"แกล้งหลับหรือหลับจริงอ่ะน้องก๊อป มาถึงรถแล้วครับ" ผมได้ยินเสียงพี่เขาเรียกขณะหลับตาคิดอะไรเพลินๆ ในวงแขนใหญ่
"ถึงแล้วหรอครับ ก๊อปกำลังหลับเพลินๆ เลยครับ เฮ้อ..." ผมค่อยๆ ลืมตาเพื่อสำรวจพื้นที่รอบๆ ตัวว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น
"ถึงรถแล้วครับ ยืนแปบหนึ่งไหวมั๊ยครับ พี่จะเปิดประตูรถให้"
ผมพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่พี่เมฆจะค่อยๆ วางผมยืนข้างรถแล้วกดสวิตเพื่อเปิดประตูรถให้ จังหวะนั้นขาผมเกิดอ่อนขึ้้นมากะทันหัน
"ระวังน้องก๊อป...เกือบไปแล้วมั๊ยล่ะมาครับขึ้นรถ" พี่เขาร้องทักแล้วคว้าตัวผมไว้ทันก่อนจะล้มลงหัวฟาดฟุตบาทข้างทาง
"พี่...ผมง่วง อยากนอนอ่ะ ตอนนี้ปวดหัวมากด้วย"
"แต่อีกไกลเลยนะกว่าจะถึงบ้านน่ะ" พี่เขาอธิบายด้วยสีหน้าเครียดๆ เมื่อผมบอกว่าอยากนอนและปวดหัวมาก
"ไม่ไหวแล้วครับก๊อปอยากนอน...” ผมยืนกรานคำเดิมก่อนเรอเสียงดังลั่นรถ
"ถ้าอย่างนั้นคืนนี้นอนที่นี่ก่อนแล้วกัน จะเอาอะไรมั๊ยครับพี่จะแวะเซเว่น" ผมแหงนมองป้ายชื่อโรงแรงชื่อดังของพัทยาก่อนที่พี่เขาจะจอดเทียบข้างฟุตบาทหน้าเซเว่นปากทางเข้าโรงแรม
"ไม่ครับก๊อปอยากนอนมากกว่า"
เมื่อพี่เขาลงจากรถ ผมก็เอนเบาะลงนอนสายตาผมเหลือบไปเห็นร้านขายของชำที่ตั้งอยู่ถัดไปจากเซเว่นประมาณสองล็อก ผมมองเข้าไปเห็นขวดเบียร์สีสวยตั้งเรียงกันอยู่ในตู้แช่ มันช่างดูดึงดูดผมมากเลยล่ะครับ ผมไม่รอช้ารีบลงไปซื้อขณะที่ขาทั้งสองข้างแทบจะก้าวไม่ไหวด้วยซ้ำ ทันทีที่จ่ายเงินเรียบร้อยผมก็ไม่รอช้ารีบกระดกเบียร์ขึ้นดื่มอย่างกับคนที่หิวกระหายก็ไม่ปาน ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกรอบแบบรวดเดียวเพราะกลัวพี่เมฆจะมาเห็นก่อน จนเบียร์เหลือติดขวดไม่กี่อึกแล้วนำขวดไปทิ้งถังขยะทันที ก่อนจะรีบกลับมาที่รถเปิดประตูก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าคนที่ผมกลัวมากที่สุดได้นั่งรออยู่ในรถเป็นที่เรียบร้อย เขามีสีหน้าไม่ค่อยพอใจอย่างเห็นได้ชัด 'ตายแล้วมั๊ยล่ะไอ้ก๊อปเอ๊ย!!'
"ไปไหนมา?"
"ก๊อปลงไปอ้วกมาครับ"
พี่เขาเงียบไม่พูดอะไรต่อจนเดินเข้าเช็คอินที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็มีพนักงานเดินนำเราทั้งคู่ขึ้นห้องระหว่างนั้นผมก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมพี่เขาดูเงียบแบบนี้วะ มันจะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือเปล่าเนี่ย?
"ขอบคุณนะครับ"
มารู้ตัวอีกทีก็ถึงหน้าห้องพักแล้ว ได้ยินพี่เขาขอบคุณพนักงานก่อนที่คนเงียบจะยื่นทิปให้พนักงานผู้นำทางมาที่ห้องพัก ห้องสวยมาก เตียงขนาดใหญ่พร้อมเฟอร์นิเจอร์อีกไม่กี่ชิ้นถูกจัดวางอย่างสวยงาม ผมไม่รอช้ากระโดดขึ้นเตียงล้มตัวนอนอย่างแรง จึงทำให้อาการปวดหัวกลับมาอีกครั้งแต่หนักกว่าเดิมทำให้ผมต้องลุกขึ้นนั่งกุมขมับทันที
"ยังปวดหัวอยู่เหรอครับน้องก๊อป?" น้ำเสียงฟังดูเย็นชาจังวะ
"ปวด...หัว...ครับ...พี่เมฆ" 'ทำไมเสียงกรูยานจังวะ' ผมบ่นตัวเองในใจ
"นี่เครื่องดื่มช่วยลดอาการแฮงค์พี่ซื้อมาให้ แต่ตอนนี้คงไม่ต้องกินละเอานี่ไปแทนละกันนะน้องก๊อป!" พี่เขาทิ้งเครื่องดื่มนั้นลงถังขยะแล้วยื่นเบียร์ให้ผมแทน
"พี่จะบ้าเหรอ ก๊อปปวดหัวนะต้องกินยาสิมาส่งเบียร์ให้ทำไม" ผมโวยวายด้วยความไม่พอใจบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งไปกันใหญ่
"ก็เห็นว่าชอบกินไม่ใช่เหรอ ขนาดบอกพี่ว่าปวดหัวแต่กลับไปซื้อเบียร์มากินเพิ่มอีก แบบนี้จะหายมั๊ยล่ะปวดหัวน่ะ"
ชัดเลยน้ำเสียงแบบนี้ประชดกรูชัวร์ ไอ้ก๊อปก็ขึ้นสิครับ เอ้อ...
"พี่พูดแบบนี้จะหาเรื่องก๊อปเหรอ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เพราะพี่ไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่ไม่รับหน้าที่ดูแลบ้าบออะไรนั่นก๊อปกับมี๊ก็คงไม่ทะเลาะกันและถูกมี๊ตบแบบนี้หรอก..."
"พี่ขอโทษ ก๊อป" ดูพี่เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ผม
"ไม่ทันละ อีกอย่างพี่ไม่มีสิทธิ์มาว่าก๊อป ไม่มีสิทธิ์มาบ่นก๊อปและไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวก๊อปด้วย พี่มีหน้าที่เพียงดูแลความปลอดภัยและรับ ส่งก๊อปเท่านั้น"
คนตรงหน้าเงียบไปเลยครับ เงียบสนิทไม่โต้ตอบอะไรผมสักคำ
"ต่างกันมาก... ต่างกันจริงๆ..." เหมือนพี่เขาพูดอะไรลอยๆ ออกมา
"อะไรต่างเหรอครับ อ๋อ! น้องตุ๊ดของพี่ที่เคยเล่าให้ก๊อปฟังน่ะเหรอ เหอะ! มันต้องต่างกันอยู่แล้ว ตุ๊ดกับผู้ชายอย่างก๊อปน่ะ...." ไม่ทันที่ผมจะพูดจบพี่เขาพูดสวนขึ้นจนผมรู้สึกตกใจกับน้ำเสียง
"หยุดนะก๊อป ก๊อปไม่มีสิทธิ์มาว่าน้องพี่แบบนี้นะ..."
ไม่วายที่ผมจะแย้งขึ้นด้วยเหตุผลของตัวเอง
"ไม่หยุด! ถ้าพูดถึงความต่างระหว่างน้องตุ๊ดของพี่กับก๊อปยังมีอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแข็งแรง ความหล่อ ความแมน ความรวย เป็นผู้ชายแต่ทำตัวอ้อนแอ้นเหมือนตุ๊ด..."
"พี่บอกให้หยุด!" หน้าพี่เขาเริ่มแดงมีเม็ดเหงื่อผุดตามใบหน้า ดวงตาแดงกล่ำ กำหมัดแน่น ตัวสั่นเทา แต่คนอย่างผมก็ไม่หยุดเพราะด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่คอยสั่งการอย่างไร้สติ
"ไม่หยุดพี่จะทำไม ห๊า! ถ้าน้องพี่ไม่เป็นตุ๊ดนะคงไม่ถูกข่มขืนจนตายแบบนั้นหรอก..." ผมยืนสาดคำพูดที่คิดว่าน่าจะทำให้เขาเจ็บปวดที่สุดออกไป
จนเขาฟิวส์ขาด...
"ไอ้ก๊อป!!" พี่เมฆตวาดใส่ผมเสียงดังลั่นก่อนจะคว้าตัวผมเข้าไปกอดแล้วจับใบหน้าผมให้นิ่งก่อนจะฝังริมฝีปากของเขาบนริมฝีปากผมรุนแรงเนิ่นนานจนผมได้สติจากการเมา ริมฝีปากหนาเริ่มบดเบียดกับริมฝีปากบางของผมจนรู้สึกอึดอัด ผมดิ้นสุดแรงเกิด ทั้งเตะ ทั้งต่อย ทั้งข่วนแต่ไร้ผล
ผมร้องตะโกนสุดเสียงแต่เป็นได้เพียงเสียงอู้อี้ในลำคอเพราะปากผมถูกอุดด้วยปากหนาของพี่เมฆตลอดเวลา ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนที่ถูกทำแบบนั้นบวกกับความรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก นี่ผมหนีเสือปะจระเข้หรอเนี่ย ผมร้องอู้อี้อยู่ตลอดกลับไม่มีวี่แววว่าพี่เขาจะหยุดการกระทำอันเลวร้ายนั้น สายตาพี่เมฆดูดุมากทำไห้ผมกลัวมาก เหตุการณ์เลวร้ายขึ้นกว่าเดิมเมื่อเขาทุ่มผมลงกับเตียงใหญ่
"ไอ้พี่เมฆ หยุดนะ...หยูด!...พี่จะทำอะไรก๊อปอ่ะ ปล่อยนะ...ไอ้พี่ชั่ว!...ปล่อยกรู...ปล่อย..."
พี่เขากระโดดคร่อมบนตัวผมอย่างเร็วก่อนจะระดมจูบผมอีกครั้งทั่วใบหน้า ตามซอกคอ มือไม้พี่เขาสะเปะสะปะไปทั่วร่างผมโดยไม่ฟังคำห้ามจากผม ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดเวลาแต่กลับเหมือนเป็นสิ่งกระตุ้นอารมณ์พี่เมฆให้ลุกโชนราวกับเปลวไฟจากนรก
"ยังจะปากดีอีกมั๊ยห๊ะ! บอกให้หยุดเคยฟังกันบ้างมั๊ย!?" พี่เขาพูดไปก็ปลดเปลื้องเสื้อผมไป ผมทั้งตี ทั้งต่อยเขาสุดแรงแต่ไม่ทำให้พี่เขาสะท้านเลยแม้แต่น้อย คนตัวเล็กที่เพิ่งสร่างเมาจะไปสู้แรงชายตัวใหญ่อย่างไรได้
"ปล่อยกรูนะไอ้เลว กรูจะเอาเรื่องมรึงให้ถึงที่สุด ไอ้ชั่ว..." และสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
"ต่อไปนี้ ก๊อปจะไม่กล้าปากดีกับพี่อีก!!"
เมื่อสิ้นเสียงพี่เขาก็จับผมให้นอนพลิกคว่ำลงแล้วทำร้ายส่วนบอบบางที่สุดของผมอย่างรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง ผมรู้สึกเจ็บและจุกมากจนน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา ทั้งผลัก ทั้งดันตัวพี่เขาก็ไม่สามารถสู้แรงพี่เขาได้เหมือนเดิม ผมอ้อนวอนพี่เขาคล้ายกับคนที่ใกล้ตายร้องขอชีวิตเพื่อให้เขาหยุดทำร้ายผม อีกฝ่ายกลับไม่ฟังอะไร ยิ่งดึงดันทำร้ายผมรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความโกรธ จนกระทั่งผมสลบแล้วหลับไปตอนไหนไม่รู้
ช่วงสายของอีกวันซึ่งมันตรงกับวันเสาร์ที่ผมวางแผนว่าจะไปนอนบ้านไอ้แว่น ทุกอย่างกลับพังทลายเพราะมันคนเดียว
ผมรู้สึกตัวอีกครั้งจากแสงแดดจากดวงอาทิตย์สาดเข้ามาภายในห้องส่องสว่างทำให้ผมรู้สึกเคืองตา ผมจึงค่อยๆ ลืมตาสู้แสงแดดอ่อนๆ ที่ผ่านการกรองจากผ้าม่านสีขาวนั้น ผมมองเห็นร่างใครสักคนรางๆ ที่ยืนอยู่ด้านนอกหลังผ้าม่าน ทันทีที่ผมขยับตัวความเจ็บปวดทั่วร่างก็เกิดขึ้น
"โอ๊ย!!..." เสียงผมคงทำให้คนด้านนอกได้ยินแล้วรีบหันพร้อมกันเดินเข้ามาหาผมที่เตียงทันที คนๆ นั้นคือไอ้เชี้ยเมฆ คนชั่วที่ทำร้ายไอ้ก๊อปเมื่อคืนนี้นี่เอง
"ตื่นแล้วหรอครับน้องก๊อป" พี่เขามาลงนั่งข้างๆ ผมแล้วกำลังจะยกหลังมือมาเพื่อแตะหน้าผากผม ผมรีบปัดมือพี่เขาออกฉับไว ยิ่งทำให้รู้ว่าความเจ็บปวดมันวิ่งทั่วทุกส่วนของร่างกายของผม โดยเฉพาะส่วนบอบบางมากกว่าส่วนอื่นจนผมไม่สามารถจะกลั้นน้ำตาไว้อยู่
"ไม่ต้องมาถูกตัวกรู มรึงจะไปไหนก็ไป!!"
ผมปฏิเสธอย่างเคืองแค้นสุดๆ มันกลับนิ่งเฉยไม่โต้ตอบอะไรผม มันทำสีหน้าเศร้าคล้ายคนรู้สึกผิด ผมค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกนั่งความเจ็บมันก็แปลบเข้ามาเหมือนตัวผมจะแยกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาลูกผู้ชายของผมไหลนองแก้มขาวไม่หยุด
หลังจากผมนั่งได้ถนัดมันยังคงพยายามยื่นมือมาช่วยประคองตัวผมเป็นระยะ ด้วยความสะอิดสะเอียนผมยกมือขึ้นปัดออกทุกครั้ง ความกลัว อาการผวาหมดไปจนสิ้น ผมนั่งสำรวจร่างกายตัวเองที่เปลือยเปล่าอยู่ภายใต้ผ้านวมผืนหนาสีขาว รอยฟกช้ำตามจุดต่างๆ ตามร่างกายเริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นเนื่องจากเพิ่งผ่านการถูกทำร้ายมาไม่กี่ชั่วโมง ผ้าปูเตียงสีขาวก็มีรอยสีแดงเป็นคราบแห้งๆ หลายจุด ทำให้รู้ว่าเมื่อคืนผมถูกคนชั่วมันทำร้ายร่างกายผมรุนแรงมากแค่ไหน
ผมเหลือบมองมันด้วยแววตาเคืองแค้น นัยตามันดูเศร้ามากมากเสียจนผมอยากจะฆ่ามันให้ตายคามือในตอนนั้น แววตามันบ่งบอกถึงความรู้สึกผิดแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตามแขน ลำคอและอกกว้างของมันล้วนมีรอยขีดข่วนจากเล็บคมเกือบทั้งตัว ขณะที่ผมกำลังคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่นั้นมันพูดอะไรบางอย่างกับผม
"พี่ขอโทษ..."
มันยกมือขึ้นขอโทษผมด้วยสีหน้าและแววตาที่เศร้าเสียใจ น้ำตาลูกผู้ชายค่อยๆ ไหลอาบแก้มคนตรงหน้าผมท่วมท้น ผมกลับรู้สึกโกรธ ทั้งเกลียดคนตรงหน้า ผมกำหมัดแน่นและต่อยมันแบบไม่ยั้งมือไปหลายทีด้วยน้ำตาแห่งความโกรธแค้น ตอนนี้ความโกรธแค้นได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นความเกลียดชังไปแล้ว ผมต่อยมันไม่หยุดจนหมดแรงมันกลับจับมือผมข้างที่ต่อยไปลูบหลังมือเบาๆ มือผมแตกมีเลือดซึมนิดหน่อย มุมปากมันมีเลือดไหลเหมือนกัน ผมรีบดึงมือกลับแล้วพยายามประคองตัวเองเดินไปห้องน้ำด้วยความลำบาก
"จะเข้าห้องน้ำเหรอครับเดี๋ยวพี่ช่วยนะ..."
มันรีบลงมาจากเตียงเข้ามาช่วยประคองผมยืน เบอร์ผมบ่อยกว่าความคิดเช่นเคยก่อนจะรีบปัดมือมันให้ออกไปจากตัวผม แต่คราวนี้ผมล้มด้วยความอ่อนแรงบวกกับความเจ็บปวดตรงส่วนบอบบาง มันเข้ามารับตัวผมไว้ทัน จึงทำให้ตัวผมทับอยู่บนตัวมันพอดีเลยไม่เจ็บเท่าไร เมื่อลืมตาขึ้นเห็นว่าตัวผมเองกำลังนอนทับบนตัวคนที่ผมเกลียดมากที่สุดในตอนนี้ ผมรีบลุกออกจากตัวมันด้วยแรงเกลียดชังมากขึ้นทันที
"อย่าดื้อสิครับ ม่ะพี่ช่วย น้องก๊อปอาบน้ำไม่ได้นะครับมีไข้อยู่ เมื่อเช้าพี่เพิ่งเช็ดตัวให้" มันยิ้มให้ผมพลางยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากแต่ผมกลับรู้สึกเฉยๆ กับสิ่งที่เห็น
"เรื่องของกรู ไม่เกี่ยวกับมรึง กรูจะทำอะไรก็ตัวกรู"
มันก็เข้ามาพยุงผมเข้าห้องน้ำได้สำเร็จ ผมไม่ขัดขืนเพราะรู้ตัวว่าไม่มีแรงจริงๆ จนกระทั่งผมทำธุระส่วนตัวเสร็จด้วยความเจ็บปวดปนอาการแสบที่จุดบอบบาง มันเห็นว่าผมตัวเปียกเดินออกจากห้องน้ำ เตรียมจะว่าผมแต่เมื่อเห็นสายตาผมทุกอย่างก็เงียบโดยอัตโนมัติ ผมแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าตัวเดิมโดยมีมันช่วยทุกขั้นตอน ผมเห็นรอยยิ้มเล็กๆ จากมันตลอด ผมกลับรู้สึกรังเกียจ รังเกียจที่สุด...
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมเปิดโทรศัพท์แล้วโทรหามี๊เป็นคนแรก
"สวัสดีครับมี๊"
"ก๊อป...ก๊อปอยู่ไหนลูกเป็นยังไงบ้างลูก รู้มั๊ยมี๊เป็นห่วง มี๊ขอโทษที่ตบลูกนะคะ มี๊รักและเป็นห่วงก๊อปเสมอนะลูก เมื่อคืนมี๊นอนไม่หลับ…" มี๊ผมพูดปนน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
"มี๊ก๊อปขอโทษ ก๊อปเข้าใจถึงความเป็นห่วงของมี๊แล้วครับ ก๊อปอยากกลับบ้านไปหามี๊...ฮือๆๆ..." ผมเองก็อดร้องไห้ตามมี๊ไม่ได้
"ไม่เจอพี่เมฆเหรอลูก พี่เขาไปตามหาลูกนะก๊อป" ผมเหลือบตามองคนที่ถูกพูดถึงด้วยความเกลียดชัง
"เจอครับ แต่ก๊อปอยากให้มี๊มารับก๊อปนะครับ"
คนตรงหน้าผมถึงกับหุบยิ้มเมื่อได้ยินผมพูดกับปลายสายแบบนั้น
"ได้จ้ะลูก เดี๋ยวมี๊ให้ลุงคนขับรถไปรับได้มั๊ยจ๊ะ มี๊ติดธุระช่วงเที่ยงน่ะลูกมาเจอกันที่บ้านนะคะ"
"ครับมี๊ ให้ลุงมารับก๊อปกลับก็ได้ครับ ก๊อปอยากกอดมี๊เต็มทีแล้ว ถ้าออกมาแล้วโทรหาก๊อปนะครับมี๊เดี๋ยวก๊อปลงไปรอหน้าฟร็อนท์ครับ"
"ได้จ้า ลูกชายมี๊"
ผมกดวางสายจากผู้เป็นแม่แล้วหยิบโทรศัพท์โรงแรมโทรให้พนักงานขึ้นมารับ
ไม่ถึง 5 นาที พนักงานสุดหล่อประจำโรงแรมก็เคาะประตู
"เข้ามาได้ครับไม่ได้ล็อกประตู"
"สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยครับคุณผู้ชาย" พนักงานหนุ่มหล่อพูดทักทาย
"อ๋อ คือผมจะกลับแล้วครับเลยโทรให้ขึ้นมารับหน่อยอ่ะครับ พอดีไม่ค่อยสบายจึงอยากกลับบ้านครับพี่ พี่ช่วยพยุงก๊อปหน่อยได้มั๊ยครับก๊อปเดินไม่ไหวอ่ะครับ"
พอผมคว้ากระเป๋าสะพายและกระเป๋าตังค์ได้ก็ลุกขึ้นกอดคอพนักงานหนุ่มอย่างจงใจ
"เอ่อ แล้วคุณผู้ชายอีกท่านล่ะครับ"
"เขายังไม่กลับหรอกครับ เราไปกันเถอะครับพี่ผมอยากจะกลับบ้านจะแย่แล้วครับ ตัวพี่หอมจังเลยครับขอผมหอมแก้มพี่จะได้มั๊ยครับ"
ผมหันกลับมาทางพนักงานหนุ่มอีกครั้งและไม่ลืมที่จะหอมแก้มขาวๆ ฟอดใหญ่โดยไม่รอคำตอบจากพนักงานหนุ่มว่าเขาจะอนุญาตให้ผมหอมแก้มหรือเปล่า แล้วตามด้วยการซบไหล่กว้าง กอดเอว พนักงานหนุ่มถึงกับเขินหน้าแดงแล้วโอบเอวผมกลับต่อหน้าไอ้เมฆ มันมีสีหน้าตกใจก่อนจะเดินมาเตรียมจะห้ามการกระทำของผม สายตาผมไวกว่าความคิดก่อนจะมองเขม็งใส่มันเลยเป็นผลให้ไม่เกิดอะไรขึ้น