ผมไปส่งน้องก๊อปถึงโรงเรียนโดยปลอดภัย บรรยากาศภายในรถยนต์เงียบตลอดทาง โดยไม่รู้เลยว่าคนข้างๆ ผมเขากำลังคิดอะไรอยู่แต่ทุกครั้งที่เราสบตากัน ผมต้องพบกับสายตาแฝงความเกลียดชังตลอด เมื่อน้องเขาเปิดประตูรถผมทำได้เพียงโบกมือทักทายเด็กๆ จากในรถ ไม่กล้าลงไปเผชิญหน้าพวกเขา เพราะผมรู้ว่าพวกเขายังต้องถามถึงเหตุการณ์เมื่อ 5-6 วันก่อนเป็นแน่ แล้วไอ้น้องผู้ชายที่เอากุหลาบให้น้องก๊อปวันนั้นล่ะความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะเป็นยังบ้างล่ะเนี่ย แค่คิดผมก็รู้สึกไม่ดีแล้ว
ป๊อกๆ
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะกระจกรถด้านคนขับ น้องผู้ชายคนนั้นเขาทำท่าเหมือนให้ผมลดกระจกลง
"มีอะไรครับน้อง"
ผมเอ่ยถามน้องผู้ชายที่มาเคาะกระจกรถยนต์ของผม เห้ย นี่มันน้องคนที่เอากุหลาบมาให้น้องก๊อปนี่หว่ากำลังนึกถึงพอดีเลย
"ผมถามพี่อย่างลูกผู้ชายนะครับ พี่เป็นอะไรกับก๊อปครับ" น้องเขายิงคำถามด้วยสีหน้าจริงจังมาก
"พี่เป็นคนดูแลน้องก๊อปครับ ขับรถรับส่งน้องเขาครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ"
"เปล่าครับ ถ้าพี่ยืนยันแบบนี้ผมจะได้จีบก๊อปได้เต็มที่ครับ ผมชื่อเจครับพี่"
ผมรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินประโยคนั้นแต่ต้องเก็บอาการเพื่อไม่ให้น้องเจเขารู้ว่าผมกำลังรู้สึกยังไงหลังจากได้ยินประโยคนั้น
"พี่ชื่อเมฆครับ"
"ครับพี่เมฆ ตอนแรกผมคิดว่าพี่กับก๊อปเป็นแฟนกันนะครับ ผมแอบชอบก๊อปมานานแล้วครับ ตั้งแต่ผมอยู่ม.4 จนม.6 แล้วครับ เราอยู่กันคนละห้องครับ"
เป็นเวลาเกือบสามปีสินะที่น้องเขาแอบชอบน้องก๊อป ผมล่ะยังไม่ถึงสองอาทิตย์ดีเลย
"อ๋อครับเจ ยังไงพี่ขอตัวก่อนครับ"
"ครับพี่ สวัสดีครับพี่เมฆ"
"สวัสดีครับ"
ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นรอยยิ้มอย่างมีความสุขของน้องเขาที่พูดถึงน้องก๊อป ผมจึงตัดสินใจออกรถทันทีเพื่อไม่ให้ความเศร้าครอบงำจิตใจของผมได้ทัน
โต๊ะม้าหินอ่อนตัวประจำหลังจากที่ผมลงจากรถเก๋งของคนชั่วที่มาส่งเมื่อเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ ตัวดีมันก็ยิงคำถามใส่ผมทันทีจนแทบตั้งตัวไม่ทัน
"ทำไมวันนี้พี่เมฆไม่ลงรถวะไอ้ก๊อป" ไอ้เก่งถามขึ้นขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ
"กรูจะรู้มั๊ยวะ เขาคงรีบไปทำงานมั้ง กรูก็ไม่ได้ถามว่ะ" ผมตอบเสียงเอื่อยๆ
"เออ จริงดิ ทุกทีเห็นลงมาทักทายพวกกรูแต่วันนี้แปลกๆ มรึงมีปัญหาอะไรกันเปล่าวะไอ้ก๊อป" ไอ้แว่นเสริมโดนใจผมเป๊ะ
"ไม่มีอ่ะ แล้วกรูกับพี่เขาต้องมีปัญหาอะไรกันด้วยวะ" ผมพูดเชิงปฏิเสธ
"แต่เท่าที่พวกกรูสังเกตเหมือนมรึงกับพี่เขามีปัญหากันจริงๆ นะ มรึงแปลกไปจากแต่ก่อน มรึงรู้ตัวมั๊ยไอ้ก๊อป" ไอ้แว่นอธิบายต่อ
"กรูแปลกอะไร พูดดีๆ นะโว้ย กรูก็เป็นเพื่อนพวกมรึงอยู่นี่แปลกไรวะ"
"ก็มรึงดูหงุดหงิดง่าย ชอบประชดประชัน ขี้บ่น ขี้วีนมากขึ้น นิสัยคล้ายผู้หญิงเข้าไปทุกทีแล้วนะมรึง รู้ตัวบ้างป้ะ?"
ผมตกใจที่ไอ้เก่งมันบอกว่านิสัยคล้ายผู้หญิงเข้าไปทุกทีเอ๊ะหรือว่า...
"เดี๋ยวพวกมรึงโดนโบก กรูเป็นผู้ชายนะโว้ยสัส นิสัยจะเหมือนผู้หญิงได้ไงวะ" ผมยืนกรานคำเดิม
"ไอ้ก๊อป กรูจะบอกมรึงให้ มรึงดูเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่มรึงหนีไปพัทยาแล้วโว้ยพวกกรูสังเกตมรึงมาตลอดนะ มรึงจะมาโกหกพวกกรูไม่ได้หรอก มันเกิดอะไรขึ้นกับมรึงวะ มรึงบอกพวกกรูได้นะเพื่อน"
น้ำเสียงบวกกับแววตามันทั้งคู่ที่แสดงออกถึงความห่วงใยผมมากจนผมรู้สึกตื่นตันในคำพูดกับแววตาของมันทั้งคู่ ทำให้น้ำตาลูกผู้ชายของผมเอ่อล้นตาคู่สวยของผมอย่างอดไม่ได้
"เห้ย ขอบใจพวกมรึงทั้งสองคนมากนะโว้ยที่เข้าใจกรู แต่กรูไม่อยากพูดถึงมันอีกให้มันจบหายสาบสูญไปกับช่วงเวลาที่เลวร้ายไปเถอะว่ะ"
ผมปาดน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุด จู่ๆ ก็มีมือหนึ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวให้ผมจากด้านข้างลำตัว
"เช็ดน้ำตาเถอะ เจไม่อยากเห็นก๊อปร้องไห้แบบนี้เลย ไม่ว่าก๊อปจะเจออะไร ขอให้เจช่วยปลอบโยนก๊อปได้มั๊ยครับ"
รอยยิ้มแห่งมิตรภาพที่ส่งมาถึงใจของผม ผมยิ้มตอบเจพร้อมรับผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาอย่างขอบใจ
"ขอบใจนะเจ"
"ไม่เป็นไรครับ ก็ก๊อปเป็นคนสำคัญของเจอยู่แล้วนี่"
เจพูดพลางฉีกยิ้มกว้างให้ผมทำให้หัวใจผมพองโตอย่างบอกไม่ถูกกับคำพูดของเจ ส่วนไอ้เพื่อนสองตัวก็ส่งเสียงแซวกันจนไอ้ก๊อปรู้สึกเขิน เห้ยกรูเป็นไรวะเนี่ย??
"เห้ยไอ้เจน้อยๆ หน่อย เพื่อนกรูเขินจิ๊บหายแล้วโว้ย"
ไอ้แว่นพูดพลางตบบ่าเจเบาๆ ผมเองก็ยังสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นภายในใจของผมตอนนี้ สิ่งที่ไอ้เก่งและไอ้แว่นพูดมันถูกหมด ถ้าอย่างนั้นคงไม่ผิดอะไรที่ผมจะทำตามหัวใจปรารถนาของตนเอง
"มรึงสองคนจะไม่โกรธ จะไม่เกลียด จะไม่เลิกคบกรูใช่มั๊ย ถ้ากรูจะขอเป็นในสิ่งที่ใจกรูต้องการ" ผมพูดช้าๆ ให้มันเข้าใจ
"เอาที่มรึงสบายใจเลยไอ้ก๊อป พวกกรูเป็นเพื่อนมรึงยังไงก็เป็นเพื่อนมรึงเหมือนเดิมโว้ยเพื่อน อีกอย่างพวกกรูก็ไม่เคยคิดว่าพวกกรูมีเพื่อนเป็นผู้ชายอยู่แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ)"
ผัวะ!! ผัวะ!!
“โอ๊ย พวกกรูเจ็บนะโว้ย"
มือผมยังไวกว่าความคิดเหมือนเดิมครับ ผมตบหัวพวกมันคนละทีพลางน้ำตารื้นด้วยความดีใจที่เพื่อนอย่างพวกมันยอมรับกับสิ่งผมเป็นได้ ทำให้เจิดยิ้มทั้งน้ำตาไม่ได้เช่นกัน
"ขอบใจมรึงสองคนมากๆ นะโว้ยที่เข้าใจแล้วยอมรับกรู กำลังจะซึ้งอยู่แล้วเชียว มรึงทำเสียบรรยากาศสมน้ำหน้า" ผมโผเข้ากอดพวกมันทั้งน้ำตาปนดีใจ
"เริ่มต้นนับ 1 กับเจได้มั๊ยก๊อป เจจะขอเป็นคนดูแลก๊อปเอง ส่วนอดีตที่ผ่านมาก็ลืมมันไปให้หมด"
นี่ผมกำลังถูกขอเป็นแฟนเหรอครับ เดี๋ยวๆ มรึงต้องจีบกรูก่อนป้ะแล้วค่อยตกลงเป็นแฟน นี่มรึงข้ามขั้นนะไอ้เจ แต่...
"ก๊อปตกลงเราจะนับ 1 ไปด้วยกัน" เมื่อผมพูดจบเจก็เดินเข้ามาจับมือผมอย่างอ่อนโยนทำให้เพื่อนอีกสองคนถึงกับเตือน
"นี่เป็นสิ่งที่พวกมรึงตกลงกันแล้วนะ หากเกิดอะไรขึ้นในอนาคตพวกมรึงต้องช่วยกันรับมือและแก้ไขกันเองนะ" ไอ้เก่งพูดอย่างมีสาระจนผมไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
"ถ้ามีปัญหากันก็ช่วยกันแก้ ถ้าแก้ไม่ได้พวกกรูยินดีช่วยพวกมรึงนะ" ไอ้แว่นก็เสริมจนผมซึ้ง
"เอ๊ะ! นี่พวกกรูตกลงเป็นแฟนกันนะคร้าบ ไม่ได้แต่งงานอวยพรซะพวกกรูเคลิ้มเลย สาส" คำพูดของผมทำให้เรา 4 คนหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ติ๊งง...ติง...ติ่งง...
เมื่อเสียงสัญญาณเตือนให้เตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ พวกผมจึงรีบเก็บกระเป๋าที่ถูกวางพิงกำแพงรั้วด้านข้างโรงเรียนเป็นที่สงบไม่มีคนพลุกพล่านเป็นที่นั่งเล่นของพวกผมเป็นสถานที่สองรองจากโต๊ะม้าหินอ่อนข้างต้นมะขามใหญ่เพื่อหลบสายตาคนใจร้ายคนนั้น เรารีบวิ่งไปเข้าแถวโดยมีมือใหญ่ของเจจับมือผมวิ่ง ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนไม่ค่อยชิน แต่ก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยระดับหนึ่ง ระหว่างทางก็มีสายตาหลายคู่มองมาทางเราสองคนมากมาย ผมเลือกที่จะไม่สนใจ
3 วันผ่านไป
ข่าวการคบกันระหว่างผมและเจแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน มีทั้งกลุ่มคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมากมาย คำนินทาสารพัดถาโถมใส่คู่ของเรามากมายก็ไม่มีผลทำให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนสั่นคลอนได้ ยิ่งทำให้เราสองคนรักกันเข้าใจกันมากขึ้น
ช่วงที่ผมเดินทางไปกลับจากโรงเรียนก็มีคนชั่วคนเดิมคอยรับส่งปกติเช่นทุกวัน ส่วนเจจะไปรอด้านข้างรั้วโรงเรียนมากกว่า ตอนมาก็จะมาส่งผมที่โต๊ะม้าหินอ่อนตลอดก่อนจะไปเล่นบอลกับเพื่อนๆ ของเขาต่อ เลยไม่ได้สวีทกันก่อนกลับบ้าน มาวันนี้ผมเกิดนึกสนุกขึ้นมาจึงชวนเจนั่งรอรถที่จะมารับเป็นเพื่อนผมพร้อมกับเพื่อนเก่งและเพื่อนแว่นอีก 2 คน วันนี้ผมอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยพูดจาสุภาพตามอารมณ์
"วันนี้รอส่งก๊อปขึ้นรถก่อนนะครับ"
"ได้สิ ทุกวันอยากนั่งรอเป็นเพื่อนก็ไม่ยอม วันนี้แปลก" เจพูดเชิงสงสัย
"แปลกอะไร ไม่อยากรอก็ไม่ต้องรอ นั่งกับไอ้เก่งกับไอ้แว่นก็ได้"
ผมพูดเชิงน้อยใจพลางทำท่าสะบัดสะบิ้งเล็กน้อยพอดูน่ารัก เป็นจังหวะเดียวที่รถเก๋งคันประจำจอดเทียบข้างฟุตบาทไม่ถึงเมตร
ส่วนเจก็ง้อผมด้วยวิธีต่างๆ ขอเกี่ยวก้อยเอย ว่าจะซื้อกุหลาบให้เอย ชวนไปดูหนังเอย ยังไงไอ้ก๊อปก็ไม่ยอม ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ) ทั้งกอด ทั้งโอบเอว จนคนบนรถคงไม่พอใจจึงบีบแตรใส่ผมยาวๆ
ปี้นน...
ผมเห็นหลายคนตกใจเสียงแตรรถจึงพากันหันมอง ผมใช้จังหวะนี้ลุกขึ้นหยิบกระเป๋านักเรียนแล้วจับมือเจให้ลุกขึ้นตามมาก่อนที่เจจะเปิดประตูรถให้ผมอย่างน่ารัก
"ก๊อปจะยกโทษให้เจก็ได้แต่ต้องสัญญากับก๊อปก่อนว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก โอเคมั้ย?" ผมพูดพลางจับมือเจข้างหนึ่งแล้วจับปลายจมูกของเจดึงไปมาเบาๆ
"จะกลับบ้านมั๊ยครับคุณกรพัฒน์"
มันถามผมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมากแถมยังเรียกชื่อจริงของผมซะเต็มยศดีนะไม่พ่วงด้วยนามสกุล คิดแล้วก็รู้สึกสะใจ
"แปบหนึ่งครับพี่เมฆ"
ผมจึงยื่นแก้มขาวๆ ให้เจเหมือนเจจะรู้ถึงความต้องการของผมก่อนจะหอมแก้มผมฟอดใหญ่จนคนในรถบีบแตรอีกครั้งด้วยความโมโห ผมก็รีบหอมแก้มเจคืนไปฟอดใหญ่เหมือนกันทำให้คนตรงหน้าผมยิ้มแก้มปริด้วยความเขินอาย
"ก๊อปกลับก่อนนะ คืนนี้โทรหาด้วย" ผมหยอดคำหวานก่อนหย่อนก้นลงบนเบาะรถเก๋งคันประจำ
"ครับผม กลับดีๆ นะ"
เจไม่วายก้มลงมาจูบหน้าผากผมเป็นการส่งท้ายต่อหน้ามัน ที่ตอนนี้ตาของมันคงร้อนลุกเป็นไฟแล้วมั้ง อกแตกตายซะ สะใจที่สุดเลยวันนี้ ทันทีที่ผมปิดประตูรถ มันก็ออกตัวอย่างแรงและเร็วจนเกือบชนเพื่อนๆ นักเรียน รอยยิ้มที่เผยอย่างสวยงามของผมหุบลงแทบไม่ทัน
"ขับรถบ้าไรแบบนี้มันอันตรายนะ นี่ในโรงเรียนนะไม่ใช่สนามแข่งรถนะโว้ย!"
ผมพูดพลางเอื้อมมือขึ้นจับตรงขอบประตูรถด้านบนไว้แน่นแต่มันก็ไม่ยอมหยุด จนออกนอกประตูโรงเรียนไปสู่ถนนใหญ่ความเร็วก็ถูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่ลดละ
"จอดรถเดี๋ยวนี้นะ กรูจะลง กรูยังไม่อยากตาย" ผมออกคำสั่งเสียงแข็ง ความเร็วของรถก็ไม่ลดลงแม้แต่น้อยมันยิ่งกลับเร็วและแรงขึ้น ผมจึงตัดสินใจปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหันตัวไปทางประตูรถเตรียมจะเปิดประตูรถเพื่อกระโดดลงรถเป็นไงเป็นกัน ทันทีที่ผมจับคว้าที่เปิดประตูรถ คนข้างตัวผมก็รีบคว้าผมเข้าไปจูบอย่างไม่ทันตั้งตัวส่งผลให้รถเก๋งที่ผมกับมันนั่งมา หักเลี้ยวเป็นวงกลมอยู่หลายรอบจนรถจอดสนิทอยู่กลาง 4 แยกไฟแดง ผมหลับตาปี๋คิดว่าตัวเองคงตายแล้วแน่ๆ กลับรู้สึกได้ถึงความอึดอัด หายใจไม่ออก พอลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในวงแขนใหญ่ที่กอดกระชับโดยมีริมฝีปากหนาพร้อมชิวหาของมันกำลังประกบที่ปากของผมและพยายามรุกล้ำริมฝีปากบางของผมตลอดอย่างร้อนแรง พอผมได้สติก็ดึงตัวเองออกแล้วตบหน้ามันเพื่อเรียกสติ
ผัวะ!!
ผมมองไปรอบๆ รถยนต์ก็รู้ว่าตัวเองอยู่กลางสี่แยกที่สำคัญกำลังจะหมดไฟแดงพอดีผมจึงเรียกมันอีกครั้ง นับว่าเป็นความโชคดีของผมมากที่เป็นช่วงไฟแดง
"ขับไปได้แล้วจะหมดไฟแดงแล้วนะ ก๊อปไม่อยากตายกลางสี่แยก" เหมือนว่ามันคงได้สติก่อนจะออกรถไปบนเส้นทางกลับบ้านต่อไป
"ก๊อปคบกับเจหรอ?"
"ใช่ แล้วจะทำไม..."
ทันทีที่ผมตอบได้ไม่นาน ผมเหลือบเห็นมันยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาอยู่หลายครั้ง โดยไม่พูดอะไรอีก กระทั่งถึงบ้านของผมก่อนที่ผมจะเปิดประตูรถลงไป
"ก๊อป! พี่รักก๊อปนะครับ ตั้งแต่วันนั้นทำให้พี่รู้ใจตัวเองว่าพี่ต้องการอะไรและคนที่พี่ต้องการก็คือก๊อป..."
สิ่งที่ผมได้ยินเมื่อกี้ทำให้ผมยิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียดในตัวมันมากขึ้นเข้าไปอีก
"ไร้สาระ! ทุเรศ! อุบาทว์! ขยะแขยง!"
ผมลงจากรถก้าวลงจาก ปิดประตูแรงๆ ใส่เช่นเคย ยิ่งมรึงรักกรูมากเท่าไหร่กรูก็จะทำให้มรึงเจ็บมากเท่านั้น ผมนึกอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้