ห้องพักของโรงแรมชื่อดังพัทยา
เมื่อน้องก๊อปเดินออกไปด้านนอกห้องโดยมีพนักงานหนุ่มหล่อของโรงแรมคอยประคองจนลับตาผมไป ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมรู้สึกหมดแรงโดยไม่มีสาเหตุเหมือนเพิ่งวิ่งสี่คูณร้อยไปเมื่อซักครู่ สายตาที่น้องเขามองผมที่แสดงออกถึงความเคียดแค้นในตัวผมมาก
มันเกิดอะไรขึ้นกับผม?
ผมทำอะไรลงไป?
ทำไมผมต้องทำร้ายน้องคนหนึ่งที่ผมคิดจะดูแลเขาเหมือนน้องชายตัวเองด้วย?
มันเกิดเพราะอารมณ์ชั่ววูบงั้นเหรอ?
ไม่นะ มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?
ผมรู้สึกสับสนไปหมด
ผมควรจะทำยังไงต่อไปแล้วถ้าผมเจอหน้าน้องเขาอีก ผมจะมองน้องเขายังไง ผมจะเริ่มพูดยังไง ผมรู้สึกเสียใจ เสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมพยายามเรียกสติกลับคืนแล้วรีบเก็บของเดินตามน้องก๊อปไปห่างๆ
"เช็คเอาค์ครับ" ผมติดต่อที่หน้าฟร็อนท์เพื่อเช็คเอาท์
"ได้ค่ะ ห้องเบอร์อะไรคะ"
"ห้อง 404 ครับ"
"ห้องเบอร์ 404 ได้เช็คเอาท์ออกไปแล้วนี่คะ คุณผู้ชายท่านนั้นค่ะ" พนักงานสาวชี้ไปด้านหนึ่งของห้องรับรองแขกประจำโรงแรม
"ขอบคุณครับ"
เมื่อผมมองตามไปยังที่พนักงานสาวชี้ก็พบกับน้องก๊อป ใส่เสื้อคลุมสีดำ หมวกสีดำ แว่นตาดำ กำลังนั่งกดโทรศัพท์มือถืออยู่เพียงลำพัง ผมไม่กล้าเดินเข้าไปหาน้องเขาเพราะกลัวถูกปฏิเสธจึงหามุมนั่งมองน้องเขาอยู่ห่างๆ เท่านั้น
สักพักผมเห็นน้องเขาคุยโทรศัพท์กับใครซักคน จากนั้นก็เรียกพนักงานคนเดิมมาช่วยประคองเขาเดินไปยังประตูหน้าโรงแรม ซึ่งเป็นภาพปกติที่ผู้ชายช่วยพยุงกันเดินเฉยๆ แต่ทำไมในห้องพักสิ่งที่ผมเห็นน้องก๊อปดูออดอ้อนฉอเลาะพนักงานหนุ่มคนนั้นเพื่ออะไรแล้วทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ คล้ายคนหมดแรงแบบนี้ด้วย ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นโทรศัพท์ของผมก็มีสายเข้า
"สวัสดีครับคุณระวี ไม่ทราบมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"สวัสดีจ้ะเมฆ อ๋อเปล่าหรอกจ้า โทรมาถามดูเฉยๆ ว่ามีปัญหาอะไรกับน้องก๊อปหรือเปล่า ทำไมก๊อปเขาพูดจาแปลกๆ"
ผมไม่รู้จะตอบคำถามคุณระวีอย่างไร คำถามนี้มันทำให้ผมรู้สึกกลัว ใจเต้นแรง หน้าชา
"เอ่อ...คือ..."
ไม่เป็นไร ถ้าไม่สะดวกตอบตอนนี้เราค่อยมาคุยกันที่บ้านก็ได้จ้ะ มาเจอฉันที่บ้านนะมาพร้อมน้องก๊อปก็ได้
"ครับคุณระวี"
เมื่อคุณระวีกดวางสายจากผมยิ่งทำให้ผมรู้สึกกลัวมากขึ้น ผมควรจะทำอย่างไรหากน้องเขาเอาเรื่องผมจริงๆ ผมคงตายแน่ นายเมฆคนนี้คงไม่มีชีวิตรอดอยู่บนโลกนี้ต่อไปแน่ๆ
"คุณผู้ชายคะ คุณผู้..."
"ครับๆ มีอะไรครับ"
ผมสะดุ้งด้วยความตกใจผมหันไปตามเสียงนั้นก็พบกับพนักงานสาวยืนเรียกอยู่ด้านหลัง พลอยทำให้เธอดูตกใจไปด้วยเพราะผมกำลังคิดถึงเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่
"คุณผู้ชายที่พนักงานของโรงแรมพยุงออกไปด้านนอกเขาฝากซองนี้ให้คุณค่ะ"
"ครับขอบคุณมากครับ" ผมรับซองสีขาวจากเธอมาด้วยความรู้สึกแปลกใจ
"ด้วยความยินดีค่ะ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะคะ"
"ขอบคุณมากนะครับ"
ผมเก็บซองนั้นใส่กระเป๋ากางเกงแล้วรีบวิ่งตามน้องก๊อปออกไปทันที
บ้านเลิศชัยธนากูล
บรรยากาศโดยรอบบ้านดูร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ที่ถูกปลูกเรียงรายอย่างสวยงาม ผมเปิดประตูรถยนต์แล้วก้าวลงจากรถด้วยความกังวลใจเป็นอย่างมากที่หน้าบริเวณทางขึ้นบ้านหลังใหญ่มันจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมบ้างผมรู้สึกกลัว ตื่นเต้นและถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น เมื่อผมเดินมาถึงบันไดทางขึ้นบ้านหลังใหญ่ก็พบกับบุคคลทั้งสามยืนต้อนรับอยู่ตรงบันไดนั้นด้วยท่าทางยิ้มแย้ม หารู้ไม่ว่าตอนนี้ภายในจิตใจของผมความรู้สึกมากมายมันแทบจะระเบิดออกมาทุกขณะ
"สวัสดีครับท่าน สวัสดีครับคุณระวี" ผมยกมือไหว้คนทั้งสองคนอย่างรู้สึกประหม่า
"สวัสดีจ้าเมฆ มาๆ ขึ้นมาก่อนสิ"
แต่ผู้เป็นประมุขของบ้านเพียงยกมือขึ้นรับไหว้จากผมเท่านั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"ขอบคุณครับ"
แต่คนที่ผมกลัวที่สุดกลับเงียบไม่พูดทักทายอะไรผม ผมได้เพียงเดินตามคนทั้งสามไปอย่างสงบ เมื่อทุกคนพร้อมในห้องรับแขกคนที่ดูร้อนรนและอยากจะรู้ความเป็นไปมากที่สุดคือคุณระวี เธอเป็นผู้เปิดประเด็นการสนทนาครั้งนี้
"เมฆ ไหนบอกฉันหน่อยซิมันเกิดอะไรขึ้นกับลูกก๊อป?"
เมื่อผมได้ยินคำถามผมถึงกับเหงื่อตกไหลซึมผ่านใบหน้าโดยอัตโนมัติ
"คือตอนที่ผมเจอน้องก๊อป เขากำลังจะถูกทำร้ายครับ ผมเลยเข้าไปช่วยเท่านั้นครับ"
"เธอบอกว่าลูกก๊อปกำลังจะถูกทำร้ายแล้วเธอเข้าไปช่วยแล้วรอยพวกนี้มันคืออะไร ตามร่างกายของก๊อปมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ช่วยตอบฉันหน่อยซิมันคืออะไร!?"
"มี๊ก๊อปบอกไปหมดแล้วนี่ครับว่าก่อนที่พี่เขาจะมา ผมโดนคนชั่วคนนั้นทำร้ายผมก่อนหน้านั้นแล้ว" โดยประโยคต่อท้าย น้องเขาหันหน้ามาทางผมซึ่งทำให้ผมรู้สึกจุกอยู่ในลำคออย่างบอกไม่ถูก
"คุณก็พอเถอะจะซักไซ้อะไรเขานักหนา เมื่อลูกของเราบอกแบบนั้นทุกอย่างก็น่าจะเป็นแบบนั้น"
"แต่คุณคะ คุณไม่สงสัยบ้างเหรอ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกบ้างหลังจากนั้น" น้ำเสียงของท่านฟังดูเป็นกังวลมาก
"คุณระวีฟังผมนะ ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงลูกแต่คุณไม่ดีใจเหรอที่ลูกของเราไม่เป็นอะไรมากกว่านี้และมีชีวิตรอดกลับมา"
"ค่ะฉันเข้าใจ ฉันจะไม่ถามอีกก็ได้ค่ะ"
"มี๊ไม่ต้องคิดมากนะครับ เพราะถ้าไม่ได้พี่เขาก๊อปคงแย่!"
คำพูดกับสายตาของน้องเขาที่มองผม ทำไมมันดูสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง คำพูดที่แสดงออกถึงการขอบคุณอย่างจริงใจแต่สายตาที่แฝงมามันบอกผมว่าเกลียด
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วก๊อปขออนุญาตขึ้นไปพักก่อนนะครับ ยังเหนื่อยอยู่เลยครับ"
น้องก๊อปลุกขึ้นจากโซฟาใหญ่ด้วยสีหน้าเจ็บปวดก่อนจะเผลอใช้มือเรียวประคองก้นแต่ไม่ทันที่คุณท่านและคุณระวีจะสังเกต
"จ้าลูกไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวสักพักมี๊จะเอายาขึ้นไปให้กินนะ"
"ครับมี๊"
"ขึ้นไหวมั๊ยลูกไม่ไหวเดี๋ยวให้พี่เขาช่วยพยุงขึ้น" ผมได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดีใจ
“ก็ดีเหมือนกันครับผมยังรู้สึกหมดแรงอยู่เลย รบกวนหน่อยนะครับพี่เมฆ...”
ยิ่งได้ฟังคำตอบรับแบบนั้นผมก็ยิ่งรู้สึกดีใจมาก ผมรีบลุกขึ้นเข้าไปประคองน้องเขาด้วยความเต็มใจแต่ทันทีที่ผมพาเขาขึ้นมาส่งนั่งลงบนเตียงนอนผมต้องกลับตกใจเพราะทำใจตั้งรับคำพูดของน้องก๊อปไม่ทัน
“ปล่อยมือสกปรกๆ จากตัวกรูเดี๋ยวนี้!”
“น้องก๊อป...”
สายตาดุดันและน้ำเสียงเหยียดๆ ที่เขาตั้งใจพูดใส่ผมด้วยท่าทีรังเกียจ
“มรึงคงคิดว่ากรูจะลืมเรื่องเชี้ยๆ ที่มรึงเพิ่งทำไว้กับกรูเมื่อคืนแล้วสินะ ถึงได้พูดดีๆ กับมรึงแบบนี้ กรูบอกไว้เลยนะ กรูจำฝังใจด้วยสิเรื่องเชี้ยๆ แบบเนียะ กรูเห็นแก่ปี๊และมี๊กรูเท่านั้นแหละ ออกไปจากห้องนอนกรูได้แล้ว เดี๋ยวเสนียดจะตกใส่ห้องกรู!”
ผมเงียบและไม่โต้ตอบอะไรน้องก๊อปแล้วเดินลงมาจากห้องนอนนั้นด้วยความรู้สึกผิดอีกครั้ง
"คุณท่าน คุณระวีครับ ถ้ายังไง ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"
"เมฆ ฉันต้องขอบใจเธอมากนะที่ช่วยดูแลลูกชายของฉัน ขอบใจเธอจริงๆ ฉันรบกวนเธอแค่นี้แหละจ้า กลับไปพักผ่อนเถอะนะ"
"สวัสดีครับ"
“สวัสดีจ้า ขับรถดีๆ นะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
ผมขับรถออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยความกระวนกระวายในใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับรู้สึกผิด เพราะอะไรทำไมน้องเขาไม่เอาเรื่องผมแทนที่เขาจะบอกความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาก็ได้แต่นี่เขากลับพูดจาปกป้องผมคืออะไรหรือว่าเขาจะทำเช่นนั้นเพื่อให้พ่อกับแม่ของเขาสบายใจตามที่เขาบอกผมตอนขึ้นไปส่งบนห้องนอนเท่านั้นเองหรือ ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดจนถึงเวลานอน ผมนอนคิดไปคิดมาเพื่อหาคำตอบกระทั่งเลยเวลานอนไปหลายชั่วโมงทำให้ผมต้องเพิ่งยานอนหลับทั้งที่ไม่เคยคิดจะแตะมัน
บริษัทส่งออก
"สวัสดีค่ะเมฆ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูเครียดๆ"
"เปล่าครับบี เหมือนนอนไม่ค่อยพอน่ะครับ"
"เหรอคะ คุณแน่ใจนะว่ารู้สึกแบบนั้น?"
สมกับเป็นคนรักของนายเมฆจริงๆ เลยเธอมองอาการผมออกทุกครั้ง
"คุณจับความรู้สึกผมได้"
"ค่ะ อย่าลืมสิบีเป็นแฟนเมฆนะ"
"ครับคุณเก่งมากแต่ปัญหานี้ผมอยากแก้ด้วยตัวเองก่อนครับ"
"ค่ะแต่ถ้าไม่ไหวยังไง ขอให้รู้ว่ามีบีอยู่ข้างๆ เมฆเสมอนะคะ" เธอพูดพลางยื่นมือมาจับที่บ่าของผม
"ขอบคุณนะครับคนดีของผม" ผมเองจึงเอื้อมมือวางบนมือของเธอเช่นกันมันช่วยทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นจากเดิมแต่เธอจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้
ช่วงพักเที่ยงที่โรงเรียนเอกชน
บรรดานักเรียนหญิงชายต่างเข้าแถวรอซื้ออาหารตามร้านอาหารประจำของโรงเรียนกว่า 15 ร้าน ดูเป็นระเบียบบ้างไม่เป็นระเบียบบ้างดูวุ่นวายดี เป็นไปได้ยังไงวันนี้ผมอยากหยุดเรียนมากแต่ใกล้สอบแล้วจึงหาเรื่องหยุดไม่ได้ สาเหตุที่อยากหยุดน่ะเหรอครับ ขี้เกียจตอบคำถามใครต่อใครว่าไปทำอะไรมาถึงมีสภาพแบบนี้ ไอ้ก๊อปไม่อยากพูดถึงมันครับ มันเลวร้ายกว่าที่ใครจะทนฟังได้แม้ขนาดผมเองยังอยากหาวิธีที่จะลืมมันเลยครับแต่มันไม่มีซะนี่ ผมเลยตอบพวกเขาไปว่าปีนเขากับครอบครัวเพื่อนมี๊มาแต่พลาดตกตีนเขาจึงได้สภาพนี้มาแล้วพวกเขาก็เชื่อ อืมดีเชื่อง่ายๆ แบบนี้แหละไอ้ก๊อปจะได้ไม่บาปมาก
"อ้าวเชิญแดรก...คร้าบ...คุณหนู" ไอ้เก่งพูดพลางวางจานข้าวพร้อมแก้วน้ำให้ผม ผมก็ขอบคุณมันแต่ไม่ใช่คำพูดกลับแต่เป็น...
ผัวะ!!
"ไอ้เชี้ย มรึงตบหัวกรูทำไมวะ เจ็บนะโว้ย" ไอ้เก่งประท้วงเสียงดัง
"ก็กรูขอบใจมรึงไง ที่เอาข้าวและน้ำมาให้กรูกินโว้ย ไม่ใช่แดรก นี่ไงที่กรูตบหัวมรึงเพราะใช้คำศัพท์ผิด ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ)"
"แล้วเจือกมาสุภาพอะไรวันนี้วะ สาส" มันลูบหัวตรงที่ถูกตบอย่างน่ากระทืบ ผมจำได้ว่าตบมันเบาๆ แต่ดูมันแสดง ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ)
"เห้ยไอ้เก่งอร่อยว่ะ ขออีกจานดิ"
"นี่มรึงแดรกใช่ป้ะ?"
ผมกำลังยกมือขึ้นเตรียมจะเสยมันอีกสักผัวะแต่มันรู้ตัวก่อนเลยวิ่งหนีไปต่อแถวซื้อข้าวให้ผมอีกจาน
ส่วนไอ้แว่นก็ไม่พ้นต้องไปซื้อน้ำให้ผมอีกแก้วเช่นกัน เห้ย มันเกิดอะไรขึ้นกับผมวะครับ กินเยอะจังวันนี้ พอจานสองมาก็หมดเกลี้ยงพร้อมน้ำอีกหนึ่งแก้วโดนพวกมันล้อซะสนุกปากเลยทั้งบ่ายนั้น
จนได้เวลาเลิกเรียนผมกับเพื่อนอีกสองตัวก็นั่งเล่นที่ประจำ ผมก็นั่งทำการบ้าน พวกมันก็นั่งเล่นไอโฟนตามเคยแล้วคอยลอกการบ้านจากผมอย่างที่แล้วๆ มา สบายจริงๆ นะพวกมรึง
สักพักรถเก๋งคันประจำก็มาจอดเทียบข้างฟุตบาทที่เดิม คนในรถเปิดประตูลงมาเดินตรงมาหาผมด้วยสีหน้าปนเศร้าเล็กน้อย ทันทีที่ผมเห็นมันผมอยากเข้าไปต่อยปากซักหมัด กระโดดถีบ ให้หนำใจแต่นี่เป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่นผมจึงทำได้เพียงแค่คิด
"น้องก๊อปครับกลับกันยังครับ"
"แปบหนึ่งครับพี่ทำการบ้านใกล้เสร็จแล้วครับ" ผมพยายามควบคุมความเกลียดที่คุกรุ่นอยูในใจให้เป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย
"พี่เมฆสวัสดีครับ" ไอ้เพื่อนชั่วทักทายมันพร้อมกันเลยนะมรึง พวกมรึงรู้มั๊ยมันทำอะกรูไว้ สาส
"สวัสดีครับ เก่ง แว่น ใกล้สอบยังครับเนี่ย"
"อาทิตย์หน้าแล้วพี่ พวกผมไม่รอดแน่เลยพี่ ก็มีแต่ไอ้ก๊อปนั่นแหละ แม่งเก่งอยู่คนเดียวไม่แบ่งพวกผมเลย"
"แล้วพวกมรึงสนใจเชี้ยอะไรที่ไหนล่ะห่วงแต่เล่นเกม ไม่ก็หม้อสาว"
ผมเห็นคนด้านหน้ายิ้มแก้มปริ มรึงยิ้มอะไรมรึง ผมด่าพี่เขาในใจไม่วายที่ไอ้เพื่อนสองตัวจะร่วมสมัครสมานสามัคคีกันหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนาน
"ผมทำการบ้านเสร็จละพี่ กลับบ้านกันเหอะ" พี่เขายิ้มกว้างกว่าเดิมเลยที่นี้
"ครับน้องก๊อป เด็กๆ พี่กลับก่อนนะครับ"
"สวัสดีครับพี่เมฆ"
พวกมันยังคงความพร้อมเพียงขณะที่ผมจะขึ้นรถก็มีเสียงเรียกชื่อผมจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันมอง
"ก๊อปครับ รอเจก่อน" เจ้าของเสียงกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาผม มาถึงก็นั่งคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าผม
"เจให้ เจชอบก๊อปมานานแล้วนะ รับดอกไม้จากเจได้มั๊ย?"
ผมถึงกับอึ้งเลยครับแต่เอ๊ะ มีคนที่อึ้งกว่าผมแล้วครับ ไอ้เมฆดูตกใจมากแสดงออกทางสีหน้าหมดเลย มันดูเหมือนไม่พอใจหรือหึงอะไรประมาณนั้นแหละ ผมเห็นแบบนั้นจึงยื่นมือไปรับดอกไม้มาดมอย่างรู้ทันอาการของมัน หากเป็นไปได้ผมอยากทำให้มันกระอักเลือดตายไปได้ยิ่งดีครับ
"ขอบคุณนะ ดอกไม้สวยจัง อืม หอมด้วย ก๊อปเคยเห็นเจมาวนเวียนแถวโต๊ะที่ก๊อปและเพื่อนๆ นั่งอยู่บ่อยๆ อ่ะ"
ผมพูดเสียงเล็กเสียงน้อยให้ดูน่ารักและแฝงความออดอ้อนในตัว ผมเหลือบมองมันเป็นระยะๆ มันหน้าแดงกล่ำ ดูสั่นๆ ผมยิ่งชอบใจเลยถือวิสาสะเดินเข้าไปหอมแก้มเพื่อนใหม่คนนั้นทีหนึ่ง เกินคาดครับ พี่เขารีบขึ้นรถแล้วบีบแตรใส่ผมยาวๆ หนึ่งที ผมยิ้มไม่หุบเลยครับยิ้มด้วยความสะใจ ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ)
"ก๊อปขอตัวก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้นะเจ"
ผมพูดพลางเปิดประตูรถแต่ทุกคนยังอึ้งและทึ่งกับสิ่งที่ผมทำไม่หาย เมื่อผมปิดประตูรถกำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัย ผมก็ถูกพี่เขาจับแขนกระชากเข้าหาตัวพี่เขาอย่างแรง
"ทำอะไรแบบนั้น ห๊ะ!!"
แววตามันดูดุและน่ากลัวมากเหมือนคืนนั้นเลย ทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีแต่ต้องข่มความกลัวนั้นไว้เพราะไม่อยากเสียฟอร์ม
"โอ๊ย!! ปล่อยกรูนะ กรูเจ็บ" มันผ่อนแรงลงแต่ไม่ยอมปล่อยมือจากแขนผม
"แล้วเมื่อกี๊ทำอะไรยังไม่ตอบเลย" น้ำเสียงมันยังคงดุอยู่ในทุกถ่อยคำแต่ผมยังคงเถียงเพื่อรักษาฟอร์มอยู่ครับ
"กรูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกรูป้ะ ชีวิตกรู กรูจะกลับบ้าน"
"ไม่ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน"
แต่ไอ้เมฆยังดื้อดึงที่จะรู้ให้ได้ทั้งที่มันน่าจะเห็นในสิ่งที่ผมทำนะแล้วจะถามเพื่อให้ได้อะไรขึ้นมาผมจึงพูดตัดปัญหา
"งั้นกรูกลับเอง" เมื่อผมพูดจบจึงปลดเข็มขัดนิรภัยแต่ไม่ทัน...
"จะไปไหน มานี่"
มันกอดคอดึงผมเข้าไปจูบอย่างเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน รู้ตัวอีกทีริมฝีปากบางของผมกำลังถูกปากมันดูดจนรู้สึกเจ็บ จึงดึงตัวเองกลับแล้วต่อยปากมันไปกนึ่งที กำลังจะใส่หมัดที่สองมันเจือกจับข้อมือผมไว้ทัน
"จะอยู่นิ่งๆ มั๊ย ถ้ายังจะดื้ออีกพี่จะเปิดกระจกรถแล้วจูบโชว์เพื่อนๆและมีนักเรียนคนนั้นเลย ห๊ะ เอามั๊ย?" คราวนี้ขณะที่มันกำลังจะกดสวิตเลื่อนกระจกรถยนต์ลง
"อย่านะ" ตอนนี้มันถือไพ่เหนือกว่า ผมเลยไม่อยากลองดีซักเท่าไหร่
"กรูเกลียดมรึง" ผมบ่นพึมพำในลำคอ
"พูดอะไร หรือจะเอา" มันเจือกได้ยินเวรกรรมกรูแล้ว
"เปล่า ขับไปได้แล้วอยากกลับบ้าน!"
ผมพูดพลางรู้สึกระแวงกลับทำให้มันยิ้มและหัวเราะได้เหมือนได้ชัยชนะ กรูไม่ใช่ตัวตลกนะโว้ยย ขำเพื่อ กว่ารถจะเคลื่อนออกจากบริเวณนั้นคนด้านนอกรถคงคิดไปไกลแล้วมั้ง
ไอ้เก่ง ไอ้แว่น ช่วยกรูด้วย!!!!