อีกฝั่งของขอบสระ อาราดาจัดเรียงขนมแล้วเสร็จก็เดินออกจากงานเลี้ยง เธอคิดจะย้อนกลับเข้าไปในครัว เพื่อจะช่วยป้าทำอาหารที่เหลืออีกสองสามชนิด แต่เพราะเสียงเรียกจากสาวใช้คนหนึ่งที่ดังมาจากด้านหลัง เธอถูกดึงมือไปพูดกันตามลำพังที่หน้าห้องน้ำ
“คุณเล็กสั่งห้าม ไม่ให้เธอออกไปที่งานอีกเด็ดขาด ให้เธอช่วยอยู่แต่ในครัวก็พอ”
หญิงสาวถึงกับเงียบกริบ รู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ที่ยังคงถูกรังเกียจเสมอ เขาคงไม่อยากจะเห็นหน้าเธอ ก็เลยออกคำสั่งมาแบบนั้น เธอจำได้ว่าเขาส่งสายตามายังไงตอนที่เธอหันไปมองเขา
“ป้าแมว ยังเหลืองานอีกเยอะไหม”
“เหลืออีกนิดเดียว แกไปนอนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกไปหางานตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”
“ป้าทำไหวแน่นะ”
“มีคนช่วยอีกตั้งหลายคน ไปเถอะ”
อาราดาเดินออกจากครัว กลับไปยังเรือนคนใช้ ตรงเข้าสู่ห้องนอนส่วนตัวของตนเอง ห้องนอนขนาดเล็กที่มีเพียงเบาะนอนแข็งๆ และตู้เสื้อผ้าไม้เก่าๆ
“ทำไมรู้สึกปวดหัวอย่างนี้นะ”
เจ้าหล่อนเดินไปทิ้งตัวนอนหงายลงบนเบาะที่นอนมาสิบปีเต็ม ดวงตาจ้องมองเพดานนิ่งๆ หวนคิดถึงการสนทนาระหว่างเธอกับป้าเมื่อตอนเย็น
“แกคิดจะออกจากบ้านหลังนี้ใช่ไหม” ป้าถามขึ้นเมื่อรู้ว่าเธอเริ่มที่จะตระเวนสมัครงานไปทั่ว ด้วยวุฒิ ปริญญาตรีที่เธอเพิ่งจะจบมาหมาดๆ แม้ไม่ใช่เกียรตินิยม แต่ก็มีเกรดดีพอใช้
“ทำไมไม่ไปเรียนคุณผู้ชายว่าอยากทำงาน คุณท่านจะได้ฝากให้ทำที่บริษัท”
“ไม่เด็ดขาด ไอไม่อยากใช้เส้น” และตั้งใจจะไปจากบ้านหลังนี้จริงๆ นะแหละ “ถ้าไอได้งานทำ ป้าจะไปอยู่กับไอไหม”
” ป้าต้องอยู่ที่นี่ คุณผู้ชายดีกับป้ามาก ป้าต้องอยู่เพื่อท่าน แต่ถ้าแกอยากจะออกไป ป้าก็ไม่ห้ามหรอกนะ แต่ถ้าในอนาคต แกมีทางไหนจะตอบแทนบุญคุณคุณท่านได้บ้าง แกก็สมควรจะทำนะ”
“ไอรู้แล้วล่ะป้า ไอนะ ไม่ใช่คนที่จะลืมข้าวแดงแกงร้อนผู้มีพระคุณง่ายๆ หรอก”
เหตุผลที่เธอจะไป ป้าของเธออาจเข้าใจว่าเพราะเธอไม่อยากจะตกอยู่ในสภาพคนใช้ไปจนวันตาย แต่ถ้าป้ามองเห็นหัวใจที่ไม่รู้จักเจียมของหลานสาวคนนี้ ป้าจะรู้ว่าเธอพร้อมจะเป็นคนใช้ไปจนตลอดชีวิต เพราะมีเพียงเหตุผลเดียวที่เธอจะไปก็คือ...
“เธอรู้ไหมไอ ว่าทำไมฉันถึงไม่อยากให้เธอเข้ามาในห้องของฉันหรือทำไมฉันถึงไม่อยากเห็นหน้าเธอในบ้านของฉัน เพราะฉันไม่ชอบไง ฉันรังเกียจ ขยะแขยง ฉันกล้ำกลืน ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ และถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้เธอ ออกไปจากบ้านของฉันซะ ฉันพูดชัดไหม เมื่อไหร่เธอจะออกไปจากบ้านของฉันซะที ฉันรำคาญลูกนัยน์ตาจะแย่อยู่แล้ว”
อีกสองวัน วิศรุตก็จะเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษแล้ว ซึ่งก็จะเป็นวันเดียวกับที่เธอออกจากบ้านหลังนี้ไปเช่นกัน เพราะถึงเธอจะมีเพื่อนน้อย แต่ที่พอจะพึ่งพาได้ก็มีอยู่
“ไปพักที่อพาร์ตเม้นต์ของเพื่อนก่อนก็แล้วกัน” หญิงสาวทอดถอนใจ นึกถึงสภาพของตนเองหลังจากที่ต้องออกไปใช้ชีวิตตามลำพังแล้วก็อดกลัวขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ เธอนอนกลิ้งอยู่บนที่นอน ก่อนจะหันไปจ้องกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดิมที่เคยใส่เสื้อผ้าหิ้วเข้ามาในบ้านหลังนี้เมื่อสิบปีก่อน ซึ่งในไม่ช้า มันก็จะได้ทำงานอีกครั้ง
“ตอนมาก็มีกระเป๋าใบเดียว ตอนออกไป ก็คงกระเป๋าใบเดียว แถมยังใบเดิมอีกต่างหาก แต่ยังดีหน่อย ที่มีใบปริญญาออกไปด้วย ไม่อย่างนั้น คงลำบากแย่ หวังว่าเราจะได้งานทำในเร็วๆ นี้นะ”
อาราดาปิดเปลือกตาลง เก็บซ่อนดวงตาช้ำๆ ไว้ภายใน อึดใจเดียวที่นิ่งเหมือนคนตาย แล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม หัวใจของเธอเจ็บปวดเหมือนโดนเข็มสักพันเล่มทิ่มตำ เมื่อคิดว่า เธอจะไม่มีวันได้เจอหน้าเขาอีกแล้ว
หากเมื่อหลับลงเพราะความอ่อนเพลียของร่างกายและความอ่อนแอของหัวใจ เธอถูกปลุกขึ้นอีกครั้งในตอนตีสี่ของวันใหม่ เสียงเคาะประตูแผ่วเบาเกินกว่าจะมั่นใจว่านั่นเป็นความฝันหรือเรื่องจริง
ไอ…เธอได้ยินเสียงเรียกนั้นผะแผ่ว แต่หนักแน่น...ไอ...และเพราะทุกอย่างมันเงียบกริบจนทำให้เธอได้ยินแม้แต่เสียงเต้นของหัวใจตนเอง หญิงสาวประหลาดใจปนตระหนก เป็นไปได้อย่างไรที่ใครคนนั้นจะมาเรียกเธอในเวลานี้
เมื่อเธอมั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป เธอลุกขึ้นนั่ง ปรับสายตากับแสงของโคมไฟ ก่อนเหลือบไปแลนาฬิกาปลุกเรือนเล็กใกล้หัวนอน
“ตี 4 แล้วนี่ มีอะไรรึเปล่า”
เธอตัดสินใจลุกจากที่นอน เดินไปดึงกลอน เปิดประตู
“คุณเล็ก”
ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ไหวติง ใบหน้าเรียบเฉย เย็นชา อวดความเจ้าเล่ห์นิด ๆ ที่มุมปาก เขาใช้สายตานิ่ง ๆ มองเธอตรง ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองเธอแบบนี้ เพราะเขาไม่เคยชายตาแลเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยเลย
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
เขากระดกคิ้ว เป่าลมออกจากปากเบาๆ จนเธอได้กลิ่นไวน์อ่อนๆ
“ฉันมีอะไรจะถามเธอหน่อย”
หัวใจของหญิงสาวเต้นตึกตักๆ
“มีอะไรหรือคะ”
“เธอจะอยู่บ้านฉันไปจนวันตายรึเปล่า”
คนถูกถามหน้าซีดเผือด ใจที่เต้นกลับหยุดเต้นเสียอย่างนั้น
“เปล่าค่ะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ตายของไอแน่นอน”
เขาหัวเราะหึ ๆ ในคอ สีหน้าแววตาเคร่งเครียดมากกว่าจะหยามเหยียดอย่างที่เคยชินตา เธอไม่เคยเห็นเขาแสดงท่าทางแบบนี้มาก่อนเลย มันทำให้เธอรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“แล้วทำไมยังอยู่ เธอรออะไรอยู่เหรอ”
อาราดากลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ เขาจะมาซักถามอะไรเธอตอนนี้ นี่มันใช่เวลาที่จะมาไล่เธอออกจากบ้านไปอย่างนั้นหรือ
“ไอกำลังจะไปค่ะ คุณเล็กไม่ต้องห่วง ไอไม่ได้อยากจะอยู่ในบ้านที่เจ้าของเขาชิงชังรังเกียจนานนักหรอกนะคะ ไอไม่ใช่คนหน้าด้านไร้ความรู้สึก”
“แต่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
หญิงสาวหน้างัน คราวนี้ใจเต้นรัวขึ้นมาทีเดียว
“คุณเล็ก”
“เธอชอบฉันใช่ไหม เธอมันไม่มีสมองคิดเลย กับฉันนี่นะ เธอไม่คิดว่ามันสูงเกินไปเหรอที่จะมาคิดอะไรแบบนั้น เธอนี่มันทั้งโง่ทั้งน่าขยะแขยง ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันไม่รู้จักเจียมเอาเสียเลย”
อาราดากัดฟันกรอด ข่มความรู้สึกเสียใจเอาไว้ให้ลึกที่สุด แม้มิอาจทานทนต่อแววตาของเขาที่มองมาอย่างหยามเยาะได้
“คุณเล็กมีอะไรจะพูดอีกไหมคะ”
ดวงตาของเขากระตุก
“เธอรู้ไหม ว่าฉันไม่มีวันชอบเธอได้”
“รู้ค่ะ”
“และคนที่ฉันจะแต่งงานด้วย ก็ไม่มีวันใช่เธอเด็ดขาด”
อาราดายิ้ยมบางๆ
“ทราบค่ะ”
เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป แต่มันดูลึกเร้นจนจับไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เพียงแต่ทำให้เธอรู้สึกขนลุกชูชันไปทั้งร่าง