ตอนที่ 13

1404 คำ
บรรยากาศภายในสนามบินเต็มไปด้วยความพลุกพล่านของผู้คน หญิงสาวที่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกถึงกับมองตึกอาคารและเครื่องบินลำใหญ่ที่จอดอยู่ด้านนอกอย่างตื่นตาตื่นใจ เธอเคยเห็นแค่ผ่านโทรศัพท์ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสมาแบบนี้ ถึงเธอจะอยู่กรุงเทพมหานครมาตั้งแต่เกิด แต่ด้วยสถานะของเธอใช่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนได้ทุกที่ มีแต่ทำงานอยู่ตลอดเวลาไม่มีเวลาไปเที่ยวหรอก “ตื่นเต้นไหมครับ ทำไมมือเย็นเฉียบเลย” เสียงทุ้มของคนข้าง ๆ ถามขึ้นอย่างอ่อนโยนทำให้เธอหันไปยิ้มเขา ไม่รู้ทำไมตอนนี้เธอถึงเริ่มไว้ใจเขามากขึ้นกว่าแต่ก่อนอาจจะเพราะถึงเธอเป็นแค่ลูกหนี้แต่เขาก็ยังดูแลอย่างดี ไม่เคยเอาสถานะเจ้าหนี้มาข่มขู่หรือข่มเหงเธอเลยสักครั้ง นั่นทำให้เธอเริ่มคลายกังวล แถมยังเริ่มมีความรู้สึกกับคนข้าง ๆ อีกด้วย หลังจากที่รอไม่นานเครื่องก็บินพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำสำหรับใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นความตื่นเต้นที่จะได้ไปยังที่ใหม่ ๆ หรือความกังวลใจเล็กน้อยเกี่ยวกับการเดินทางทางอากาศ แต่ยังดีที่มีคนข้าง ๆ คอยอยู่เป็นเพื่อน “ถ้าง่วงก็นอนก่อนได้นะครับ เดี๋ยวใกล้ถึงแล้วพี่ปลุก” “ขอบคุณนะคะ” คนตัวเล็กหันไปยิ้มอย่างอ่อนโยนรู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายมากที่อย่างน้อยตอนนี้อยู่ข้าง ๆ เธอ ความรู้สึกแบบนี้มันเปลี่ยนไปตอนไหน เริ่มไม่ระแวงและเอนเอียงไปหาเขา กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ “ว้าววววว หิมะ” เสียงหวานที่ปนไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจเผลอพูดออกมาเสียงดังหลังจากที่รถคันหรูกำลังขับเคลื่อนอยู่บนท้องถนนเป็นจังหวะเดียวกับหิมะเย็นสีขาวตกลงมา เธอไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าสักวันหนึ่งจะมีโอกาสได้เห็นหิมะด้วยตาตัวเอง “ชอบเหรอครับ” “ชอบค่ะ ไม่คิดว่าจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง” “งั้นเดี๋ยวถึงบ้านพักพี่จะพาออกมาเดินสัมผัสดู” “ได้เหรอคะ” แววตาของคนที่ได้ยินเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง ทำเอาคนที่มองเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่พอรู้ตัวรอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าแล้วแววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยจนน่ากลัวต่างจากคนที่นั่งข้าง ๆ น้ำหนึ่งเองก็หันหน้ากลับมามองคนข้าง ๆ อย่างแปลกใจ ดูจากท่าทางของพายุทำให้เธอรู้ว่าเขาคงจะอารมณ์ไม่ดีแน่ ไม่รู้ว่ามีปัญหาเรื่องงานหรือเปล่า เธอเลยเลือกจะนั่งเงียบ ๆ ทำให้บรรยากาศภายในรถเงียบไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุย ต่างฝ่ายต่างคิดไปคนละทาง หลังจากนั้นไม่นานพวกเธอก็พากันมาถึงบ้านพัก ที่นี่ใหญ่มากจะบอกว่าใหญ่กว่าบ้านสลัมเธอหลายเท่าเลย พอเข้ามาในบ้านน้ำหนึ่งก็เลือกที่จะนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนโซฟาเพราะกลัวว่าตัวเองจะทำให้อารมณ์ของพายุเสียมากกว่าเดิม “ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ครับ ไหนบอกว่าอยากดูหิมะไง” ตอนนี้พายุใจเย็นขึ้นมากพอสมควรเขาเลยเดินมานั่งลงข้างหญิงสาวแล้วถามอย่างอ่อนโยน “คือความจริงถ้าคุณพายุไม่อยากดูหิมะหนึ่งไม่ดูก็ได้นะคะ แค่เห็นตอนที่นั่งรถกลับมาก็โอเคแล้ว…” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบมือแกร่งของชายหนุ่มก็จับมือของเธอแล้วออกแรงดึงเล็กน้อยก็ทำให้เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินพาออกไปข้างนอกที่มีหิมะเริ่มตกมาปกคลุมต้นไม้ใบหญ้าทางเข้าบ้าน “อยู่ตรงนี้รอก่อนนะครับอย่าไปไหน เดี๋ยวพี่เข้าไปในบ้านแป๊บหนึ่งเดี๋ยวออกมาหา” “ได้ค่ะ” น้ำหนึ่งมองคนที่เดินออกไปจนลับตาแล้วเธอก็รีบถอดรองเท้าเดินเหยียบบนพื้นที่มีหิมะปกคลุมอยู่อย่างสนุกสนาน แต่เพียงไม่นานก็ต้องรีบวิ่งกลับมาใส่รองเท้าเพราะความเย็นที่มันกัดเท้าทำให้เธอแสบไปหมด เธอยืนรอพายุอยู่เกือบ 10 นาทีเขาก็ไม่ยอมกลับมาสักที ตอนนี้เธอรู้สึกหนาวขึ้นมากเพราะไม่ได้ใส่เสื้อแขนยาวตอนออกมา น้ำหนึ่งมองกลับเข้าไปในบ้านก็ไร้ร่างคนที่เดินเข้าไป สงสัยติดธุระแน่เลย “เราควรเข้าไปในบ้านหรือเปล่านะ แต่ว่าเขาบอกให้รอตรงนี้นี่” เพราะไม่อยากขัดคำสั่งพายุเธอเลยเลือกที่จะยืนรอ โดยไม่รู้เลยว่าคนที่ตัวเองรอตอนนี้กำลังยืนมองตัวเองจากด้านบนด้วยแววตาเกลียดชัง เขาเป็นคนตั้งใจให้เธอยืนคอยเอง ผู้หญิงแบบนั้นปล่อยให้หนาวตายก็คงดี พายุเลือกที่จะหมุนตัวไปนั่งอ่านเอกสารที่ต้องคุยกับคนที่จะเข้ามาลงทุนด้วยต่อ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก “ใคร ! เข้ามาได้” พายุมองคนที่เดินเข้ามาคือลูกน้องคนสนิทของตัวเองก็อดแปลกใจไม่ได้ ตอนแรกเขานึกว่าจะเป็นหญิงสาวที่อยู่ด้านนอกกลับเข้ามาแล้วเสียอีก “มีอะไร” “เจ้านายครับ คุณน้ำหนึ่งยืนอยู่ข้างนอกไม่ยอมเข้ามาด้านในครับ” ธามพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใยหญิงสาวอย่างเห็นได้ชัด แม้จะรู้ดีว่าที่เธอต้องไปอยู่ข้างนอกเพราะเจ้านายตัวเองแน่ ๆ แต่เขาก็เลือกจะเสี่ยงมาบอกเจ้านาย “ดูท่าทางนายจะใจดีกับผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินนะธาม ถูกใจอยากได้เป็นเมียเหรอ” “เอ่อ ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ ผมแค่กลัวแผนเจ้านายจะพัง… เจ้านายบอกว่าถ้าเธอตายเร็วมันจะง่ายไปนิครับ” “ฮะ ๆ เดี๋ยวนี้รู้จักยกเหตุผลร้อยแปดมาเกลี้ยกล่อมนะธาม… เอาเถอะที่นายพูดมันก็จริง แค่นี้ยัยนั่นก็ทรมานพอแล้ว” พายุวางเอกสารในมือลง ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อโคตกับถุงมือที่ให้คนจัดเตรียมไว้ให้ทั้งหญิงและชายเดินลงด้านล่างทันที “น้องหนึ่งทำไมไม่เข้ามาด้านใน นี่อย่าบอกนะว่ายืนรอพี่ตั้งแต่ตอนนั้น… เป็นความผิดพี่เองพี่ขอโทษนะครับ” คำพูดของพายุทำให้คนที่ยืนหนาวถึงกับถอนหายใจยาว ทำไมเท่าที่ฟังเหมือนเธอเป็นคนโง่เองนะที่ยืนคอยอยู่แบบนี้ ถึงจะมีคำขอโทษตามมาทีหลังก็ตามทีเถอะ “หนึ่งไม่ค่อยหนาวค่ะ” “ไม่ค่อยหนาวอะไรกันครับ หน้าแดงจมูกแดงหมดแล้วเนี่ย พี่ขึ้นไปหาเสื้อโคตมาให้ด้วยใส่ไว้นะครับแล้วเราออกไปเดินเล่นกัน” “ขอบคุณนะคะคุณพายุ” น้ำหนึ่งพูดด้วยแก้มแดงระเรื่อ ตอนนี้ที่แดงไม่รู้จริงว่าเพราะหนาวหรือเพราะใจที่เต้นแรง เธอมองพายุที่กำลังสวมเสื้อโคตกับใส่ถุงมือให้ตัวเองด้วยความขวยเขิน ก่อนที่เขาจะจับมือของเธอพาเดินออกไปด้านนอกประตู “ข้างหน้านี้ไม่ไกลมีย่านการค้า เราเดินไปเที่ยวกันดีไหมครับ” “ดีค่ะ” พายุจับมือเล็กของน้ำหนึ่งพาเดินตรงออกไปย่านการค้าทันที ไม่นานทั้งเขาและเธอก็มาถึงย่านการค้าที่พลุกพล่านไปด้วยคน น้ำหนึ่งมองอย่างตื่นเต้นผู้คนที่ต่างหน้าตาดีผิวพรรณก็ดีและก็มีคนแสดงความสามารถด้านการเต้นหรือร้องเยอะมากสมกับเป็นเมืองแห่งเคป๊อบ “อยากกินอะไรไหมครับ” “ต็อก… เอ่อ หนึ่งจำไม่ได้มันเรียกว่าต็อกอะไรเนี่ยแหละค่ะ” “ต็อกโบกี” “ใช่ค่ะ ต็อกโบกี หนึ่งอยากลองกินดูค่ะ” “งั้นเราก็ไปซื้อกันเถอะ” พายุจับมือน้ำหนึ่งไว้แน่นเพราะกลัวหญิงสาวจะหลง ตอนนี้เขาแทบจะไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองต้องกลัวผู้หญิงคนนี้หาย รู้สึกเพียงอยากจับมือเธอไว้ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวตอนนี้มันหาคำอธิบายไม่ได้เลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม