เช้าวันใหม่อันสดใส
แพรไหมในชุดนักศึกษา กระโปรงพลีทยาวคลุมเข่า นั่งทานมื้อเช้ากับพ่อแม่ วันนี้เธอตื่นสายกว่าทุกวัน เพราะคุยกับคนทางไกล ข้าวต้มอุ่น ๆ ถูกตักใส่ปากอย่างช้า ๆ
สายตาพลันมองพ่อกับแม่สลับไปมา เธอนั่งกินเงียบโดยไม่พูดอะไร คุณพ่อพิเชษฐ์ดูสดชื่นกว่าเมื่อวาน
มือเรียวยาวสมกับนายแพทย์ เปิดหนังสือพิมพ์คอยดูข่าวสารต่าง ๆ
“คุณพ่อคะ เป็นยังไงบ้างคะ” แพรไหมถามอาการเพื่อความแน่ใจ
“หือ ดีขึ้นมากแล้วลูก” ปากบอกแต่สายตาชำเลืองมองดูลูกสาวที่ตักข้าวต้มกิน พลางยิ้ม
“นี่คุณอารมณ์ดีจริงนะ นั่งมองลูกแล้วยิ้มน่ะ มีอะไรจะพูดกับลูกเหรอคะ” เมื่อภรรยาจับได้ แพรไหมเงยหน้ามองอย่างสงสัย
“มีอะไรจะพูดกับหนูเหรอคะคุณพ่อ”
“ไม่มีหรอกลูก แค่หนูโตขึ้นเยอะเลย”
ฟังดูเหมือนผิวเผิน แต่ในใจใครจะรู้ว่าคิดอะไร
“คุณพ่ออย่าลืมทานยาด้วยนะคะ” แพรไหมคอยเตือนพ่อเป็นประจำ
หญิงสาวทานข้าวต้มหมดถ้วย จึงยกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนขอตัวไปเรียน โดยมีคนขับรถรออยู่ด้านนอก สองมือพนมไหว้พ่อกับแม่ เหมือน ทุก ๆ วันที่เคยทำ
พอลูกสาวลับสายตา สองสามีภรรยาจึงได้พูดคุยเกี่ยวกับ ชายหนุ่มทางไกลอีกครั้ง ภรรยาเป็นห่วงสามีกลัวอาการทรุด จึงรีบหายาให้ทานหลังจากทานข้าวเสร็จ ช่วงนี้สามีดูเครียด ๆ ถามอะไรก็ไม่ค่อยจะพูด ภรรยาได้แต่ภาวนาให้เจษฎารีบกลับไทยเสียที
“ให้เนตรโทรหาคุณเจไหมคะ”
“อย่าเลยคุณ ผมขอร้องมันตั้งหลายหนหลายครั้งมันยังไม่มา” คุณพิเชษฐ์เข้าใจความหมายของภรรยาดี ถึงจะพูดไปน้องชายเขาก็คงยังไม่มาตอนนี้หรอก
“หรือให้ลูกแพร ลองโทรหาเอาไหมคะคุณ เผื่อคุณเจจะยอมใจอ่อนเห็นแก่หลาน” เมื่อสมองผุดนึกขึ้นได้
“อื้อ” เหมือนสามีจะชั่งใจ
“ให้ลูกกลับมาจากเรียนก่อน ค่อยว่ากัน” คนเป็นภรรยายิ้มอย่างมีความหวัง
“ถ้าลูกแพร สามารถเกลี้ยกล่อมมันได้ถือว่าเป็นเรื่องดีนะคุณ” คุณพิเชษฐ์เริ่มจะมีความหวังอีกครั้ง
“มันต้องได้ผลสิคะ คุณเจหลงลูกแพรจะตาย เชื่อเนตร คุณเจต้องกลับมาค่ะ”
“อื้อ ขอให้เป็นอย่างที่คิด”
“แน่นอนคุณ เชื่อใจลูกแพรของเราได้”
คุณเนตรนภาเชื่อว่าลูกสาวเป็นเพียงคนเดียว ที่จะเปลี่ยนใจน้องชายสามี ให้กลับมาสานต่อโรงพยาบาลได้ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมน้องชายสามีถึงไม่อยากกลับไทย หรือเขามีแฟนใหม่ที่นั่น
“เอาน่าคุณ คุณเองก็อย่าคิดมากน่า ถ้าคุณเจไม่กลับมา ก็ให้ลูกแพรดูแลต่อ หากคุณเจไม่สงสารหลาน ก็ให้มันรู้ไป”
คุณเนตรนภาพูดทีเล่นทีจริง
มหาวิทยาลัย
“ยัยแพร มาเร็ว เรามีอะไรให้ดู” รุ่งนภา ปิติโอภาส เพื่อนสนิทรีบเดินไปหา เมื่อเห็นหญิงสาวลงจากรถ
“มีอะไรรุ่ง รีบเชียว” แพรไหมที่ยังไม่ทันตั้งตัว
เพื่อนคนสนิทกางกระดาษให้แพรไหมดู ในนั้นมีชื่อชายหนุ่มคนคุ้นเคยกับชื่อของผู้หญิงคนหนึ่ง
“ชื่อพี่น่านฟ้านี่” แพรไหมทำหน้างง ทำไมเพื่อนถึงดูรีบร้อน
“ใช่ไง” รุ่งทำหน้าแปลก ๆ
“นี่รุ่ง เธอมีอะไรก็พูดมาเลย เรารอฟังอยู่”
“พี่น่านฟ้าแอบคบกับยัยหน้าขาว รุ่นน้องปีสอง” โดยเพื่อนของรุ่นน้องยัดกระดาษใส่มือรุ่งนภา
“แล้วยังไงล่ะ” เหมือนแพรไหมไม่ค่อยตกใจเท่าไร เพราะเชื่อใจชายหนุ่ม อีกอย่างแค่คบกันยังไม่ถึงขั้นเรียกแฟน
“เธอไม่ตกใจหรือโกรธเหรอ” เมื่อเห็นท่าทีเฉยเมย รุ่งนภาจึงอดถามไม่ได้
“จะตกใจหรือไปโกรธพี่น่านฟ้า เขาทำไม”
แพรไหมพูดพร้อมเดินไปยังห้องเรียน รุ่งนภาจึงเร่งฝีเท้าตามให้ทันเพื่อน
“แฟนตัวเองไปมีผู้หญิงอื่น กลับไม่โวยวาย” รุ่งสบถตามหลัง
ใช่ว่าแพรไหมจะไม่รู้สึกอะไร เธอแอบหวั่นไหวบ้างเวลาที่ชายหนุ่ม มีข่าวคราวเกี่ยวกับผู้หญิง
“เรากับพี่เขายังไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย รุ่งก็พูดไปเรื่อย”
“สี่ปีแล้วนะแพร ยังไม่เรียกแฟนจะให้เรียกอะไรเหรอ หรือแค่คนคุย” รุ่งนภาถามพอ ๆ กับความสงสัย
แพรไหมไม่ตอบ แต่กลับรีบเดินไปยังอาคารเรียน โดยรุ่งนภาเร่งฝีเท้าตามหลัง
หลังเลิกเรียน
แพรไหมกลับถึงบ้านเวลาปกติ ก่อนขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำงานที่ค้าง เสียงเคาะประตูขัดสมาธิในการทำงาน เธอเปิดประตูเห็นคุณแม่เนตรนภา ยืนยิ้มอยู่
“คุณแม่”
“แม่ขอเข้าไปได้ไหมลูกแพร”
“ได้ค่ะ”
แพรไหมเดินนำผู้เป็นแม่มาในห้อง ประตูถูกปิดลง ก่อนที่เนตรนภาจะนั่งบนที่นอน และเปิดประเด็นดังกล่าว
“ลูกแพรจ๊ะ คือ คุณแม่มีเรื่องอยากขอร้องให้ลูกช่วยหน่อยจ้ะ ลูกแพรจะว่าแม่ไหม” แม้จะกลัวคำตอบที่ได้ยิน ก็เตรียมใจไว้บ้าง
แพรไหมคุกเข่าที่พื้นข้างคนเป็นแม่ เธอจับมือทั้งสองของคุณแม่เนตรนภาแล้วบีบเบา ๆ
“คุณแม่มีเรื่องอะไรให้แพรช่วยคะ”
“ลูกแพร หนูช่วยโทรหาคุณอาเจให้แม่ได้ไหมลูก” สองจิตสองใจที่คนเป็นแม่จะขอร้องให้ลูกสาวช่วย
“คุณแม่อยากให้คุณอาเจ มาช่วยคุณพ่ออีกแรงที่โรงพยาบาลใช่ไหมคะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูโทรหาคุณอาแล้วค่ะ คุณอาขอคิดดูก่อน แต่คงอีกไม่นานคุณอาต้องกลับมาแน่นอนค่ะคุณแม่” เธอบอกตามตรง
“จริงเหรอลูกแพร หนูโทรไปตอนไหนจ๊ะ”
คุณแม่เนตรนภายิ้มหน้าบาน พอจะมีความหวังขึ้นมา
“เมื่อคืนที่ผ่านมาค่ะ แพรขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอก แพรเห็นคุณพ่อไม่ค่อยสบายใจ แพรก็เลย” แพรไหมหยุดพูดแล้วมองหน้าคุณแม่
“ขอโทษอะไรกันลูกแพร หนูทำดีมากต่างหากลูก อย่างน้อยก็ช่วยคุณพ่อ” คุณแม่เนตรนภาจับมือลูกสาวแล้วบีบเบา ๆ แทนคำขอบคุณ
“อ้อ หนูทำอะไรอยู่ลูกแพร” เมื่อสายตามองไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ บนนั้นมีเอกสารวางเกลื่อน
“แพรกำลังทำงานส่งอาจารย์พรุ่งนี้ค่ะ” แพรไหมมองไปยังกองงานเช่นกัน
“งั้น เอาเป็นว่าแม่ไม่กวนแล้วล่ะ ลูกแพรจะได้ทำงาน เดี๋ยวแม่ให้คนขึ้นมาเรียกไปทานข้าวนะคะ”
“ค่ะคุณแม่”