เริ่มผูกพันธะ - ห้ามยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น

1227 คำ
หญิงสาวนึกย้อนไปในวันวาน คืนนั้นเมื่อประมาณห้าปีก่อน เธอยังจดจำได้ไม่มีวันลืม ที่บ้านมหรรณพมีงานเลี้ยงใหญ่ที่ทำให้คนใช้ทั้งบ้านต้องทำงานกันอย่างหัวปั่นมือเป็นระวิง โดยเฉพาะแม่ครัวชุลีพรที่ปาดเหงื่อแทบไม่ทัน เพราะถูกเจาะจงมาจากเบื้องบนให้รับหน้าที่เป็นคนทำอาหารแต่เพียงผู้เดียว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อปาร์ตี้แสนสนุกของลูกชายคนเล็กที่กำลังจะไปเรียนต่อยังประเทศอังกฤษ ชายหนุ่มสังสรรค์กันเฉพาะในหมู่เพื่อนฝูงไฮโซ ความจริงแล้วเขามีเพื่อนสนิทเพียงห้าคนเท่านั้น ซึ่งมาจากตระกูลมหาเศรษฐีทั้งสิ้น แต่ในงานคราวนี้ ยังมีสองสาวจากตระกูลอรไอยรามาร่วมด้วย พวกเธอเป็นคู่หมายที่ชายหนุ่มจะต้องเลือกแต่งงานด้วย เพราะพินัยกรรมของคุณปู่ได้กำหนดให้เขาเลือกผู้หญิงจากตระกูลนี้มาเป็นคู่ชีวิตเท่านั้น ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ สองสาวนั่นสวยไม่แพ้กันเลย เพียงแต่ผู้น้องดูสดใสน่ารักกว่า ส่วนผู้พี่ดูจะแข็งกร้าวไปนิด นั่นเป็นความคิดของผู้หญิงที่แอบมองงานเลี้ยงมาจากมุมหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกมา ก่อนที่เธอจะหันหลังเดินเข้าไปในครัว ช่วยพวกบรรดาสาวใช้ ยกอาหารสารพัดชนิดไปเสิร์ฟที่ปาร์ตี้ริมขอบสระ “ตอนแรกคิดว่าจะไปฮาร์วาด เพราะทางนั้นก็ตอบรับมาแล้ว แต่คิดไปคิดมา ฉันอยากไปอังกฤษมากกว่า ก็เลยตัดสินใจเข้ามหาวิทยาลัยที่นั่นแทน” “ที่นั่นก็ใช่ย่อย เข้าไปเรียนยากชะมัด” เสียงหัวเราะร่วนของวิศรุตทำให้รู้ว่าเขากำลังมีความสุขมากเพียงใด เขากำลังตื่นเต้นยินดีกับการนำพาชีวิตไปอยู่ในอีกซีกโลก เขาต้องการไปจากที่นี่จนตัวสั่น หญิงสาวผู้แบกอาหารมาเติมบนโต๊ะตัวยาว หันไปมองตามเสียงพูดที่ดังกังวานของเจ้านายหนุ่มผู้หล่อเหลา รอยยิ้มสดใส มั่นใจ แต่ดูปรุงแต่งนิดๆ เผยให้เห็นเสน่ห์ที่ล้นเหลือกว่าทุกคน รอยยิ้มนี้เองที่ทำให้หัวใจของคนแอบมองห่อเหี่ยวไร้พลัง นั่นเพราะเธอรู้ดีว่าอีกไม่กี่วัน เธอจะไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นอีกนานนับปี “สาว ๆ ที่นั่นสวยใช่เล่น” จอมทัพ เอื้ออังกูรไกร หนึ่งในเพื่อนสนิทของวิศรุตเอ่ยขึ้น แกมหยิกหยอกสองสาวให้ขวัญเสีย แต่พวกเธอก็ยังยิ้มแย้มอย่างผู้ดีไม่มีสะดุด “เฮ้ย! ไปเรียน ไม่ได้ไปหาเมีย คุณแม่เล่นงานฉันตายแน่” “นิดก็จะไปเรียนที่อังกฤษเหมือนกันค่ะ” นิดนิดา อรไอยราพูดขึ้นท่ามกลางเสียงเฮฮาของทั้งห้าหนุ่ม พวกเขาเงียบกริบ เหมือนเพิ่งฟังข่าวร้าย แม้แต่อรวรา พี่สาวของเจ้าหล่อนเองยังงง เธอแทบไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ “นิดยังไม่ได้บอกพี่อร แต่นิดเรียนให้คุณพ่อคุณแม่ท่านทราบแล้วค่ะ” วิศรุตยิ้มไม่ค่อยเต็มปากสักเท่าไหร่ เขาคิดว่าต้องเป็นฝีมือของแม่เขาแน่ๆ หากเพียงชั่ววินาทีนั้นเอง ขณะที่เขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบเพื่อกลบเกลื่อนความกังวลใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นดวงตาคู่โตที่แอบจ้องมองมา เขาละสายตาหนีแทบจะทันที กลับไปทำในสิ่งที่ช่ำชองอีกครั้ง นั่นคือการปั้นหน้ายิ้มแย้มเอาใจใส่ทุกคน “เล็ก นั่นใครเหรอ” สายตาของฐากูล กมลโรจน์ยังไม่ละจากหญิงสาวผู้นั้น เธอกำลังจัดเรียงขนมลงในถาดสแตนเลสอย่างช้าๆ วิศรุตเห็นสีหน้าของเพื่อนรัก มนุษย์ยุคหินที่กลับชาติมาเกิด ผู้ไม่เคยมองสาวคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต ด้วยความประหลาดใจท่วมท้น “ใคร” “ก็ผู้หญิงที่ใส่ชุดสีขาว ที่ยืนอยู่ตรงนั้นไง” วิศรุตขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะหันไปมองใครคนนั้นตามสายตาของเพื่อนผู้เงียบขรึม หากเมื่อปะทะกับเป้าหมายชัดๆ รอยยิ้มเขาก็หุบฉับ ดวงตาดำกระตุกไหว รอยเดียดฉันท์ฝังลึกในแก้วตาคู่คม ชายหนุ่มพาใบหน้าสุดขยะแขยงหันกลับมามองคนในระดับเดียวกัน ที่กำลังหลงผิดคิดว่าผู้หญิงระดับล่างคือนางฟ้า เขาเอื้อมลงหยิบแก้วไวน์มาดื่มอีกหน แล้วตอบด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น “คนใช้” เขาคิดไปเองว่าคำว่า ‘คนใช้’ น่าจะฉุดทุกคนให้กลับมาอยู่ในโลกของตัวเองได้ แต่เปล่าเลย ดวงตาทุกคู่กลับพร้อมใจกันพุ่งไปยังผู้หญิงคนนั้นโดยมิได้นัดหมาย เฉพาะดวงตาหวานซ่อนลึกของฐากูร ที่ทำให้วิศรุตแทบสำลักความหวานนั้น หมอนั่นขยับปากแผ่วเบา เหมือนกำลังบอกกับตนเองมากกว่าจะบอกใคร “น่ารักดี” วิศรุตหน้าแดงก่ำด้วยความตกใจ และอยู่ๆ เลือดในกายก็เดือดพล่านขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “ก็แค่คนใช้…” ชินดนัย อัครมณีโพล่งขึ้นกลางวง ช่างสวนทางกับสายตาเจ้าชู้ที่กำลังกระพริบยิ่งกว่าดวงดาว “แต่สวยอย่างกับนางฟ้า นี่ถ้าบอกว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลไหนสักตระกูล ฉันเชื่อเลยนะเนี่ย” “เธออายุเท่าไหร่แล้ว เท่าคุณนิดได้ไหม ทำไมพวกเราไม่เคยเห็นเลยล่ะ” ภีม รัตนวงศ์สกุลราวกับเพ้อเสียมากกว่า “นายซ่อนเธอเอาไว้มิดชิดเลยนะ” นิดนิดากระฟัดกระเฟียดเล็กน้อยที่พวกผู้ชายหันไปสนใจผู้หญิงระดับล่าง แทนที่จะเป็นตน แม้ไม่ใช่คู่แข่งที่น่าเกรงกลัวเลยก็ตาม แต่นั่นทำให้พี่สาวของเธอแอบสะใจเล็กๆ ส่วนวิศรุต เจ้านายของสาวใช้คนนั้น เขาดูไม่สบอารมณ์นัก เขาดื่มจนหมดแก้ว แล้วพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แข็งยิ่งกว่าหิน “บอกว่าเป็นคนใช้ คนใช้ คนใช้ หูหนวกกันรึยังไง ผู้หญิงดีๆ สวยๆ มีอีกตั้งเยอะแยะให้มอง อย่าไปเสียสายตามองผู้หญิงระดับล่างแบบนั้นเลยน่า” พอเห็นเจ้าภาพสวมหน้ากากยักษ์ ทุกคนจึงหยุด เว้นก็แต่ผู้หญิงที่พูดน้อยที่สุดในคืนนี้... “แต่เธอก็สวยจริงๆ นี่คะ สวยแบบน่าทะนุถนอม ไม่ใช่สวยจอมปลอม” อรวราแสดงความคิดเห็น ก่อนหันไปมองหน้าน้องสาวที่กำลังมองเธอแบบฉุนๆ อย่างเย้ยๆ ส่วนวิศรุตหยิบขวดไวน์มาเติมแก้วว่างเปล่าของตัวเองจนเกือบล้น แล้วดื่มเหมือนคนกระหายน้ำ ฐากูรพอรู้ว่าเพื่อนเริ่มอารมณ์เน่า จึงหันมาสนใจ ด้วยการถามคำถามที่รู้อยู่แล้ว “แล้วนายจะเดินทางเมื่อไหร่” “อีกสองวัน ตรงกับวันเกิดของฉันพอดี” “พร้อมกับไอ้จอมทัพเลยนี่” ชินดนัยย้ำถึงกำหนดการนั้น ก่อนพูดเรื่องของตนเอง” แต่ฉันคงเลื่อนไปอีกสักเดือน” “ถึงจะพร้อมกันแต่ฉันไปอเมริกาโว้ย พวกเราไปอเมริกากันหมด มีแต่ไอ้เล็กที่นอกคอกไปยุโรป น่าเซ็งชะมัด แล้วแกล่ะไอ้ฐา ทำไมไม่ไปต่อนอกกับพวกฉัน” “ไม่ล่ะ” ฐากูรวางแก้วไวน์ลง ท่วงท่าของชายหนุ่มที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มฉายชัดถึงความกังวลใจลึกๆ “ตอนนี้ที่บ้านฉันกำลังมีปัญหา ฉันต้องช่วยป๊าทำงานก่อน ฉันอยากจะฟื้นตัวบริษัทให้เร็วที่สุด”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม