หนูชื่อแพรไหมค่ะ

916 คำ
ทางด้านเจษฎา ชายหนุ่มผู้อ่อนโยน อบอุ่น กลับกลายเป็นคนที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก เงียบขรึม เหมือนเขามีความลับในใจ จะว่าเลิกกับแฟนสาวคงไม่ใช่ ตื้ด ตื้ด ตื้ด... มือหนาคว้ามือถือกดหาเพื่อนที่ไทย สีหน้าเรียบเฉย ปากหนาพ่นควันบุหรี่ขาวโพลน “กูเอง” เมื่อปลายทางรับสาย (“อื้อ กูรู้ว่ามึง วันนี้มีไรจะถามกู”) ระพีภัทรเพื่อนสนิทชายหนุ่ม เจ้าของร้านผับวันวันไนต์ “มึงยียวน” เสียงทุ้มต่อว่าเพื่อน (“ตรงไหน มึงจะให้กูคอยสืบทุกวินาทีหรือไง เรื่องหลานสาวมึง มึงควรกลับมาได้แล้วนะโว้ย กูเบื่อที่จะตามให้มึงล่ะ เสียเวลาความสุขกู”) ระพีคอยเป็นหูเป็นตาให้เพื่อนตลอดหลายปีตามคำขอของเพื่อน เขาเองไม่แน่ใจทำไมเพื่อนถึงให้เขา คอยดูการเคลื่อนไหวของหลานสาวตัวเอง “กลับน่ะกูกลับแน่ คงไม่นาน ว่าแต่ยังไงบ้าง อย่าชักช้ามึง” เจษฎารอฟัง (“เอ้อ ๆ หลานมึงสวยใช้ได้ว่ะ”) “นอกประเด็น” เสียงเข้มต่อว่า (“เอ้อ หลานสาวมึงคบกับรุ่นพี่ที่เดียวกัน ดูเหมือนไอ้ผู้ชายคนนี้มันเสือผู้หญิงว่ะ คบผู้หญิงเป็นบ้าเล่น ห่วงแต่หลานสาวจะเป็นของเล่นของมัน แต่เท่าที่กูดู ๆ หลานมึง เขาก็ไม่อะไรกับมันเท่าไหร่ แค่จับไม้จับมือ ไปส่งบ้านบางครั้ง เท่าที่สายกูรายงาน นอกเหนือจากนั้นจะไปทำอะไรกูไม่รู้ว่ะ”) ระพีบอกตรง ๆ “อื้อ ขอบใจ” ก่อนจะวางสาย ปล่อยให้อีกคนนั่งส่ายหัว “ไอ้เชี่ย บทจะวางก็วาง” ระพีสบถอย่างหัวเสีย ตลอดเวลาที่เจษฎาอยู่เมืองนอก เขาคอยให้เพื่อนส่งข่าวหลานสาวตลอดหลายปี ตั้งแต่หลานสาวเข้ามัธยมปลายจนเรียนมหาวิทยาลัยในตอนนี้ แม้เขาจะไม่ค่อยติดต่อทางบ้าน ทุกการเคลื่อนไหวของหลานสาว เขารับรู้ทุกอย่าง รูปภาพจำนวนมากถูกอัดอยู่ในมือถือเขา ไม่ว่าเธอจะไปไหนทำอะไรกับใคร แม้กระทั่งไปเที่ยวกลางคืน ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเขาหมด มีบางครั้งที่หงุดหงิด เมื่อเห็นเธอไปเที่ยวผับกลางคืนกับไอ้รุ่นพี่ แต่ผับนั้นดันเป็นของเพื่อนจึงไม่มีอะไรน่าห่วง เขามีระพีคอยเป็นหูเป็นตาให้ ณ บ้านสิริภากุล ลูกสาวเพียงคนเดียวในชุดนักศึกษา กลับจากมหาวิทยาลัย เธอเดินเข้าบ้านกำลังจะเดินขึ้นห้องนอน พลันสายตาเหลือบเห็นพ่อนั่งที่โซฟามุมรับแขก สองเท้าก้าวไปหา “สวัสดีค่ะคุณพ่อ ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียวคะ” แพรไหมวางกระเป๋าสะพายกับหนังสือลงวางบนโต๊ะข้าง ๆ ก่อนคุกเข่าจับมือผู้เป็นพ่อ “ลูกลงไปนั่งที่พื้นทำไม มา ๆ ขึ้นมานั่งข้าง ๆ พ่อ” พ่อดึงลูกสาวมานั่ง พร้อมจ้องมองหน้าหญิงสาว เธอยิ้มให้ “คุณพ่อดูเครียด ๆ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอเห็นท่าทีของพ่อ เหมือนมีเรื่องหนักใจ “เรื่องอาของหนูน่ะสิ จนป่านนี้ยังไม่คิดจะกลับมาช่วยงานที่โรงพยาบาลเลย ไม่รู้จะเถลไถลไปถึงไหน อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย ๆ เฮ่อ” “เดี๋ยวคุณอาก็กลับค่ะ คุณพ่ออย่าคิดมากนะคะ จะไม่สบายเอาได้” หญิงสาวปลอบใจพ่อ กลัวโรคหัวใจจะกำเริบ หากมีเรื่องกระทบสะเทือนจิตใจ “พ่อก็หวังว่ามันจะคิดได้ ก่อนที่พ่อจะตายจากโลกนี้” แววตาเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด ทุกวันนี้มีเพียงภรรยากับลูก ที่ทำให้เขาได้ยิ้ม ได้หัวเราะ เขาถือว่าโชคดีที่ลูกสาวเป็นเด็กดี ไม่เคยจะทำให้หนักใจหรือเสียใจ “คุณพ่ออย่าพูดแบบนี้สิคะ ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรไป หนูกับคุณแม่จะอยู่ยังไงคะ เดี๋ยวหนูไปเอาชาอุ่น ๆ มาให้นะคะ” ลูกสาวปลีกตัวไปในครัว ชงชาอุ่น ๆ มาให้กับพ่อ สำหรับลูกสาวที่อุปการะเลี้ยงดูมาแต่เล็ก จนตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยปีสาม คณะแพทยศาสตร์ ตามคำร้องขอของพ่อแม่ เธอเป็นความภาคภูมิใจของคุณพิเชษฐ์กับคุณเนตรนภา สิริภากุล อย่างมาก หญิงสาวไม่เคยทำตัวเสื่อมเสีย เธอตั้งใจเรียนเมื่อมีเวลาว่างมักจะไปเรียนรู้งานที่โรงพยาบาลตลอด เป็นที่ชื่นชอบของคุณหมอและพยาบาล นางสาวแพรไหม สิริภากุล อายุยี่สิบสองปี หรือ น้องแพร โดยคุณแม่เนตรนภาเป็นคนตั้งให้ ยิ่งโตยิ่งสวยหวาน ผิวพรรณผุดผ่องขาวใส ตาโต น่ารัก อ่อนหวานเรียบร้อย พูดน้อย ยิ้มเก่ง ใครเห็นต่างหลงรัก กิริยามารยาทถอดแบบผู้เป็นแม่มาไม่มีผิด ถ้วยน้ำชาร้อน ๆ ถูกนำมาวางตรงหน้าผู้เป็นพ่อ พร้อมรอยยิ้มหวาน “ได้แล้วค่ะคุณพ่อ น้ำชาแต่ระวังร้อนนะคะ” “ลูกมีงานอะไรก็ไปทำเถอะ พ่อจะฟังข่าวรอแม่” ไม่พูดเปล่ามือกดรีโมตทีวี “คุณแม่ไปไหนเหรอคะ” หญิงสาวถาม “ไปงานสมาคม แต่โทรมาบอกใกล้ถึงบ้านล่ะ” แม้จะพูดกับลูกสาว แต่สายตามองยังจอทีวีตรงหน้า “งั้นหนูนั่งรอคุณแม่ เป็นเพื่อนคุณพ่อดีกว่าค่ะ” หญิงสาวหยิบหนังสือเรียนที่วางไว้ มาเปิดนั่งอ่านไปพลาง ๆ เธอไม่อยากปล่อยให้พ่ออยู่คนเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม