ทางด้านเจษฎา ชายหนุ่มผู้อ่อนโยน อบอุ่น กลับกลายเป็นคนที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก เงียบขรึม เหมือนเขามีความลับในใจ จะว่าเลิกกับแฟนสาวคงไม่ใช่
ตื้ด ตื้ด ตื้ด... มือหนาคว้ามือถือกดหาเพื่อนที่ไทย สีหน้าเรียบเฉย ปากหนาพ่นควันบุหรี่ขาวโพลน
“กูเอง” เมื่อปลายทางรับสาย
(“อื้อ กูรู้ว่ามึง วันนี้มีไรจะถามกู”) ระพีภัทรเพื่อนสนิทชายหนุ่ม เจ้าของร้านผับวันวันไนต์
“มึงยียวน” เสียงทุ้มต่อว่าเพื่อน
(“ตรงไหน มึงจะให้กูคอยสืบทุกวินาทีหรือไง เรื่องหลานสาวมึง มึงควรกลับมาได้แล้วนะโว้ย กูเบื่อที่จะตามให้มึงล่ะ เสียเวลาความสุขกู”)
ระพีคอยเป็นหูเป็นตาให้เพื่อนตลอดหลายปีตามคำขอของเพื่อน เขาเองไม่แน่ใจทำไมเพื่อนถึงให้เขา คอยดูการเคลื่อนไหวของหลานสาวตัวเอง
“กลับน่ะกูกลับแน่ คงไม่นาน ว่าแต่ยังไงบ้าง อย่าชักช้ามึง” เจษฎารอฟัง
(“เอ้อ ๆ หลานมึงสวยใช้ได้ว่ะ”)
“นอกประเด็น” เสียงเข้มต่อว่า
(“เอ้อ หลานสาวมึงคบกับรุ่นพี่ที่เดียวกัน ดูเหมือนไอ้ผู้ชายคนนี้มันเสือผู้หญิงว่ะ คบผู้หญิงเป็นบ้าเล่น ห่วงแต่หลานสาวจะเป็นของเล่นของมัน แต่เท่าที่กูดู ๆ หลานมึง เขาก็ไม่อะไรกับมันเท่าไหร่ แค่จับไม้จับมือ ไปส่งบ้านบางครั้ง เท่าที่สายกูรายงาน นอกเหนือจากนั้นจะไปทำอะไรกูไม่รู้ว่ะ”) ระพีบอกตรง ๆ
“อื้อ ขอบใจ” ก่อนจะวางสาย ปล่อยให้อีกคนนั่งส่ายหัว
“ไอ้เชี่ย บทจะวางก็วาง” ระพีสบถอย่างหัวเสีย
ตลอดเวลาที่เจษฎาอยู่เมืองนอก เขาคอยให้เพื่อนส่งข่าวหลานสาวตลอดหลายปี ตั้งแต่หลานสาวเข้ามัธยมปลายจนเรียนมหาวิทยาลัยในตอนนี้ แม้เขาจะไม่ค่อยติดต่อทางบ้าน
ทุกการเคลื่อนไหวของหลานสาว เขารับรู้ทุกอย่าง รูปภาพจำนวนมากถูกอัดอยู่ในมือถือเขา ไม่ว่าเธอจะไปไหนทำอะไรกับใคร แม้กระทั่งไปเที่ยวกลางคืน
ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเขาหมด มีบางครั้งที่หงุดหงิด เมื่อเห็นเธอไปเที่ยวผับกลางคืนกับไอ้รุ่นพี่ แต่ผับนั้นดันเป็นของเพื่อนจึงไม่มีอะไรน่าห่วง เขามีระพีคอยเป็นหูเป็นตาให้
ณ บ้านสิริภากุล
ลูกสาวเพียงคนเดียวในชุดนักศึกษา กลับจากมหาวิทยาลัย เธอเดินเข้าบ้านกำลังจะเดินขึ้นห้องนอน พลันสายตาเหลือบเห็นพ่อนั่งที่โซฟามุมรับแขก สองเท้าก้าวไปหา
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียวคะ” แพรไหมวางกระเป๋าสะพายกับหนังสือลงวางบนโต๊ะข้าง ๆ ก่อนคุกเข่าจับมือผู้เป็นพ่อ
“ลูกลงไปนั่งที่พื้นทำไม มา ๆ ขึ้นมานั่งข้าง ๆ พ่อ” พ่อดึงลูกสาวมานั่ง พร้อมจ้องมองหน้าหญิงสาว เธอยิ้มให้
“คุณพ่อดูเครียด ๆ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอเห็นท่าทีของพ่อ เหมือนมีเรื่องหนักใจ
“เรื่องอาของหนูน่ะสิ จนป่านนี้ยังไม่คิดจะกลับมาช่วยงานที่โรงพยาบาลเลย ไม่รู้จะเถลไถลไปถึงไหน อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย ๆ เฮ่อ”
“เดี๋ยวคุณอาก็กลับค่ะ คุณพ่ออย่าคิดมากนะคะ จะไม่สบายเอาได้”
หญิงสาวปลอบใจพ่อ กลัวโรคหัวใจจะกำเริบ หากมีเรื่องกระทบสะเทือนจิตใจ
“พ่อก็หวังว่ามันจะคิดได้ ก่อนที่พ่อจะตายจากโลกนี้” แววตาเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด ทุกวันนี้มีเพียงภรรยากับลูก ที่ทำให้เขาได้ยิ้ม ได้หัวเราะ เขาถือว่าโชคดีที่ลูกสาวเป็นเด็กดี ไม่เคยจะทำให้หนักใจหรือเสียใจ
“คุณพ่ออย่าพูดแบบนี้สิคะ ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรไป หนูกับคุณแม่จะอยู่ยังไงคะ เดี๋ยวหนูไปเอาชาอุ่น ๆ มาให้นะคะ” ลูกสาวปลีกตัวไปในครัว ชงชาอุ่น ๆ มาให้กับพ่อ
สำหรับลูกสาวที่อุปการะเลี้ยงดูมาแต่เล็ก จนตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยปีสาม คณะแพทยศาสตร์ ตามคำร้องขอของพ่อแม่ เธอเป็นความภาคภูมิใจของคุณพิเชษฐ์กับคุณเนตรนภา สิริภากุล อย่างมาก
หญิงสาวไม่เคยทำตัวเสื่อมเสีย เธอตั้งใจเรียนเมื่อมีเวลาว่างมักจะไปเรียนรู้งานที่โรงพยาบาลตลอด เป็นที่ชื่นชอบของคุณหมอและพยาบาล
นางสาวแพรไหม สิริภากุล อายุยี่สิบสองปี หรือ น้องแพร โดยคุณแม่เนตรนภาเป็นคนตั้งให้ ยิ่งโตยิ่งสวยหวาน ผิวพรรณผุดผ่องขาวใส ตาโต น่ารัก อ่อนหวานเรียบร้อย พูดน้อย ยิ้มเก่ง ใครเห็นต่างหลงรัก กิริยามารยาทถอดแบบผู้เป็นแม่มาไม่มีผิด
ถ้วยน้ำชาร้อน ๆ ถูกนำมาวางตรงหน้าผู้เป็นพ่อ พร้อมรอยยิ้มหวาน
“ได้แล้วค่ะคุณพ่อ น้ำชาแต่ระวังร้อนนะคะ”
“ลูกมีงานอะไรก็ไปทำเถอะ พ่อจะฟังข่าวรอแม่” ไม่พูดเปล่ามือกดรีโมตทีวี
“คุณแม่ไปไหนเหรอคะ” หญิงสาวถาม
“ไปงานสมาคม แต่โทรมาบอกใกล้ถึงบ้านล่ะ” แม้จะพูดกับลูกสาว แต่สายตามองยังจอทีวีตรงหน้า
“งั้นหนูนั่งรอคุณแม่ เป็นเพื่อนคุณพ่อดีกว่าค่ะ” หญิงสาวหยิบหนังสือเรียนที่วางไว้ มาเปิดนั่งอ่านไปพลาง ๆ เธอไม่อยากปล่อยให้พ่ออยู่คนเดียว