ลืมแล้วเริ่มใหม่

1564 คำ
ตอนที่ 8 ลืมแล้วเริ่มใหม่ ญาณิดานั่งลงข้างๆ ธันวาและจ้องหน้ารอคอยว่าสิ่งที่เขาจะพูดนั้นคืออะไรกันแน่ “ว่าไงคะคุณธันวา” “ถ้าหากผมรู้ว่าเราจะได้เจอกันและได้ร่วมงานกันอีกผมคงไม่พูดว่าระหว่างเราสองคนจะเป็นแค่วันไนท์สแตนด์เพราะผมคิดว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้” ธันวาคิดว่าระหว่างเขากับเธอมันน่าจะเป็นได้มากกว่าความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจและมีแรงดึงดูดจนทำให้เขาเอาผลงานเธอไปเสนอจนหญิงสาวได้รับเลือก “เพื่อนที่ไหนจะนอนด้วยกันแบบนั้นล่ะ แต่ก็ช่างเถอะค่ะ เรื่องคืนนั้นฉันว่าเราลืมๆ มันไปดีกว่านะ ฉันเมามากคุณเองก็เมามาก” “คุณคิดว่าจะลืมได้เหรอ นั่นครั้งแรกของคุณเลยนะดรีม” เขารู้ว่าเรื่องนี้สำหรับผู้หญิงมันคือเรื่องใหญ่ “นี่จะพูดให้ฉันอายหรือไงคะคุณธันวา” เธอหันมามองเขาด้วยสายตาที่ไม่พอใจ “ผมขอโทษ ผมไม่ได้คิดจะทำให้คุณรู้สึกอายเลยนะดรีมผมก็แค่อยากให้เราทบทวนความสัมพันธ์ของเราอีกครั้ง” “ฉันไม่อยากทบทวนค่ะ ฉันว่าเราสองคนลืมเรื่องคืนนั้นไปเถอะนะคะ จากนี้เราสองคนคือเพื่อนร่วมงานกัน” ญาณิดาอยากจะลืมทุกอย่างแล้วก้าวไปข้างหน้า “ถ้าคุณจะเอาแบบนั้นก็ได้ เราสองคนจะได้ทำงานด้วยกันอย่างสบายใจ” ธันวาไม่อยากจบความสัมพันธ์แบบนี้แต่เขาก็คิดว่าญาณิดาคงกำลังสับสนและมันยิ่งทำให้เขารู้สึกสนใจเธอมากขึ้น ระยะเวลาที่ต้องทำงานร่วมกันที่นี่อย่างน้อยก็สามเดือน เขาคิดว่าถ้าหากเขาชอบหรืออยากจะได้เธอมาครอบครองมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก “ค่ะคุณธันวามฉันสบายใจแบบนั้น เรากลับที่พักกันเถอะค่ะ จะได้รับพักผ่อนพรุ่งนี้จะได้เริ่มงานกัน” ญาณิดารีบลุกขึ้นเพราะรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์นี้เกินกว่าจะทนได้ การได้พบกับธันวาอีกครั้งในฐานะเพื่อนร่วมงาน ทำให้ทุกความรู้สึกที่อยากจะลืมทำได้ยาก หญิงสาวเดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว ธันวาเดินตามหลังมาติดๆ รอยยิ้มมุมปากของเขายังคงไม่จางหายไป ยิ่งเธออยากจบก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากเข้าใกล้เธอมากขึ้น เมื่อถึงล็อบบี้โรงแรมญาณิดาก็เดินตรงไปยังลิฟต์ทันที โดยไม่รอให้ธันวาพูดอะไรอีก ธันวาตามเข้ามาในลิฟต์ เขากดชั้นของตัวเองซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับญาณิดา บรรยากาศในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบงัน แต่สำหรับญาณิดาแล้ว มันคือความเงียบที่อึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก “คุณแน่ใจนะว่าจะลืมเรื่องเมื่อคืนได้จริงๆ” ธันวาเอ่ยขึ้นเมื่อลิฟต์ใกล้จะถึงชั้นที่เป็นที่พักของพวกเขา “ฉันทำได้ค่ะคุณธันวา” ญาณิดาหันไปมองเขา ใบหน้าของเธอดูจริงจังและตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ราวกับจะย้ำเตือนทั้งตัวเขาและตัวเธอเอง “โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนให้เต็มที่นะครับ” ธันวาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แม้ในใจจะไม่ได้คิดเช่นนั้นก็ตาม ประตูลิฟต์เปิดออก ญาณิดาก้าวออกจากลิฟต์ทันที โดยไม่หันกลับไปมองธันวาอีกว่าเขาพักที่ห้องไหน หญิงสาวเดินตรงไปยังห้องพักของตัวเองด้วยหัวใจที่ยังคงเต้นแรง ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความรู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตนเอง เมื่อเข้ามาในห้องพักญาณิดาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหลับตาลง พยายามจัดระเบียบความคิดในหัว การที่ต้องมาทำงานร่วมกับธันวาในโปรเจกต์เดียวกันนานถึงสามเดือน ทำให้เธอรู้สึกกดดันและเป็นกังวลเพราะไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาในแต่ละวัน “บ้าจริง ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ” เธอพึมพำกับตัวเอง ในอีกมุมหนึ่ง ธันวาเองก็กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องพัก มองออกไปยังวิวเมืองดานังยามค่ำคืน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงประดับอยู่บนใบหน้า เขาไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับการปฏิเสธของญาณิดาเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกท้าทายมากขึ้น “คุณเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจจริงๆ นะ ดรีม” เขากล่าวกับตัวเองเบาๆ ธันวารู้ว่าญาณิดากำลังพยายามผลักไสเขาออกไปจากชีวิต แต่ชายหนุ่มก็เชื่อว่าเวลาและความใกล้ชิดในการทำงานจะทำให้เธอมองเห็นเขาในมุมที่แตกต่างออกไป เขาไม่ได้ต้องการแค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวย แต่เขารู้สึกสนใจญาณิดาอย่างจริงจังมากกว่าผู้หญิงคนอื่นที่เคยผ่านเข้ามา ตอนนี้เขามีแผนการบางอย่างในใจที่จะเข้าไปในชีวิตของญาณิดาอย่างช้าๆ ทำให้เธอเปิดใจและยอมรับเขาในที่สุด ธันวาเชื่อว่าความมุ่งมั่นและความจริงใจของตนเองจะสามารถเอาชนะใจเธอได้ หนึ่งสัปดาห์ต่อมาจารุวัตรหัวหน้าทีมมัณฑนากร เริ่มต้นนำเสนอภาพรวมของงานออกแบบภายในให้กับทีมวิศวกรโครงสร้าง โดยมีญาณิดานั่งอยู่ข้างๆ หัวหน้าทีม หญิงสาวพยายามทำตัวเป็นมืออาชีพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามไม่สบตาธันวาและตั้งใจฟังการนำเสนออย่างเต็มที่ ธันวานั่งฟังอย่างเงียบๆ ตลอดเวลา สายตาของเขากวาดมองไปทั่วห้องประชุม ก่อนจะหยุดอยู่ที่ญาณิดาเป็นพักๆ เขาชื่นชมในความสามารถของเธอ และยิ่งเห็นเธอมุ่งมั่นกับงานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกประทับใจมากขึ้นเท่านั้น หลังจากจารุวัตรนำเสนอภาพรวมเสร็จสิ้น ธันวาก็เริ่มพูดถึงส่วนของโครงสร้างและข้อจำกัดต่างๆ ที่ทีมมัณฑนากรควรทราบ ธันวาดูเป็นมืออาชีพและกับการทำงานจนญาณิดาอดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมในความสามารถของเขา การประชุมดำเนินไปหลายชั่วโมง แต่ละทีมนำเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้โปรเจกต์ดำเนินไปอย่างราบรื่น ญาณิดาเองก็แสดงความคิดเห็นในส่วนของงานออกแบบภายในอย่างมั่นใจและเป็นเหตุเป็นผล ทำให้ธันวาและทีมวิศวกรต่างพยักหน้าเห็นด้วย “ผมคิดว่าแนวคิดเรื่องการใช้พื้นที่เปิดโล่งและแสงธรรมชาติของคุณดรีมน่าสนใจมากครับ มันจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการได้มากทีเดียว” ธันวากล่าวชื่นชมญาณิดาต่อหน้าทุกคน คำชมจากธันวาทำให้ญาณิดารู้สึกดีใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามเก็บอาการ เธอพยักหน้ารับคำขอบคุณเบาๆ การทำงานสัปดาห์ผ่านไปอย่างราบรื่น ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ที่ทำให้ญาณิดาต้องอับอายหรือรู้สึกไม่สบายใจ ธันวาทำตัวเป็นมืออาชีพอย่างไม่มีที่ติ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ญาณิดาและเพื่อนร่วมทีมก็กลับมาที่โต๊ะทำงานเพื่อเริ่มวางแผนงานในรายละเอียด จารุวัตรมอบหมายงานในส่วนต่างๆ ให้กับแต่ละคน ญาณิดาได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการออกแบบภายในห้องพักของโรงแรม ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด “ดรีม พี่เชื่อในความสามารถของน้องนะ พี่ว่าน้องทำได้แน่นอน” จารุวัตรกล่าวให้กำลังใจ “ขอบคุณค่ะพี่หนึ่ง ดรีมจะตั้งใจทำเต็มที่เลยค่ะ” ญาณิดาตอบด้วยความมุ่งมั่น การได้กลับมาทำงานที่ตัวเองรัก และได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทำให้ญาณิดารู้สึกมีพลังอีกครั้ง เธอจะทุ่มเททำงานนี้ให้ดีที่สุด เพื่อพิสูจน์ตัวเองและก้าวข้ามอุปสรรคทุกอย่างไปให้ได้ ส่วนเรื่องของธันวาหญิงสาวคิดว่าเธอจะพยายามรักษาระยะห่างและทำตัวเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ญาณิดาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาข้อมูลของโรงแรมและเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับงานออกแบบเธอรู้ว่านี่คือโอกาสสำคัญที่จะทำให้ตัวเองได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ และเธอก็จะไม่ยอมพลาดมันเด็ดขาด หญิงสาวตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่จนดึกดื่น โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองเธอจากอีกห้องหนึ่งอย่างเงียบๆ ธันวายืนอยู่ที่หน้าต่างห้องทำงานของทีมวิศวกร เขามองแสงไฟจากห้องของทีมมัณฑนากรที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่ญาณิดานั่งทำงานอยู่คนเดียว ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจของเธอ และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกทึ่งในตัวเธอมากขึ้นไปอีก “คุณเก่งกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะดรีม” ธันวาพึมพำกับตัวเอง ธันวาเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของเขา หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาดู เขาเลื่อนดูรูปภาพและข้อมูลของโครงการที่ญาณิดากำลังรับผิดชอบอยู่ เขามีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว ที่จะทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น และได้ช่วยเหลือเธอในฐานะหัวหน้าทีมวิศวกร “ผมคงต้องเข้าไปดูความคืบหน้าของงานออกแบบบ่อยๆ แล้วสินะ” เขากล่าวกับตัวเองพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม