ตอนที่ 12
ยิ่งหนียิ่งเจอ
เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน มัณฑนากรทั้งสามคนก็ไปยังห้องอาหารของทางโรงแรมซึ่งการทานอาหารที่นี่ทำบริษัทได้จัดเตรียมไว้ให้พวกเขา แล้วแต่ถ้าหากใครไม่พอใจจะทานอาหารของทางโรงแรมบริเวณใกล้ๆ กับโรงแรมก็ยังมีร้านขายอยู่อีกหลายร้าน
ญาณิดาเห็นกลุ่มวิศวกรมาถึงก่อนแล้วและตอนนี้ธันวาก็กำลังยืนตักอาหารอยู่ หญิงสาวกวาดสายตามองไปทั่วเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารเธอจึงรีบเดินเข้าไปหาเขาทันที
“ขอบคุณนะคะสำหรับกาแฟ” หญิงสาวกระซิบบอกธันวาขณะที่ยืนอยู่ที่จุดตักอาหารเหมือนกำลังรอเธออยู่
“ดีใจนะที่คุณชอบ เดี๋ยวผมจะส่งให้ทุกเช้าเลย” เขาพูดกับเธอแต่ทำเป็นมองไปทางอื่นเพราะรู้ว่าญาณิดาไม่อยากให้คนอื่นเห็นถึงความสนิทสนมระหว่างเธอกับเขา
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันขอร้องว่าอย่าทำแบบนั้นเลย ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราสนิทกันมากขนาดนั้น”
“เราทำงานร่วมกันจะสนิทกันก็ไม่แปลกเลยนะดรีม คุณน่ะคิดมากเกินไปแล้ว”
“มันจะไม่แปลกตรงไหนคะ ในเมื่อมีมัณฑนากรตั้งสามคนแต่บนโต๊ะกลับมีกาแฟของฉันแค่คนเดียว ขอร้องล่ะค่ะคุณธันวา อย่าทำแบบนี้เลย”
“ก็ได้ครับ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมเองก็ไม่อยากทำให้คุณไม่พอใจหรอกนะ ผมคิดน้อยไปหน่อยที่เอากาแฟไปให้คุณแบบนั้น”
“ขอบคุณค่ะที่คุณเข้าใจอะไรง่ายๆ” หญิงสาวพูดจบก็กลับไปนั่งทานอาหารรวมกับรุ่นพี่สองคน
เมื่อคุยกับเธอแล้วธันวาก็กลับมานั่งทานอาหารร่วมกับกลุ่มวิศวกรของตนเอง
“พี่ธันวาคุยอะไรกับคุณดรีมครับ” หนึ่งในสมาชิกวิศวกรถามขึ้น
“ก็ไม่คุยอะไร ทักทายกันตามปกติ” เขาตอบก่อนจะก้มหน้าหลบสายตา
“พี่สองคนรู้จักกันมาก่อนใช่มั้ยล่ะ สนิทกันมากหรือเปล่า”
“ก็แค่รู้จักผิวเผิน ถามพี่แบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” ธันวาเงยหน้ามองลูกน้องแล้วถามด้วยความสงสัย
“ก็ผมเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งก็เลยอยากรู้จักให้มากขึ้น พี่รู้ไหมเธอมีแฟนหรือยัง”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่นายถามพี่ทำไมเหรอ”
“พี่ธันวายังไม่รู้อีกเหรอก็ไอ้นี่มันแอบชอบคุณดรีมอยู่นะ”
“เฮ้ย...บริษัทส่งให้มาทำงานนะ ไม่ได้ให้มันมีแฟน”
“โธ่....พี่ก็เรามาทำงานต่างถิ่นเจอผู้หญิงสวยๆ แบบนี้มันก็เป็นอาหารตาที่ดีไม่ใช่เหรอ อีกอย่างถ้าคุณดรีมก็ยังไม่มีแฟนผมก็คิดว่าจะลองจีบดูสักตั้ง” ชายหนุ่มพูดแล้วทำท่าทางจริงจัง
“ผู้หญิงทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้ปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลยมันก็เสียเชิงชายอย่างพวกเราหรือพี่ธันวาคิดจะจีบล่ะผมเปิดโอกาสให้พี่ก่อนก็ได้” ลูกน้องอีกคนพูดขึ้น
“เฮ้ย ทำไมในพูดแบบนั้นล่ะ ถ้าเกิดพี่ธันวาจีบติดขึ้นมานายก็แห้วกันพอดีสิ”
“ไม่หรอกน่า คุณดรีมนะเหมือนจะเพิ่งเรียนจบได้ไม่นานเขาคงไม่สนใจคนอายุมากอย่างพี่ธันวาหรอกนะ”
“พวกนายกำลังจะว่าฉันแก่ใช่ไหมเนี่ย”
“ไม่แก่หรอกครับพี่ แค่พี่อายุเยอะกว่าพวกเราแค่นั้นเอง” อีกคนรีบแก้ตัว
“พี่ว่าพวกเราตั้งใจทำงานเถอะ เกิดไปจีบเธอแล้วเธอไม่พอใจทีนี้เราจะมีปัญหากับทีมออกแบบนะ ถ้าอยากจะจีบเธอจริงๆ ก็รอให้มันเสร็จงานนี้แล้วกลับไปสานต่อความสัมพันธ์ที่เมืองไทยดีกว่านะ” ธันวารีบเตือนไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเธอ ถึงแม้ตอนนี้หญิงสาวจะปฏิเสธและไม่อยากคุยกับเขาสักเท่าไหร่
แต่ชายหนุ่มก็คิดว่าจะต้องหาโอกาสสานสัมพันธ์กับญาณิดาให้ได้ระหว่างที่อยู่ที่นี่ และการพูดแบบนี้กับรุ่นน้องวิศวกรก็เหมือนกับการตัดไฟแต่ต้นลม
“เอางั้นก็ได้เพราะถ้าเกิดตกลงคบกันผิดใจกันขึ้นมามันหนีไปไหนไม่ได้เลยที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา” รุ่นน้องวิศวกรพยักหน้าเข้าใจก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารต้องต่อ
ระหว่างทานอาหารธันวาแอบมองญาณิดาไปด้วยเหมือนทั้งสองจะใจตรงกันเพราะมีอยู่หลายครั้งที่เขามองไปทางหญิงสาวและเธอก็เงยหน้าออกมาพอดี
คืนนี้ญาณิดาไม่ได้ทำงานล่วงเวลาเมื่อเลิกงานแล้วหญิงสาวเลยออกไปเดินเล่นรับลมทะเลตามลำพังส่วนรุ่นพี่ทั้งสองคนกับวิศวกรนัดกันออกไปดื่ม พวกเขาชวนเธอแล้วแต่หญิงสาวปฏิเสธเพราะกลัวว่าตนเองจะเมาและเกิดเรื่องเหมือนคืนนั้นอีก แต่เธอไม่รู้เลยว่าธันวาก็ไม่ได้ไปดื่มเหล้ากับคนอื่น
“เดินคนเดียวไม่เหงาเหรอ” ธันวาเอ่ยถามหญิงสาวที่เดินทอดน่องอยู่ริมชายหาดตามลำพังคนเดียว
“คุณธันวา....” เธอทำหน้าตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเจอกับเขาที่นี่
“คุณนี่เป็นคนตลกมากเลยรู้มั้ยดรีม” ชายหนุ่มพูดแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขากับเธอจะได้คุยกันตามลำพังโดยไม่ต้องกลัวสายตาของเพื่อนร่วมงานคนไหน
“ตลกยังไงคะ”
“ก็เพราะทุกครั้งเวลาเห็นผมคุณก็ตกใจตลอดทั้งที่เราก็ทำงานด้วยกันมาเกือบหนึ่งเดือนแล้วนะ ผมว่าน่าจะชินได้แล้วนะ”
“ก็คุณชอบมาแบบเงียบๆ นี่คะ อีกอย่างฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอใครที่นี่แล้วคุณไม่ไปกินเหล้ากับพวกเขาเหรอคะ”
“ปกติผมไม่ค่อยชอบกินเหล้ากับผู้ชายเท่าไหร่ ผมชอบกินกับผู้หญิงมากกว่า” เขาพูดแล้วหยุดเดินขวางหน้าญาณิดาไว้
“คุณธันวาคะ ไหนบอกว่าเราจะไม่คุยเรื่องคืนนั้นอีก”
“ผมก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องคืนนั้นสักหน่อย ผมก็แค่เล่าเรื่องของผมเอง คุณไม่น่าร้อนตัวนะดรีม”
“ก็คุณพูดไม่เคลียร์” เธอรีบเถียงกลับ
“ผมไม่อยากจะเถียงกับคุณหรอกนะ ตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างมาอยู่ที่นี่นานแล้วชอบบ้างไหม”
“ก็ดีค่ะ”
“เพื่อนร่วมงานเป็นยังไงบ้าง” เขารู้สึกเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเจอปัญหาแบบเดิมอีก
“เพื่อนร่วมงานที่นี่ดีกว่าที่เดิมค่ะ พี่เขาสองคนมีประสบการณ์มาก ช่วยสอนงานฉันเยอะเลยค่ะ”
“ถ้าหากเลือกได้คุณอยากกลับไปทำงานที่เดิมหรือทำกับทีมนี้ล่ะ” ธันวาอยากให้โอกาสญาณิดาตัดสินใจเรื่องนี้เอง ถ้าเธออยากทำงานที่ไหนเขาก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่
“ถ้าฉันเลือกได้ฉันก็อยากทำกับพี่หนึ่งและพี่เต่ามากกว่าค่ะ พวกเราทำงานร่วมกันได้ดี”
“นอกจากเรื่องงานแล้วคุณเองก็ไม่อยากกลับไปที่เดิมใช่ไหมล่ะ”
“ค่ะ ก่อนมาที่นี่ฉันกับรุ่นพี่คนนั้นก็มีปัญหากันอีกนิดหน่อยค่ะ” เพราะธันวารู้เรื่องของเธอแล้วญาณิดาเลยไม่อยากจะปิดบัง
“นิดหน่อยแน่นะไม่ใช่ว่าเขาขโมยผลงานของคุณอีกล่ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่เขาโวยวายอยากมาทำงานที่นี่แต่เพราะติดงานของคุณธวัชเขาเลยเสียโอกาสนี้ไป”
“เขามั่นใจได้ยังไงว่าจะได้มาทำงานที่นี่”
“ก็เขาทำงานมานานและประสบการณ์เยอะกว่าฉันมาก”
“เท่าที่ผมรู้มาการเลือกคนมาทำงานที่นี่เลือกจากผลงานมากกว่าประสบการณ์นะ และคุณก็คือคนที่ถูกเลือก” ธันวาพูดออกไปตามความจริง
“จริงเหรอคะ ไม่ใช่ว่าพูดเพื่อให้ฉันดีใจนะ” ญาณิดามองหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่ใช่แบบนั้นเลย ผมว่าผลงานออกแบบของคุณมันดูน่าสนใจมีความทันสมัยเหมาะกับโรงแรมที่นี่”
“คุณเคยเห็นผลงานของฉันเหรอคะ”
“ที่สำนักงานใหญ่จะผลงานของพนักงานรวบรวมไว้ ก่อนมาที่นี่ผมเลยได้เห็นผลงานของคุณน่ะ”
“แสดงว่าคุณรู้ว่าฉันจะมาทำงานที่นี่เหรอคะคุณธันวา”
“ผมรู้แค่มีมัณฑนากรหญิงชื่อญาณิดามาทำงานด้วยแต่ผมไม่รู้นี่ว่าคุณชื่อจริงว่าอะไรแล้วคุณรู้ไหมว่าจะมาเจอผมที่นี่”
“ไม่เลยค่ะ”
“ถ้ารู้มาก่อนจะมาไหม”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ”
“แต่ไหนๆ ก็ร่วมงานกันแล้วผมหวังว่าเวลาที่เหลือเราจะรู้จักกันมากกว่านี้นะดรีม”
“ก็คงอย่างนั้นเพราะฉันคงหนีไปไหนไม่ได้จนกว่างานจะเสร็จ” ญาณิดาคิดว่ายังไงก็คงหนีเขาไม่พ้นเธอเลือกที่จะเผชิญหน้ากับเขาดีกว่าหนีไปตลอด
ทั้งสองเดินคุยกันไปเรื่อยจากนั้นก็มาทานอาหารของโรงแรมก่อนจะพากันไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อและกลับห้องพัก