม เธอมักจะแอบดีใจทุกครั้งที่บ่อนของมารดาโดนจับเพราะเธอจะได้มีโอกาสมาโรงพักบ่อยๆ 
ด้วยอายุที่ห่างกันถึงเจ็ดปีเขาจึงไม่สนใจสาวน้อยวัยใสอย่างเมรีแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังมองว่าเมรีเป็นเด็กแก่แดดแก่ลมกร้านโลกอีกต่างหาก เมรียังจำวันที่สารวัตรอคิณเป็นทั้งฮีโร่และคนใจร้ายในเวลาเดียวกันไม่ลืม
วันโชคร้ายสาววัยมัธยมปลายอย่างเมรีพลาดรถเที่ยวสุดท้าย เพราะถูกครูสั่งให้ทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน ทำให้วันนั้นต้องนั่งรถไฟกลับ กว่าจะถึงสถานีปลายทางตะวันก็ลับขอบฟ้า เธอรีบเร่งฝีเท้าเดินฝ่าความมืดตรงกลับบ้าน แต่ระหว่างทางกลับโชคไม่มีเจอเข้ากับกลุ่มอันธพาลตรงเข้ามาขวางเมรีหวังจะลากเธอไปทำมิดีมิร้ายทำท่าจะลวนลามเด็กสาว แล้วสารวัตรอคิณก็ปรากฎตัวขึ้นมาราวกับฮีโร่ในนิยาย เขาช่วยเธอไว้ได้อย่างหวุดหวิด
เมื่อความรักมันเข้าตาสาวน้อยวัยกระเตาะ เธอรู้สึกเหมือนโลกเหวี่ยงพรหมลิขิตคนที่เธอรักมาให้อย่างแท้จริง เมรีทำทุกวิถีทางที่จะได้ใกล้ชิดกับกับเขา เธอสารภาพรักกับคนที่ช่วยชีวิตไว้อย่างหน้าไม่อาย แต่ถูกเขาปฏิเสธกลับมาจนหน้าชาดวงตาสารวัตรหนุ่มจ้องมองมาอย่างแข็งกร้าว
“อายุแค่นี้ ก่อนจะคิดเรื่องหาผัว เอาเวลาไปตั้งใจจเรียนให้จบมัธยมปลายก่อนดีมั้ย”
ดวงหน้าขาวซีด เมรีตกใจกับคำที่หลุดจากปากเขา “สารวัตร! คือ..”
“หุบปาก ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว นี่ถือว่าเป็นความหวังดีที่จะเตือนเธอครั้งสุดท้าย เกิดเป็นผู้หญิง อย่าทำตัวง่าย เพราะผู้ชายเซ็กซ์กับความรักมันคนละเรื่อง ต่อให้หน้าตาดี แต่ทำตัวไร้ค่า หน้าตาก็ไม่ช่วยอะไร เอาเวลาไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนไปยัยเด็กแก่แดด”
เมรียังจำคำพูดของสารวัตรอคิณได้ขึ้นใจ ก่อนที่จะย้ายตัวเองไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ฯ แล้วปิดฉากรักแรกพังๆ แต่ก็ยังฝังใจ 
‘ชอบเขา’
‘หลงเขา’
‘รักเขา’
‘แต่เขาไม่เอา’
หลายปีผ่านไป
ณ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง หนุ่มสาววัยเรียนต่างเดินสวนกันไปมาขวักไขว่ระหว่างตึกเมื่อได้เวลาเข้าเรียน ในขณะที่นักศึกษาสาวคนหนึ่งกำลังนั่งครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากน้องใหม่เฟรชชี ตอนนี้ เมรี เป็นนักศึกษาปีสี่ที่ใกล้จบมหาวิทยาลัยแล้ว 
ลึกๆ หญิงสาวมีความภูมิใจ ที่ตั้งแต่แรกเข้ารั้วมหาวิทยาลัยจนกระทั่งวันนี้เธอทำงานส่งเสียตัวเองเรียนตั้งแต่ปีหนึ่งโดยไม่เคยขอเงินจาก ‘วิภา’ ผู้เป็นมารดาเลยแม้แต่บาทเดียว แต่กลับกลายเป็นคนส่งเงินให้ผู้เป็นแม่ใช้ทุกเดือนไม่ขาดมือ
จากเด็กสาวต่างจังหวัดเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุงตัวคนเดียว ตอนนี้เธอกลายเป็นหญิงสาวโตเต็มวัยหน้าตาสวยสะพรั่งพ่วงดีกรีดาวคณะนิเทศศาสตร์เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จนเป็นที่หมายตาของหนุ่มๆ ต่างคณะต่างสาขามากมาย เพราะคำดูถูกของบางคนที่เธอจำใส่ใจไว้ตลอดทำให้เธอพัฒนาทั้งความสวยและสมองมาไกลได้ขนาดนี้ ต้องขอบคุณเขาคนนั้น 
ขณะที่หญิงสาวกำลังตกผลึกทางความคิดอยู่นั้น ร่างบางในชุดนักศึกษาไซซ์สามเอสก็สะดุ้ง กับเสียงแหลมเล็กดังขึ้น
“รี! แกอยู่นี่เองมีอะไรให้ดูมันจึ้งมาก” มองหน้าดาวคณะบัญชีเล็กน้อย “แกเป็นอะไรนั่งหน้าบูดเชียว”
คนพูดคือ ‘อลิส หรืออลิสา’ เพื่อนสาวคนสนิทเดินสับขาเรียวพลางตะโกนเสียงแหลมแสบหูทักทายมาแต่ไกล ก่อนจะวางกระเป๋าชาเนลคอลเลกชันใหม่ล่าสุดลงตรงหน้าเมรีที่กำลังอารมณ์บูด เรียวขาขาววาดตวัดขึ้นมาไขว่ห้างแกว่งปลายเท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงเข้าเซตกันไปมาเป็นเชิงยั่วๆ 
ดวงตาคู่สวยเลยมองเสียหน่อย “ว้าวว! คุณหนูอลิส ไม่ทราบว่าไปตกเศรษฐีท่าไหนมาคะ ถึงได้เปย์หนักขนาดนี้” เมรีเบิกตากว้างเป็นประกายแล้วคว้ากระเป๋าใบงามของสาวฮ็อตหุ่นแซ่บมาลูบไล้สัมผัสให้เป็นบุญมือ กระเป๋าชาเนลราคาเรือนแสนใบนี้สามารถจ่ายค่าเทอมเธอได้ทั้งปี แต่อลิสแค่กระดิกนิ้วก็ปลิวมาแล้ว เมรีแอบคิดว่าทำไมโลกนี้ถึงไม่เป็นธรรมกับเธอบ้างเลย
“ไม่ต้องมีใครเปย์ฉันก็ซื้อเองได้ย่ะ ทั้งผู้ชายทั้งกระเป๋าฉันก็เปย์เองทั้งนั้นแหละ” 
ทั้งที่คุยอยู่กับเมรี แต่เรดาร์การจับผู้ชายของอลิสายังเปิดทำงานอยู่ตลอดเวลา ดวงตาเฉี่ยวที่กรีดอายไลเนอร์คมกริบมาอย่างดีราวกับเสือมองไปยังเหยื่อที่เป็นถึงเดือนคณะวิศวะปีหนึ่งน้องใหม่ซึ่งนั่งอยู่โต๊ะติดกัน เธอล็อกเป้าหมายไว้แล้ว พร้อมพุ่งตัวเข้าไปตะครุบได้ทุกเมื่อ กระดูกอ่อนๆ ของเด็กใหม่คงกรุบกรับอร่อยน่าดู แค่จินตนาการว่าได้กินเด็กอลิสาก็รู้สึกฟินล่วงหน้าแล้ว 
“แกช่วยเก็บอาการหน่อยไม่ได้รึไงอลิส น้ำลายจะไหลหมดปากอยู่แล้ว” เมรีวางกระเป๋าลงอย่างเบามือ กลัวจะทำของแพงเป็นรอย เพราะไม่มีปัญญาใช้คืนแน่นอน ก่อนจะฟาดฝ่ามือเบาๆ ใส่แขนเพื่อนสาวที่กำลังล่อเหยื่อทางสายตาอยู่ 
“โอ๊ย! แกนี่ขัดจังหวะแอ๊วผู้ชายของฉันจริงๆ ดูซิเนี่ยไก่ตื่นหมดแล้ว แกเองก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่มีผู้ชายตกถึงท้องหรือไงถึงมานั่งทำหน้าบูดเป็นแม่ชีจำศีลแบบนี้” อลิสาหันมาแว้ดใส่เพื่อนสาวอย่างหัวเสียที่ทำให้เหยื่อของเธอหลุดมือไป
“ฉันขอแค่ข้าวตกถึงท้องก็พอ กระเพาะไม่ได้มีไว้เก็บผู้ชายเหมือนแกนี่” สาวเวอร์จิ้นส่ายหน้ารัวๆ 
“อลิส พรุ่งนี้แกว่างไหม ฉันอยากชวนแกไปวัด” เมรีถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆ แต่ทำอีกฝ่ายชักสีหน้าเซ็งสุดขีด