ตอนที่ 11
กาแฟแก้วปริศนา
เช้าวันต่อมาญาณิดาก็มาทำงานตามปกติพอเธอมาถึงโต๊ะทำงานก็ต้องแปลกใจที่เห็นกาแฟแก้วหนึ่งวางอยู่พร้อมกับโน้ตเล็กๆ ที่แปะอยู่ด้านข้างๆ
“ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีตั้งใจทำงานนะ”
หญิงสาวรีบเก็บโน้ตซ่อนเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็น เธอรู้ดีว่าคนที่ทำแบบนี้ก็คือธันวา แต่ก็นับว่าโชคดีที่คนอื่นไม่ทันสังเกตเห็นโน้ตที่แปะอยู่ข้างแก้วกาแฟ
“เอ๊ะ! เมื่อกี้เราก็มาจากโรงอาหารของโรงแรมพร้อมกันแล้ว ดรีมไปเอากาแฟมาจากไหนนะ” กิตติถามรุ่นน้องเพราะจำได้ว่าตลอดระยะเวลาที่เดินมาหญิงสาวไม่ได้ถือแก้วกาแฟเลย
“นั่นสิพี่ก็ไม่เห็นนะ หรือว่ามีคนแอบซื้อมาให้” จารุวัตรพูดขึ้นอีกคนเพราะเขากับรุ่นน้องทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องอาหารพร้อมๆ กัน
“ดูดีๆ นะดรีมเขาแอบใส่ยาพิษมาหรือเปล่า” กิตติพูดติดตลกก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานของตนเอง
“พี่ว่าต้องมีหนุ่มจากแผนกวิศวะบางคนแอบชอบน้องสาวของเราแน่ ก็เลยเอากาแฟมาวางไว้ให้” จารุวัตรตั้งข้อสังเกต
“นั่นสิ ฝั่งโน้นมีแต่ผู้ชายทั้งนั้นเลยแต่ละคนก็หน้าตาดีทั้งนั้นโดยเฉพาะหัวหน้าวิศวกรที่ชื่อธันวา ดรีมว่าไงสนใจบ้างหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะพี่หนึ่งดรีมตั้งใจมาทำงานนะคะไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลย”
“พี่คิดว่าดรีมน่าจะยังไม่มีแฟนใช่ไหมล่ะ ถึงได้มาทำงานไกลขนาดนี้ได้ แบบนี้ถ้าผู้ชายพวกนั้นมาได้ยินก็คงจะดีใจมากเลยนะถ้ารู้ว่าลูกน้องของพี่ยังโสด”
“แต่ดรีมยังไม่คิดมีความรักหรือมีแฟนหรอกค่ะพี่หนึ่ง พี่เต่า แค่งานท่วมหัวตรงนี้ก็ไม่มีเวลาไปสนใจอะไรแล้ว”
“แตเราก็ไม่ได้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงนะดรีม มองหาความสุขให้ชีวิตบ้างสิ” กิตติผู้มองโลกในแง่ดีพูดขึ้น
“ใครจะเสน่ห์แรงเหมือนพี่เต่ากันล่ะคะ ดรีมแอบได้ยินมาว่าตอนนี้กำลังคุยกับพนักงานต้อนรับของโรงแรมอยู่ใช่ไหมล่ะ” เธอเอ่ยแซวรุ่นพี่ตามข้อมูลที่ได้รู้มา
“ก็น้องเขาน่ารักดี เรามาอยู่ต่างเมืองที่นี่ได้คุยกับใครสักคนมันก็ช่วยแก้เหงาได้เยอะ”
“แต่พี่เต่ายังไม่มีแฟนอยู่ที่เมืองไทยใช่ไหมคะ”
“ไม่มีหรอก ถ้ามีพี่จะจีบคนที่นี่ทำไมล่ะ” กิตติรีบบอก
“พี่เต่าคะ ดรีมถามอะไรหน่อยสิ”
“ถามอะไร”
“พี่เต่าคิดจะจริงจังกับเธอจริงๆ ใช่ไหม”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ ถ้าไม่คิดจริงจังพี่จะจีบทำไม”
“แต่ก็เธออยู่ไกลถึงเวียดนามเลยนะคะ ถ้าทำงานเสร็จพวกเราก็ต้องกลับไปทำงานที่เมืองไทยแล้วพี่จะทำยังไงล่ะคะ”
“เรื่องนั้นพี่เองก็ยังไม่ได้คิดเหมือนกัน” กิตติลืมคิดถึงเรื่องอนาคต
“ไม่เห็นจะยากเลยเต่า นายก็ลาออกจากบริษัทแล้วมาหางานทำที่เวียดนามสิ” จารุวัตรเสนอ
“ได้ยังไงกันพี่ผมทำงานอยู่ในบริษัทนี้มาตั้งหลายปี เงินเดือนก็สูงแล้วถ้าเริ่มงานใหม่ที่นี่แล้วงานมันไม่เวิร์คทีนี้ก็คงได้พากันอดตายพอดี” กิตติเริ่มคิดหนัก
“ถ้าอย่างงั้นก็มีอีกทางหนึ่งนะ นายพาเธอไปอยู่ที่เมืองไทยสิ คนมีความสามารถแบบนี้น่าจะมีโรงแรมที่นั่นรับสมัครอยู่นะ บริษัทในเครือของเราก็มีโรงแรม ถ้าคิดจะจริงจังนายก็ลองคุยกับท่านประธานดูสิ”
“พี่หนึ่งครับ ผมกับเธอเพิ่งเริ่มจะคบหากันเองอีกอย่างก็คงไม่กล้าบากหน้าเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านประธานหรอก แค่งานของท่านก็ล้นมือผมไม่อยากเอาเรื่องจุกจิกแบบนี้ไปกวนใจ เรื่องนี้ผมคิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงหาทางออกได้”
“พี่หนึ่งคะ ดรีมได้ยินว่าบริษัทใหญ่ของเรามีบริษัทย่อยในเครือเยอะแยะเลยใช่ไหมคะ”
“อืม....ดรีมเข้าใจถูกต้องแล้ว บริษัทเรามีบริษัทในเครือหลายบริษัท แต่ก่อนพี่ก็อยู่บริษัทเล็กๆ เหมือนกับดรีมนั่นแหละ แต่พอทำงานมีผลงานเข้าตาเจ้านายก็ดึงมาที่บริษัทใหญ่ อย่างพวกวิศวกรบางคนก็มาจากบริษัทเล็กๆ เจ้านายเราเป็นมีวิสัยทัศน์ในการทำงานที่ดี เมื่อเห็นผลงานใครก็ให้โอกาส ดรีมเป็นมัณฑนากรหญิงคนแรกเลยนะที่ได้ออกมาทำงานต่างประเทศแบบนี้”
“แสดงว่าผลงานต้องเข้าตาเจ้านายมากจริงๆ” กิตติพูดเสริม
“ดรีมก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่หนึ่ง ดรีมทำงานยังไม่ถึงสองปีเลยผลงานก็มีบ้างแต่ก็ไม่เยอะเท่าไหร่”
“พี่ได้ยินบางเรื่องในบริษัทของดรีม” จารุวัตรพอรู้เรื่องแต่ยังไม่แน่ใจถึงรายละเอียดเท่าไหร่
“พี่หนึ่งรู้เรื่องเหรอคะ” หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจเพราะเรื่องภายในบริษัทของเธอไม่คิดว่าจะมีคนนอกรู้
“ก็พอรู้มาบ้างแต่ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ ดรีมอยากเล่าให้พี่กับพี่เต่าฟังไหมล่ะ การได้ระบายออกมาบางทีมันอาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นนะ”
“ที่พี่หนึ่งรู้มามันแค่ไหนคะ”
“ก็ประมาณว่าผลงานครั้งล่าสุดที่ดรีมเป็นคนออกแบบเองทั้งหมดถูกรุ่นพี่เคลมว่าเป็นผลงานของตัวเองใช่ไหมล่ะ”
“ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ คุณธวัชเขาให้ออกแบบบ้านพักตากอากาศดรีมก็เลยออกแบบโดยใช้คอนเซ็ปต์โครงสร้างให้สอดคล้องไปกับธรรมชาติและเน้นประหยัดพลังงานบวกกับพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น คุณธวัชเขาพอใจกับผลงานที่ดรีนพรีเซนต์ ต่พอพรีเซนต์เสร็จพี่กรรุ่นพี่ในทีมก็รีบลุกและบอกลูกค้า เขาเคลมว่าเป็นผลงานของตัวเองต่อหน้าลูกค้าแบบนั้นดรีมก็เลยไม่กล้าที่จะเถียงเขา” หญิงสาวเล่าไปตามความจริง
“ดรีมทำถูกแล้วที่ไม่เถียงกันต่อหน้าลูกค้าเพราะมันจะทำให้เราดูไม่เป็นมืออาชีพ แล้วจากนั้นยังไงต่อล่ะ”
“จากนั้นพอคุณสมเกียรติกลับมาดรีมก็เอาความจริงไปบอกแต่พี่กรเขาก็ชิงบอกก่อนว่าผลงานนั้นเป็นของเขา แล้วดรีมเป็นแค่ช่วยดูแลเป็นบางส่วน”
“แล้วคุณสมเกียรติเชื่อแบบไหน”
“ดูท่าทางเขาก็เชื่อดรีมนะคะแต่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าเราไปบอกลูกค้าว่ามีการเข้าใจผิดเรื่องคนออกแบบคุณสมเกียรติกลัวว่าบริษัทจะหมดความเชื่อถือ”
“น่าเห็นใจนะ ถ้าเป็นพี่คงได้ทะเลาะกับเขาไปแล้ว”
“ดรีมก็อยากทำอย่างนั้น แต่พี่กรเข้าก็อ้างว่า ถ้าไม่มีเขาก็คงไม่มีโอกาสมาทำงานที่นี่”
“แบบนี้มันไม่ถูกนะดรีม” กิตติที่นั่งฟังอยู่พูดขึ้นมา
“ค่ะพี่เต่า ดรีมก็คิดว่ามันไม่ถูกแต่สิ่งที่เขาพูดมันก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านั้นดรีมหางานทำและได้เจอกับเขาซึ่งเป็นรุ่นพี่เข้ามาที่มหาวิทยาลัยพอดี เขาก็เลยแนะนำดรีมให้กับคุณสมเกียรติได้รู้จักจากนั้นก็ได้เลือกเขาไปทำงาน”
“แต่นั้นมันก็แค่การแนะนำ พี่ว่าสิ่งที่ทำให้ดรีมทำงานที่นี่ได้สองปีแล้วนั่นเพราะคุณสมเกียรติเขาเห็นผลงานของดรีมนะ”
“ดรีมก็เถียงเขาไปแบบนั้นค่ะพี่หนึ่งแต่ก็แพ้เขาอยู่ดี”
“พี่เคยได้ยินกิตติศัพท์ผู้ชายคนนี้มาบ้าง ดีแล้วแหละที่ออกมาจากตรงนั้นได้ต่อไปก็ตั้งใจทำงานนะทำงานถึงแม้เคร่งเครียดแต่เรื่องเอาเปรียบแบบนี้พวกพี่ไม่เคยทำ”
“แล้วถ้ากลับไปดรีมต้องไปทำงานที่เดิมหรือเปล่า” กิตติถามขึ้นบ้าง
“ก็คงอย่างนั้นมั้งคะ”
“แต่พี่ได้ยินแววๆ ว่าบริษัทใหญ่จะดึงตัวให้ดรีมทำงานที่บริษัทนะเพราะยังมีโปรเจกต์อีกหลายอย่างที่อยากได้มัณฑนากรฝีมือดีมาร่วมงานด้วย”
“ถ้าแบบนั้นก็ดีสิครับพี่หนึ่ง ผมว่าดรีมทำงานเก่งและมีความคิดสร้างสรรค์มากแบบนี้พวกพี่ชอบ”
“ดรีมก็อยากทำงานกับพี่สองคนค่ะ กลับไปร่วมงานกับพี่กรก็คงไม่สนิทใจเท่าไหร่”
“พี่ได้ข่าวว่าเขาโกรธมากเลยใช่มั๊ยที่ดรีมได้มาทำงานที่นี่”
“ค่ะ แต่ดรีมว่ามันเป็นกรรมตามทันนะคะพี่หนึ่ง เพราะเขาอ้างว่างานออกแบบบ้านคุณธวัชเป็นผลงานของเขา ทีนี้คุณธวัชก็เลยให้เขาช่วยออกแบบโครงการบ้านจัดสรรทำให้เขามาที่นี่ไม่ได้”
“แบบนี้เขาเรียกกรรมติดจรวดเข้าใจมั้ยล่ะ” กิตติหัวเราะ
“ประมาณนั้นค่ะพี่เต่า”
มัณฑนาการทั้งสามคนคุยไปด้วยทำงานไปด้วยการ การทำงานกับจารุวัตรและกิตติทำให้หญิงสาวได้เรียนรู้อะไรอีกมากมายรุ่นพี่ทั้งสองคนนอกจากจะสอนเรื่องงานแล้วยังสอนการใช้ชีวิตอีกทั้งยังมีอารมณ์ขันทำให้เธอหายเครียดได้ดีด้วย