ตอนที่ 9 ความในใจ

2323 คำ
ผมเดินขึ้นห้องนอนโดยต้องผ่านห้องโถงใหญ่ซึ่งขณะนั้นมีปี๊และมี๊นั่งคุยกันอยู่ "ก๊อปมาหามี๊กับปี๊ก่อนสิ"  "มีไรครับมี๊?" ผมเดินเข้าไปนั่งด้านข้างมี๊ "มีปัญหาอะไรกับพี่เมฆหรือเปล่าลูก" มี๊พูดด้วยสีหน้าเครียดๆ "ก็ไม่มีไรนี่ครับมี๊ เขามาฟ้องอะไรมี๊เหรอครับ" "เมื่อตอนเที่ยง มี๊ชวนพี่เขามาทานข้าวเที่ยงที่บ้านแต่เขาพูดเชิงปฏิเสธ มี๊เลยถามเขาเข้าประเด็นว่าเป็นอะไรหรือเปล่า" ผมได้ยินแบบนั้นก็รีบตั้งคำถามกับมี๊ทันทีด้วยความสงสัย "แล้วพี่เขาว่าไงบ้างครับมี๊" "พี่เขาบอกว่า ช่วงนี้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับเรื่องงานนิดหน่อยเลยอยากขอหยุดการดูแลลูกเพื่อที่พี่เขาจะได้ทำงานเต็มที่" เมื่อผมได้ยินแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกดีใจจนเผลอหลุดปากออกไปอย่างออกหน้าออกตา "ดี ไปไหนก็ไป" "ก๊อปว่าไงนะลูก อะไรดี ใครไปไหนก็ไป พ่อไม่เข้าใจที่ลูกพูด" ตายแล้วไอ้ก๊อปหลุดปากจนได้ เอาไงดีวะ "อ๋อ ไม่มีไรหรอกครับปี๊ เอ่อแล้วพี่เขาว่าไงต่ออ่ะครับมี๊" ผมรีบเปลี่ยนประเด็น "มี๊ก็เลยบอกเขาว่าให้มาทานข้าวที่บ้านจะได้คุยรายละเอียดกัน สรุปเลยนะ พี่เขาบอกว่ามีปัญหากับลูกนิดหน่อย แต่เขาไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร มี๊เลยไม่เซ้าซี้เขา ตกลงบอกมี๊ได้หรือยังว่าเราสองคนมีปัญหาอะไรกัน?" น้ำเสียงมี๊ฟังดูจริงจังมาก ซ้ำแฝงความดุในแววตาทำให้ผมรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆ  "ไม่มีไรจริงๆ ครับมี๊เดี๋ยวก๊อปเคลียร์กับพี่เขาเอง มี๊ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ" พอมี๊ได้ยินผมบอกแบบนั้น ก็ทำให้ท่านมีสีหน้าคลายกังวลลงไปเยอะ "อืม เป็นเหมือนกันเลยสองคนนี้ ไม่บอกก็ไม่บอกเหมือนกัน ดี ถ้างั้นก็คุยกันให้เข้าใจนะ เพราะพ่อรู้สึกถูกชะตากับเขา อยากได้เขามาทำงานกับพ่อแค่นี้ก๊อปคงรู้นะว่าต้องคุยยังไงกับพี่เขา" "ปี๊!!" ผมเรียกปี๊เสียงสูงด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน "มี๊ก็เห็นด้วยกับพ่อนะก๊อป อย่ามีปัญหาอะไรกันเลยนะลูก เมฆเขาเป็นคนดีมีฝีมือมากความสามารถนะลูก ถ้ากิจการของตระกูลเราได้เมฆเขาเข้ามาช่วยบริหารคงไปได้อีกไกลแน่เลย" มี๊พูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหวังมากมายแต่กลับทำให้ไอ้ก๊อปอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ผมมองแววตาบุพการีทั้งสองคนที่เปี่ยมด้วยความหวัง ผมก็รู้ว่าท่านทั้งสองคนทำไปก็เพื่อผมทั้งนั้น ผมก็เห็นดีด้วยหากเป็นความต้องการที่จะได้มันมาช่วยพัฒนา ปรับปรุงให้กิจการรุ่งเรื่องมากขึ้นกว่าเดิม อีกด้านหนึ่งในใจผม ผู้ชายคนนี้เป็นคนทำลายผมให้เหมือนตายทั้งเป็นอย่างทรมานและทุกครั้งที่ผมเจอหน้ามันผมไม่เคยมีความสุขเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันเกิดอารมณ์เกลียดชัง ขยะแขยง สะอิดสะเอียน น่ารังเกียจ โกรธเวลาที่เจอหน้ามัน ไอ้ก๊อปควรทำยังไง ควรตัดสินใจยังเพื่อครอบครัวหรือเพื่อตัวเองดี เหมือนสายตาทั้งคู่ต้องการคำตอบเพื่อเป็นเครื่องยืนยันจากปากของผม "ได้ครับปี๊ มี๊ ก๊อปจะเคลียร์กับพี่เขาให้เข้าใจ เพื่อครอบครัวของเราครับ" เมื่อผมพูดจบลง ก็เห็นรอยยิ้มของคนทั้งสองที่ส่งมาให้ผมทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้ทั้งที่ในใจกำลังร้องไห้อยู่ ผมลุกจากโซฟาใหญ่แล้วไปนั่งลงก้มกราบเท้าท่านทั้งสองคนด้วยความปลาบปลื้มใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของท่าน ปี๊และมี๊ดูตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ผมกำลังทำ "ทำอะไรน่ะก๊อป" มี๊พูดเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ "ก๊อปรักปี๊กับมี๊นะครับ" "พ่อก็รักก๊อปลูก...มี๊ก็รักก๊อปเหมือนกันนะลูก ฮือ..." ผมกราบเท้าท่านสามครั้งก่อนลุกขึ้นชันเข่าโผเข้ากอดบุคคลทั้งสองด้วยความรักสุดหัวใจของไอ้ก๊อป "ก๊อปจะทำเพื่อปี๊กับมี๊ครับ" ก่อนที่ผมจะร้องไห้โห่เหมือนเด็กๆ บนไหล่ของคนทั้งสองอยู่นาน  "ขอบใจมากลูก ขอบใจมาก" เราสามคน พ่อ แม่ ลูก กอดกันกลมด้วยความรักและเข้าใจโดยไม่มีใครล่วงรู้ความในใจผมเลย ว่าตอนนี้ผมเจ็บปวดขนาดไหน น้ำตาแห่งความสุขนั้นได้บั่นทอนความแค้นในใจของผมลงเพียงส่วนเล็กๆ ยังเป็นผลดีต่อตัวผมที่ไม่ต้องแบกรับความเจ็บปวดไว้มากเหมือนแต่ก่อน "ก๊อปขอขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" ผมพูดพลางคลายวงแขนจากมี๊และปี๊ "จ้ะลูกชายของมี๊" มี๊ปาดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขก่อนที่ผมจะเดินขึ้นห้องนอนพลางรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เมื่อผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ผมก็นอนดิ้นไปดิ้นมาบนเตียงนุ่มๆ แล้วพลิกตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด นี่มันเพิ่งห้าโมงยี่สิบเองนี่หว่ากรูต้องทำไรสักอย่างละ ผมจึงตัดสินใจกดหาคนต้นเรื่อง "สวัสดีครับน้องก๊อป" "กว่าจะรับสายได้นะ" "พะ...พี่ขอโทษคะ...ครับ ก๊อปมีอะไรให้พี่ช่วยเหรอครับ" คนปลายสายพูดติดๆ ขัดๆ ดูลนๆ จนผมฟังแทบไม่เข้าใจ "มี ช่วยทำตัวให้ว่างเดี๋ยวจะไปหา" ผมบอกน้ำเสียงเรียบๆ "หะ! อะไรนะครับจะมาหาพี่ มีอะไรให้พี่ไปหาดีกว่าครับ อย่าลำบากมาเลยครับ" มันดูตกใจมากที่ผมบอกมันไปแบบนั้น "ทำไม อยู่กับพี่บีเหรอถึงไปหาไม่ได้" "เปล่าครับ พี่อยู่คนเดียวแต่ไม่อยากให้ก๊อปลำบากมาหาน่ะครับ" "แค่นี้นะ เจอกัน...ตู๊ดๆๆ" ผมกดวางสายแล้วเตรียมเป้ขึ้นสะพายบนไหล่ลุกจากเตียงลงบ้าน เดินไปกอดมี๊เพื่อบอกท่าน "มี๊ ก๊อปไปบ้านเพื่อนนะครับพรุ่งนี้วันเสาร์ ถ้าก๊อปไม่กลับจะโทรบอกนะครับแต่ถ้าจะกลับไม่เกินสามทุ่มน่าจะถึงบ้านครับ" "จ้า ดูแลตัวเองด้วยลูก" "ครับ ผมขอหอมหน่อยนะครับ ฮื้ม ชื่นใจจัง สวัสดีครับปี๊ สวัสดีครับมี๊" "สวัสดีจ้า" ผมรีบนั่งรถกอล์ฟจากหน้าบ้านไปประตูรั้วบ้านเพื่อที่จะขี่พี่วินไปหาไอ้พี่เมฆ "ลุงเรียกวินให้หน่อยครับ" "ได้ครับคุณหนู คุณหนูจะไปบ้านคุณเก่งเหรอครับ" ลุงคนขับรถก็โทรเรียกวิน มอเตอร์ไซค์เจ้าประจำให้ทันเวลา “ใช่ครับ ขอบคุณลุงมากครับ” ผมตอบคำถามลุงชัยแล้วกล่าวขอบคุณลุงชัยที่ช่วยเรียกวินมอร์ไซค์ให้ "ไป...ครับพี่ ด่วนๆ เลยครับ...ขอบคุณครับ" ผมรับหมวกกันน็อกจากพี่วินมาใส่ก่อนบอกจุดหมายปลายทางที่ผมจะไป "ครับคุณก๊อป" ผมนั่งซ้อนมอร์ไซค์พี่วินไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงบ้านไอ้พี่เมฆ "ขอบคุณครับพี่" "ยินดีครับคุณก๊อป" ผมส่งหมวกกันน็อคคืนให้พี่วินไปโดยไม่ลืมที่จะจ่ายค่าโดยสาร   นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาถึงบ้านหลังนี้ บรรยากาศภายนอกดูดีมีพันธุ์ไม้ดอกมากมาย สวยงามตระการตาดึงดูดให้ผมเข้าไปชมความงามของมันใกล้ๆ กุหลาบหลากสีถูกปลูกในกระถางจัดเรียงอย่างลงตัวทั้งยังมี เฟื่องฟ้า มะลิ บานไม่รู้โรยและที่สะดุดตาผมมากที่สุดดอกคุณนายตื่นสาย ที่ปลูกบนพื้นดินอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ด้วยความที่มันมีหลายสีเหมือนกุหลาบแต่รู้สึกชอบมันมากกว่ากุหลาบครับเพราะที่บ้านบนระเบียงห้องนอนของผม ผมลงมือปลูกเองกับมือเป็นสวนขนาดย่อมเลยครับ สาเหตุที่ผมชอบดอกคุณนายตื่นสายนั้นเพราะมันตื่นสายเหมือนผมไงครับ แต่เฉพาะเสาร์ อาทิตย์นะครับ ผมมัวหลงเสน่ห์มวลดอกไม้จนเกือบลืมธุระของตัวเอง พอเงยหน้าจะลุกยืนก็ต้องตกใจกับใบหน้าไอ้พี่เมฆที่อยู่ใกล้กันซะปากเกือบชนกัน "เห้ย! มาตอนไหนเนี่ยทำไมไม่เรียก" "ขอโทษครับ ก็เห็นว่าน้องก๊อปกำลังสนใจดอกไม้อยู่ พี่เลยไม่อยากรบกวน ชอบเหรอครับ" คนตรงหน้าพูดด้วยอาการยิ้มแย้มแต่ผมพยักหน้าแทนคำตอบกลับไป "เริ่มเลยดีกว่า" ดูพี่เขามีท่าทีตกใจเมื่อจู่ๆ ผมพูดอะไรบางอย่างและจับมือจูงเข้าบ้านไปเฉยๆ "เดี๋ยวๆ ครับเริ่มอะไร พี่ไม่เข้าใจครับ" ผมไม่สนใจยังเดินจูงมือพี่เขาเข้าไปในบ้านทั้งๆ ที่ไม่เคยมาบ้านเขามาก่อนจนมาหยุดที่ห้องอะไรหว่า เมื่อมองรอบๆ ก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าห้องๆ นั้นเป็นห้องนอนของเขา ตายแล้วกรู ผมแอบเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นของคนตรงหน้า "เห้ย มาห้องนี้ได้ไงเนี่ย!?" ผมพูดออกไปอย่างตกใจ "ก็น้องก๊อปดึงมือพี่มานี่เองนะครับ กำลังคิดอะไรอยู่เปล่า" พี่เขาโชว์มือข้างที่ผมจับมือเขาอยู่ให้ดู เมื่อผมเห็นแบบนั้นก็สะบัดมือพี่เขาออกแล้วตั้งสติ เป็นไงเป็นกันมาถึงขั้นนี้แล้ว "นั่งลง พี่กับก๊อปมีเรื่องต้องคุยกันให้เข้าใจ" ผมคว้าแขนดึงพี่เขานั่งลงด้วยท่าทางจริงจัง "มีอะไรครับ?" "ก๊อปจะพูดสั้นๆ นะ นับจากนี้พี่ต้องขับรถรับส่งและดูแลก๊อปเหมือนเดิม ห้ามลาออกเด็ดขาด ส่วนเรื่องไม่ดีที่มันเคยเกิดขึ้นก็ให้มันผ่านไปก๊อปจะไม่ถือสา ถือว่าก๊อปกับพี่เราผิดกันทั้งคู่ ก๊อปจะลืมให้หมดแต่บาดแผลในใจก๊อป ก๊อปขอเวลาหน่อยแล้วกันธุระของก๊อปมีเท่านี้แหละ..." ทันทีที่ผมพูดจบก็เตรียมจะก้าวขาเดินออกจากห้องนอน แต่... "ก๊อป ก๊อปยกโทษให้พี่แล้วเหรอครับ"  พี่เขาวิ่งมากอดผมจากด้านหลังขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้องนอนแล้วพูดด้วยความดีใจ "ก๊อปบอกว่าก๊อปจะลืมและไม่ถือสา ไม่ได้แปลว่าก๊อปจะให้อภัย เรื่องนั้นก๊อปขอเวลาพักหนึ่งแล้วกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการให้อภัย" ผมพูดเรียบๆ ขณะที่คนฟังยังคงกอดผมอยู่อย่างนั้น "พี่รักก๊อป" ผมฟังประโยคนี้ด้วยความรู้สึกแปลบที่หัวใจ มันคืออะไร "ก๊อปมีแฟนแล้วพี่ก็รู้" "ไม่จริง ก๊อปทำเพื่อประชดพี่ ก๊อปคบกับเขาเพื่อต้องการทำร้ายความรู้สึกของพี่เท่านั้น เพราะความจริงแล้วก๊อปก็รักพี่เหมือนอย่างที่พี่รักก๊อป" พี่เขาอธิบายเหตุผล "ไม่ ก๊อปรักเจ รักมาก รักที่สุดเกินกว่าจะรักใครได้อีก" ผมรู้สึกขัดแย้งกับความรู้สึกภายในใจพร้อมกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่แรงขึ้นและดังขึ้นตามลำดับ ตุ้บๆ ตุ้บๆ ตุ้บๆ บวกกับวงแขนใหญ่ที่กอดกระชับมากขึ้น เอ๊ะ ทำไมกรูไม่ปัดมือเขาออกวะ ปล่อยให้เขากอดได้ไงเนี่ย ตอนนี้ผมรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก กรูจะรักเขาได้ยังไงเขาเป็นคนทำร้ายมรึงนะ มรึงยอมลบทุกอย่างออกจากใจมรึงแล้วงั้นเหรอ นั่นก็แปลว่ามรึงยอมเปิดใจให้เขาแล้วนะไอ้ก๊อป ความคิดมากมายรุมเร้าผมตลอดในเวลานั้น "ก๊อปทรยศความรักของเจไม่ได้หรอก อีกอย่างพี่ก็มีพี่บีอยู่แล้วทั้งคน ผมไม่มีวันรักคนมีเจ้าของแล้วทำร้ายความรักที่เขามีต่อพี่ได้เช่นกันหวังว่าพี่คงเข้าใจนะ" นี่ผมพูดอะไรออกไป สรุปผมรักพี่เมฆเหรอ  "เพียงแค่ก๊อปบอกว่ารักพี่ จากนั้นเราจะก้าวผ่านทุกอย่างไปพร้อมกันได้มั๊ยครับ ขอแค่คำนั้นคำเดียว" ผมรู้สึกขนลุกแปลกๆ เมื่อพี่เขาพูดกระซิบข้างหู "พี่ทำไรอ่ะ ก๊อปขนลุกหมดแล้ว อุ้ย..." ผมพูดพลางเอียงคอหลบริมฝีปากหนาที่กำลังซุกไซ้ที่ต้นคอเบาๆ แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำนั้น    พี่เมฆค่อยๆ ประคองผมให้หันหน้าเข้าหาเขาช้าๆ ผมมองนัยตาที่ดูอ่อนโยนและใสซื่ออยู่พักหนึ่ง มันช่างต่างจากวันนั้นโดนสิ้นเชิง จมูกโด่งเป็นสัน ช่วยทำให้ใบหน้าดูคมคายน่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก เรียวปากเป็นกระจับสีคล้ำเล็กน้อยดูเชื้อเชิญให้สัมผัส ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดั่งลูกนกน้อยอยู่ภายใต้อุ้งเท้าของพญาเหยี่ยวผู้ทรงพลัง ฝ่ามือใหญ่ประคองสองไหล่ของผมให้ค่อยๆ เข้าหาตัวพี่เขาช้าๆ สายตาสอดประสานเหมือนผมกำลังต้องมนต์สะกดในเสน่หาทำให้เรียวปากสวยของผมกำลังเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากหนานุ่มของคนตรงหน้าช้าๆ กระทั่งริมฝีปากของเราประกบกันอย่างนุ่มนวลดูดดื่มโดยที่เราค่อยๆ ประคองกันและกันไปยังเตียงนุ่มกลางห้องนอน พี่เขาจับผมนอนลงบนเตียงโดยทาบทับบนร่างของผมอย่างเชื่องช้า ขณะที่ริมฝีปากของเราทั้งสองคนไม่หลุดหายออกจากกันแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว มันยังคงบดเบียดกันอย่างมีความสุข...จนรุ่งเช้าของอีกวัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม