ตอนที่ 7
ทีมงานใหม่
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาญาณิดาออกเดินทางสู่ประเทศเวียดนามพร้อมกับจารุวัตรหรือพี่หนึ่งซึ่งเป็นมัณฑนากรรุ่นพี่ผู้รับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าทีม และเพื่อนร่วมงานอีกคนคือกิตติหรือพี่เต่ารุ่นพี่มัณฑนากรอารมณ์ดีที่มักสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้าง
การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจในคราวเดียวกัน สำหรับญาณิดาแล้วนี่ไม่ใช่แค่การทำงานในต่างประเทศครั้งแรกแต่ยังเป็นการพิสูจน์ตัวเองในโปรเจกต์ใหญ่ที่เธอตั้งใจจะทุ่มเทอย่างเต็มที่อีกทั้งยังต้องทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานจากบริษัทใหญ่อีกด้วย
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติในเมืองดานังประเทศเวียดนามในเวลาบ่าย หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว ทีมมัณฑนากรก็ตรงไปยังโรงแรมที่พักที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้ซึ่งเป็นโรงแรมเดิมที่กำลังสร้างอาคารเพิ่มเติม
“คืนนี้เรามีนัดทานอาหารเย็นกับทีมวิศวกรโครงสร้างนะ พวกเขามาก่อนเราแล้ว ถือโอกาสแนะนำตัว ทำความรู้จักกันไว้ เพราะเราจะต้องทำงานร่วมกันตลอดโปรเจกต์นี้” จารุวัตรแจ้งกับทุกคนก่อนจะแยกย้ายกันไปพัก
ญาณิดาพยักหน้ารับ เธอรู้ดีว่าการประสานงานกับทีมวิศวกรเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานออกแบบโครงสร้างขนาดใหญ่ เพื่อให้งานราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ห้องพักของเธออยู่คนละชั้นกับรุ่นพี่ที่มาด้วยเพราะครั้งนี้มีเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในทีม ทางบริษัทจึงจัดที่พักให้อยู่คนละชั้น
ญาณิดาจัดการเก็บสัมภาระเข้าที่อย่างรวดเร็วก่อนจะสำรวจห้องพักและเก็บข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเอาไว้อ้างอิงในการออกแบบอาคารอีกหลังและบ้านพักแบบลักชูรี่ที่อยู่ห่างออกไปอีกไม่ไกล
ถึงเวลานัดหมาย ทีมมัณฑนากรทั้งสามคนก็ลงมาที่ล็อบบี้ของโรงแรม เพื่อรอคอยทีมวิศวกรโครงสร้างที่มาถึงก่อนแล้ว ไม่นานนัก ชายกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในบริเวณล็อบบี้ หนึ่งในนั้นคือชายร่างสูงโปร่งที่ญาณิดาคุ้นตา
หัวใจของญาณิดาเริ่มเต้นแรงและเมื่อผู้ชายคนนั้นหันหน้ามาเธอก็ต้องตกใจเพราะไม่คิดเลยว่าจะเจอกับเขาที่นี่ทั้งที่กำลังหนีจากความทรงจำในคืนนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขายังอยู่ในทีมวิศวกรโครงสร้างที่เธอจะต้องทำงานด้วย โลกช่างกลมอะไรขนาดนี้!
“คุณธันวา” ญาณิดาอุทานออกมาเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดลงทันที เธอไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับเขาที่นี่
ธันวายิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเธอ
“สวัสดีครับคุณดรีม ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่เลยนะครับ” ธันวาทักทายด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ญาณิดาทำอะไรไม่ถูก เธอรู้สึกทั้งตกใจ ประหลาดใจ และอับอายไปพร้อมๆ กัน เธอพยายามรวบรวมสติและตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก
“สวัสดีค่ะคุณธันวา”
“รู้จักกันมาก่อนแล้วเหรอ” จารุวัตรหันมาถาม
“ค่ะ” ญาณิดาตอบสั้นๆ เพราะถ้าบอกไม่รู้จักก็คงไม่มีใครเชื่อแต่คำว่ารู้จักของเธอมันก็แค่ผิวเผิน
“เอาล่ะครับ แนะนำตัวอย่างเป็นทางการดีกว่า ผมธันวา เป็นหัวหน้าทีมวิศวกรโครงสร้างในโปรเจกต์นี้ครับ” ธันวาแนะนำตัวกับทุกคน
เขาหันไปแนะนำเพื่อนร่วมทีมวิศวกรคนอื่นๆ ให้กับทีมมัณฑนากร จารุวัตรและพี่เต่าต่างพยักหน้ารับและยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร แต่ญาณิดายังคงยืนนิ่งราวกับถูกสาป เธอไม่สามารถละสายตาจากธันวาได้เลย ความทรงจำในค่ำคืนนั้นที่ผับและในห้องโรงแรมยังคงชัดเจนในหัวของเธอ
“ส่วนทางนี้ก็ทีมมัณฑนากรนะครับ ผมหนึ่งเป็นหัวหน้าทีมมัณฑนากรนี่เต่าและดรีมครับ”
ธันวาพยักหน้าให้จารุวัตรและกิตติก่อนจะหันมาสบตากับญาณิดาอีกครั้ง แววตาของเขาทอประกายความหมายบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคนนะครับ” ธันวากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“เช่นกันครับ” จารุวัตรตอบ
“นึกไม่ถึงนะดรีมว่าเราจะมาเจอกันที่นี่” ธันวาเดินมาใกล้ๆ แล้วพูดได้ยินกันแค่สองคน
“ค่ะ” ญาณิดารู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านร่างเมื่อเขากระซิบที่ข้างหู เธอพยายามที่จะยิ้มตอบ แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมงานทั้งหมดก็พากันเดินไปยังห้องอาหารของโรงแรมที่ได้จองไว้ บรรยากาศภายในห้องอาหารค่อนข้างเป็นกันเองทำให้ญาณิดารู้สึกผ่อนคลาย
ตลอดช่วงเวลาอาหารค่ำ ญาณิดาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการสบตากับธันวา เธอเลือกที่จะนั่งตรงข้ามกับเขา และพยายามพูดคุยกับจารุวัตรและกิตติเกี่ยวกับเรื่องงาน เธอก็ยังสัมผัสได้ถึงสายตาของธันวาที่คอยจับจ้องมาที่เธอเป็นระยะ
หลังจากทุกคนทานอาหารเสร็จแล้วพวกผู้ชายก็ชวนกันไปดื่มต่อ ญาณิดาปฏิเสธและบอกบอกลาทุกคนก่อนจะเดินออกมาทางด้านหน้าโรงแรมที่เธอเห็นว่ามีร้านสะดวกซื้ออยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่
หญิงสาวเลือกซื้อขนมและนมเปรี้ยวและของใช้อีกสองสามอย่างก่อนจะชำระเงินและเดินออกมา
“ให้ผมช่วยถือไหมครับ”
“คุณธันวา.....” หญิงสาวเบิกตากว้างเพราะความตกใจที่เห็นเขาอยู่หน้าร้านเพราะคิดว่าเขาน่าจะออกไปดื่มคนอื่นๆ แล้ว
“ดูคุณตกใจทุกครั้งที่เห็นหน้าผมเลยนะดรีม” เขาหัวเราะก่อนจะยื่นมือมารับถุงในมือของหญิงสาวไปถือไว้
“ฉันนึกว่าคุณจะไปดื่มกับคนอื่น”
“พรุ่งนี้ผมต้องทำงานเลยพักเรื่องกินเหล้าไว้ก่อน วันหยุดค่อยว่ากันคุณล่ะทำไมถึงไม่ไปกับพวกเขา”
“ฉันมาทำงานนะคะไม่ได้มากินเหล้า”
“แต่ถ้ากินเพื่อสังสรรค์นิดหน่อยเจ้านายก็คงไม่ว่าหรอกหรือที่ไม่กินเหล้าเพราะกลัวอะไรหรือเปล่า” เขาถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“มันก็แค่กินเหล้าจะกลัวอะไรล่ะคะ” หญิงสาวตอบเหมือนไม่กลัวแต่อันที่จริงเธอเข็ดกับการดื่มจนขาดสติและยิ่งมีผู้ชายที่ชื่อธันวาอยู่ด้วยแล้วเธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด
“งั้นวันหยุดเราไปกินเหล้ากับพวกเขากันดีไหมล่ะ มาทำงานด้วยกันต่างที่แบบนี้ผมก็อยากให้เราสามัคคีกันไว้”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” ญาณิดาตอบตกลงไปก่อนพอถึงเวลานั้นค่อยหาทางชิ่งอีกที
“คุณรู้สึกยังไงที่เรามาเจอกันอีก” ธันวาถามขระเดินคู่กับเธอมมาตามถนนที่ตรงมายังโรงแรม
“ตกใจและแปลกใจค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่หรือคุณไม่ตกใจกันล่ะ”
“ตกใจสิ แต่ดีใจมากกว่าที่ได้เจอคุณอีกครั้ง”
“คุณรู้มาก่อนไหมว่าเราต้องมาทำงานด้วยกันที่นี่” หญิงสาวถามอย่างจ้องจับผิด
“ไม่รู้เลย” ธันวารีบปฏิเสธและแกล้งมองออกไปยังผืนน้ำทะเลข้างหน้า
“จริงนะคะ”
“จริงสิ ถ้าผมรู้ว่าเราต้องมาร่วมงานกันคืนนั้นผมคงไม่พูดแบบนั้นกับคุณหรอก”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะฉันรู้ดีว่าวันไนท์สแตนด์คืออะไร ฉันไม่บอกใครเรื่องของเราหรอกค่ะ”
“คุณกำลังเข้าใจผิดนะ”
“แล้วที่ถูกต้องคืออะไรละ”
“นั่งก่อนสิจะได้คุยกัน”