ท้องเหรอ?

2910 คำ
5 ท้องเหรอ? สามเดือนผ่านไป คดีฆาตกรรมอำพรางสองผัวเมียนักธุรกิจ สุดท้ายก็เป็นเพียงความจริงที่ปรากฏในการรับรู้ของพันตำรวจตรีภาวิตและผู้เกี่ยวข้องอีกไม่กี่ราย ไม่ว่าจะมีหลักฐานที่ชี้ไปทางพิรุธอย่างไร แต่ภาวิตก็ไร้ปัญญาพาดวงวิญญาณคนตายไปสู่กระบวนการยุติธรรม สุดท้ายเขาก็แค่มนุษย์ที่รักตัวกลัวตาย เห็นแก่ความปลอดภัยของครอบครัวมากกว่าอุดมการณ์ ภาวิตจำใจสรุปสำนวนโดยใช้รายงานผลชันสูตรปลอม ซึ่งพันตำรวจเอกมารุตลงทุนปั้นรายงานด้วยตัวเอง โดยอาศัยประสบการณ์ที่เคยเป็นพนักงานสอบสวนเก่าเมื่อสิบปีก่อนมาช่วยร่ายรายละเอียดให้สมจริง ลำพังแค่เปลี่ยนคดีฆาตกรรมอำพรางเป็นอุบัติเหตุธรรมดาก็เลวร้ายพออยู่แล้ว แต่นี่ภาวิตยังถูกบังคับให้ใส่ร้ายผู้ตาย โดยเขียนลงไปในสำนวนว่าพบแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของนายธนากรปริมาณ 124 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หากมีญาติพี่น้องของผู้สูญเสียติดใจการตายและเรียกร้องให้เกิดการสอบสวนใหม่ กระบวนการยุติธรรมก็คงยุติธรรมสมชื่อขึ้นบ้าง ทว่าผ่านไปแล้วกว่าสามเดือนยังไร้วี่แววญาติทางฝั่งผู้ตาย ไม่มีใครแสดงตัวออกมา ภาวิตเคยเห็นเป็นข่าวอยู่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสองครั้ง คือตอนที่กู้ซากรถขึ้นจากน้ำ และรายงานสรุปข่าวว่าเป็นอุบัติเหตุจากความประมาทเมาแล้วขับของนายธนากรผู้ตายวัยห้าสิบสองปี ซึ่งการที่เรื่องเงียบกริบไม่มีญาติผู้ตายเรียกร้องความเป็นธรรม ไม่ได้ทำให้ภาวิตใช้ชีวิตอย่างสบายใจ เขาเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ร่วมอำพรางคดี รู้สึกผิดต่อวิญญาณผู้ล่วงลับ รู้สึกเสียศักดิ์ศรีในหน้าที่ เขาไม่ใช่คนดีบริสุทธิ์ แต่ตลอดชีวิตที่รับราชการก็ไม่เคยมัวหมองถึงเพียงนี้ แรกทีเดียวภาวิตปฏิเสธรับสินบนจากคนเบื้องหลังของผู้กำกับมารุต แต่กลับถูกยัดเยียดแกมข่มขู่ว่าการที่เขาไม่รับจะทำให้ผู้ว่าจ้างคิดว่าภาวิตอวดเก่งอยากเป็นศัตรู และอาจถูกระแวงรังควานไปตลอดชีวิต “พัสดุมาส่งครับ” เสียงตะโกนของพนักงานขนส่งดังพร้อมเสียงมอเตอร์ไซค์ ภาวิตที่ยืนเหม่อเอามือไพล่หลังสะดุ้งตื่นจากภวังค์ นายตำรวจวัยใกล้เกษียณพยักหน้าพลางก้าวไปรับกล่องพัสดุจากพนักงานก่อนหมุนตัวเข้าไปในบ้าน ชื่อผู้รับที่ระบุหน้ากล่องจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพวงชมพู ภัทรพิมดาว ลูกสาวที่มักแอบสั่งเสื้อผ้าของใช้ตามประสาวัยรุ่น ภาวิตเคยปรามแต่ไม่จริงจังนัก เธอไม่ได้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ของที่ซื้อก็ล้วนมาจากเงินค่าขนมที่เก็บออมไว้ สองเท้าที่เดินอยู่เกิดชะงักกึกกลางห้องนั่งเล่น เมื่อไล่สายตาแล้วบังเอิญเห็นชื่อสินค้าที่แม้ตัวเล็กเท่ามดแต่ภาวิตยังสามารถอ่านได้ชัดเจน ก้อนเนื้อในอกเต้นระรัวพร้อมความสงสัยที่วิ่งวนในหัว แต่เสียงฝีเท้าที่บ่งบอกว่ากำลังมีคนเดินลงบันไดมาทำให้ภาวิตรีบวางกล่องพัสดุบนหลังตู้โชว์ แล้วเดินไปนั่งที่โซฟา พวงชมพูเดินลงมาจากชั้นสองเหลือบมองบิดาที่กำลังสนใจโทรศัพท์มือถือ พอเธอเห็นกล่องพัสดุวางบนตู้โชว์ที่สูงเพียงหนึ่งเมตรก็คว้าหมับแล้วทำท่าจะวิ่งขึ้นบันได “สั่งอะไรมาอีก วันๆ มีแต่พัสดุมาส่ง” “ของเพื่อนค่ะ” พวงชมพูตอบเพียงเท่านั้นก็วิ่งกลับขึ้นห้อง กดล็อคลูกบิดแล้วกวาดมองรายละเอียดบนกล่องพัสดุที่พลาดระบุชื่อสินค้าจนได้ทั้งที่เธอกำชับร้านไปแล้ว รู้อย่างนี้น่าจะสั่งแบบเก็บเงินปลายทางก็ดี อย่างน้อยก็รับด้วยมือตัวเอง...และหวังว่าพ่อคงไม่ทันเห็นหรอกนะ พวงชมพูเกิดมือสั่นเทาขณะกรีดคัตเตอร์บนกล่องพัสดุ ยิ่งสินค้าปรากฏแก่สายตา ก้อนเนื้อข้างในยิ่งกระหน่ำรุนแรง พวงชมพูกวาดตาอ่านคู่มือการใช้อุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์อย่างรวดเร็ว ก่อนซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วเปิดประตูห้องนอนเพื่อใช้ห้องน้ำรวมที่อยู่ด้านนอก บ้านสองชั้นหลังนี้มีห้องน้ำเพียงสองห้องคือชั้นบนและชั้นล่าง เธอทำการทดสอบด้วยหัวใจที่ไม่เคยผ่อนจังหวะช้าลง เพิ่งมาสังเกตตัวเองช่วงหลังว่าประจำเดือนขาดไปหลายเดือน พวงชมพูจำได้ว่าช่วงสองเดือนแรกเหมือนมีเลือดออกแต่เพียงกะปริบกะปรอย เธอไม่เอะใจเพราะคิดว่าตนอยู่ในภาวะเครียด อีกอย่างเธอลืมเรื่องยาคุมฉุกเฉินไปเสียสนิท นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พี่ธามพาตะลอนเที่ยว พอกลับถึงบ้านก็นอนซมเป็นไข้ถึงสองวันเต็ม และนับจากนั้นมา พวงชมพูก็ลืมเรื่องคุมกำเนิดเสียสนิท เพราะหัวใจเหวอะหวะกับแผลที่ธนนท์ทิ้งไว้ เขาทำกับเธออย่างโหดร้าย ทิ้งขว้างชนิดที่แม้แต่เยื่อใยสักเส้นก็ไม่เหลือให้เห็น พวงชมพูส่งข้อความหาเขาไม่ได้ไม่ว่าจะแอปพลิเคชั่นไหนก็ตาม หมายเลขโทรศัพท์ปิดการใช้งาน เฟซบุ๊คที่มีกันและกันเป็นเพื่อนก็หายสาบสูญราวกับไม่เคยมีอยู่ในแพลตฟอร์มนั้น เขาบล็อกเธอ...เขาบอกเลิกได้อย่างเลือดเย็น พวงชมพูเสียใจไม่มีใครปลอบ ร้องไห้ไม่มีใครเห็น หรือแม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่เอื้อนให้ใครได้ยิน เมื่อไร้ร่อยรอยของเขาในโลกออนไลน์เธอก็ไม่คิดตามหาอีก จะตามหาทำไมในเมื่อการที่เขาบล็อกเธอทุกช่องทางมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว พวงชมพูเจ็บจนไม่อยากรับรู้อะไรในโลกนี้อีก ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เธอไม่แยแสโซเชียลอีกเลย ทำราวกับยุคนี้ไม่มีอินเตอร์เน็ต และทำการลบแอคเคาน์เดิมของตัวเองทิ้งไป พวงชมพูไม่รู้ว่าทำแบบนั้นทำไม อาจเพราะประชดชีวิตล่ะมั้ง พวงชมพูใช้เวลากับน้ำตาและความเจ็บปวดให้สาสมแก่ความน่าสมเพช เมื่อแน่ใจว่าโดนเขี่ยทิ้งอย่างไร้เยื่อใยก็ไม่อาลัยอาวรณ์เขาอีก แม้ในใจยังแอบสะอื้นอยู่ก็ตาม เธอฝืนใช้ชีวิตให้คนรอบข้างไม่สังเกตเห็นความเศร้า ตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียน หยิบจับมือถือเฉพาะมีเหตุจำเป็น ไม่รับรู้ข่าวสารบ้านเมือง รวมถึงข่าวบันเทิงก็ไม่ค่อยดูทั้งที่ชอบเสพเป็นประจำ สิ่งเดียวที่ทำคือตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือสอบเพื่อให้มีที่เรียนในมหาวิทยาลัย อ้อ...อีกอย่าง จะว่าไม่สนใจสื่อบันเทิงเสียทีเดียวก็ไม่ถูก สองเดือนก่อนรุ่นพี่ที่รู้จักชักชวนเธอไปถ่ายมิวสิควิดีโอ พวงชมพูเห็นว่าได้เงินก็เลยตัดสินใจรับ พอเอ็มวีออนแอร์เป็นกระแสก็ถึงขั้นมีผู้จัดการดาราติดต่อพวงชมพูไปแคสต์งานแสดง เธอปรึกษาพ่อแม่และไม่มีใครคัดค้าน จึงตอบรับคำชวนโดยมีกำหนดการแคสต์บทละครที่กรุงเทพฯ ในสัปดาห์หน้านี้ ซึ่งโอกาสในวงการบันเทิงเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเยียวยาความขมขื่นของเด็กสาววัยสิบแปดปีได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ถูกพี่ธามทิ้งเธอก็พยายามเข้มแข็งและโฟกัสกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้เขาไม่มีพื้นที่ในความคิด แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ไม่เคยกลัว ไม่ใช่ไม่เคยคลางแคลงว่าพี่ธามอาจเข้ามาแค่หลอกลวง ความคิดลบที่ตลอดเวลาเธอผลักไปอยู่สุดมุม สุดท้ายก็เป็นความจริงจนได้ เขาแค่หลอกเธอ ไม่ได้คิดจริงจัง พอช่วงเวลาแก้เหงาสั้นๆ นี้จบลง เขาก็กลับไปอยู่ในที่ของเขาทำราวกับเธอไม่เคยมีอยู่ในชีวิตเขา เธอก็แค่คนคั่นเวลาเท่านั้นแหละ เขาทำกับเธออย่างโหดร้ายแล้ว พวงชมพูบอบช้ำมามากพอแล้ว ขอพระเจ้าอย่าลงโทษไปมากกว่านี้เลย เธอภาวนาให้การที่ประจำเดือนขาดหายเป็นเพราะความเครียดสะสม อย่าให้เลวร้ายถึงขั้นตั้งท้องเลย เธอกลัวไปเสียหมด ไม่กล้าแม้แต่เดินไปซื้ออุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์จากร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อเพราะเกรงจะเจอคนรู้จัก เลยตัดสินใจสั่งของทางออนไลน์แทน ไม่ทันคิดว่าหากขึ้นรถสองแถวไปต่างอำเภอก็จะไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใคร แวะซื้อของที่ต้องการและทำการทดสอบในห้องน้ำสาธารณะแถวนั้นก็คงไม่เสี่ยงแบบนี้ ทำไมถึงเพิ่งมานึกได้ตอนนี้นะ ติ๊งๆ นาฬิกาจับเวลาร้องเตือนจนคนที่ยืนพิงกำแพงห้องน้ำผวาตื่นจากห้วงความคิด ดวงหน้ากังวลชะโงกดูแท่งสีชมพูที่วางบนฝาชักโครก เห็นเพียงเท่านั้นพวงชมพูก็เข่าทรุดไปกองกับพื้นกระเบื้อง “ไม่จริง...มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ” พวงชมพูปิดปากสะอื้น ส่วนอีกมือดึงทึ้งผมตัวเอง ใบหน้าบุพการีลอยมาเพิ่มความเคียดขึ้ง ไม่เพียงถูกย่ำยีทิ้งขว้างให้ไร้ค่า ยังทิ้งตราบาปไว้ให้เธอรับผิดชอบ ปังๆๆ! “พวงชมพู! ออกมาเดี๋ยวนี้ พ่อรู้ว่าแกอยู่ในนั้น ออกมา!” ร่างบางกลืนเสียงสะอื้น หน้าซีดเผือดพร้อมหัวใจที่หล่นวูบไปอยู่ปลายเท้า เสียงกัมปนาทของบิดาผสานกับเสียงทุบประตูห้องน้ำดังสนั่นจนเกรงว่าประตูอาจพังในที่สุด พวงชมพูยันแขนกับผนังลุกขึ้นยืนพลางสูดลมหายใจยาวลึก ในเมื่อทำลงไปแล้ว ความพลาดพลั้งเกิดขึ้นแล้วและไม่มีพรวิเศษใดพาย้อนเวลากลับไปแก้ไข สิ่งเดียวที่ทำได้คือกล้าเผชิญหน้ากับความจริง บานประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมดวงตาวาวโรจน์ของคนตรงหน้า พวงชมพูเห็นสองมือของบิดากำแน่นข้างกาย หัวใจลูกสาวสั่นสะท้านพร้อมน้ำตาที่หยดไหลอย่างไม่หยุดพัก “ร้องไห้แบบนี้แปลว่า...แปลว่าแกท้องจริงๆ สินะ” นายตำรวจกัดฟันข่มความเดือดดาล นานนับหลายนาทีที่แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้เพื่อรอให้ลูกสาวพูดออกมาเอง แต่หัวใจเหมือนถูกไฟลนทนไม่ไหวจนต้องลุกมาเอาความให้จบๆ “พ่อ...ฮึก...หนูขอโทษ” สองมือสั่นเทาพนมไหว้ ภาวิตเงื้อฝ่ามือกลางอากาศแต่ไม่ทันได้ฟาดอย่างที่อารมณ์นำพาก็ถูกคว้าแขนห้ามโดยภรรยาที่วิ่งหน้าตั้งขึ้นมา พร้อมด้วยพุดน้ำบุศย์บุตรชายคนโตที่ก้าวตามหลังมารดา “พี่ทำอะไรลูก จะตีลูกทำไม มันเกิดอะไรขึ้น” สายน้ำผึ้งเพิ่งกลับมาจากจ่ายตลาด ได้ยินเสียงตะคอกพร้อมทุบประตูจึงรีบวางข้าวของแล้วขึ้นมาดูพร้อมด้วยลูกชายที่กลับเข้าบ้านพอดี “เราคงเลี้ยงลูกไม่ดีพอ ใส่ใจมันน้อยเกินไป คงลืมสอนว่าอะไรควรไม่ควร ทั้งที่ยังเรียนอยู่แท้ๆ แต่กลับท้องป่องก่อนวัยอันควร ทำไมถึงทำแบบนี้พวงชมพู!” “หา!? ว่าไงนะ” มือของภรรยาที่ห้ามแขนผู้เป็นสามีพลันเลื่อนหลุด ดวงตาโตหันมองลูกสาวที่ก้มหน้าร้องไห้ตัวสั่นงันงก “หนู...หนูขอโทษ หนูขอโทษจริงๆ” “ไม่ต้องมาขอโทษ แกมันเด็กใจแตก” ภาวิตปัดมือลูกสาวที่ยกพนมไหว้แล้วผลักร่างบางจนเซถลา พุดน้ำบุศย์รีบก้าวมาประคองน้อง “พ่อใจเย็นๆ ก่อนนะ แค่นี้น้องก็รับไม่ไหวแล้ว” พี่ชายวัยยี่สิบสี่ปีเกลี้ยกล่อมอย่างคนที่มีสติที่สุด “คนที่รับไม่ไหวคือพ่อกับแม่ต่างหาก! มันท้องในวัยเรียนแบบนี้แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เลี้ยงลูกเหมือนไม่ได้สั่งได้สอน ปล่อยให้แรดไปนอนกับผู้ชายจนท้องไส้ขึ้นมา พ่อแกเป็นคนมีหน้ามีตา มีหน้าที่การงานที่ต้องรักษานะ ทำไมแกถึงทำให้ฉันอับอายแบบนี้ชมพู!” “พูดเอาแต่ได้ เห็นแก่ตัวทุกคำ” สายน้ำผึ้งขัดขึ้นอย่างสุดจะทน ฟังคำด่าว่าของสามีไม่มีแม้แต่ความเห็นอกเห็นใจ หรือเข้าใจในวัยรุ่นที่ความคิดความอ่านและการยับยั้งชั่งใจไม่ได้แข็งแรง ขนาดผู้ใหญ่ผ่านโลกมานับหลายทศวรรษยังทำตัวยิ่งกว่าเด็กก็มี ลูกสาวของเธอก็ตัวแค่นี้ อยู่บนโลกมาเพียงสิบแปดปีเท่านั้น “เธอก็ชอบให้ท้ายลูกตลอด ไม่ว่าจะลูกสาวหรือลูกชายเธอก็โอ๋มันทุกคน ชมพูมันทำพลาดขนาดนี้ ความผิดครั้งนี้ไม่ใช่เล็กๆ มันท้องในวัยเรียนนะ อนาคตกำลังจะดีแท้ๆ แล้วนี่อาทิตย์หน้าต้องไปแคสต์งานที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ เฮอะ! ทำอะไรไม่คิดถึงอนาคต ไม่คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่ แกบอกพ่อมาสิชมพูว่าไอ้เวรที่ทำแกท้องมันเป็นใคร!” พวงชมพูก้มหน้างุดโดยมีสองแขนแข็งแรงของพี่ชายโอบประคอง นาทีแล้วนาทีเล่าที่ผู้ใหญ่รอฟังคำตอบ ทว่าก็มีเพียงเสียงร้องไห้และศีรษะยุ่งเหยิงที่ส่ายไปมา “เออ! ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก กูก็ไม่อยากรู้แล้วว่าหมาตัวไหนมันทำแกท้อง” “แรงไปแล้วนะพี่” สายน้ำผึ้งสะกิดปราม ตั้งแต่เริ่มสร้างครอบครัวกันมาภาวิตไม่เคยใช้คำพูดรุนแรงกับลูกเลยสักครั้ง ยิ่งกับพวงชมพูยิ่งไม่เคยทำใจดำ แทบจะโอ๋เสียด้วยซ้ำ สายน้ำผึ้งเข้าใจว่าภาวิตกำลังผิดหวังรุนแรงในตัวลูกสาว เขาก็เป็นเช่นนี้ยามได้โกรธก็ราวกับน้ำร้อนในหม้อต้มที่เดือดจัดจนน้ำกระเซ็นซ่าน ภาวิตหวงลูกสาวไม่ยอมให้มีแฟนเลยสักครั้ง จะไปไหนมาไหนต้องขออนุญาตและที่ผ่านมาพวงชมพูก็อยู่ในกรอบระเบียบของพ่อแม่อย่างน่าชื่นชม ภาวิตคงกำลังสงสัยปนโทษตัวเองว่าที่ผ่านมาพลาดตรงไหนลูกถึงกลายเป็นแบบนี้ “พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปเอาเด็กออก!” สิ้นคำประกาศิตร่างสง่าสมชายชาติตำรวจก็เดินตึงตังลงบันได พวงชมพูร้องไห้ไม่หยุดขณะเอนหน้าซบอกพี่ชาย “ชมพูครั้งนี้หนูทำแม่ผิดหวังนะ...ผิดหวังมาก แม่ไม่ได้เห็นด้วยกับพ่อเราทุกอย่าง เรื่องนี้เรื่องใหญ่เราต้องคุยกันอีกที...พุดพาน้องเข้าห้องก่อนเถอะ” สายน้ำผึ้งว่าก่อนเดินลงไปชั้นล่าง ปล่อยให้สองพี่น้องอยู่กันตามลำพัง เวลานี้พวงชมพูยังช็อกและอ่อนไหว สับสนจนไม่มีกะจิตกะใจหรือความคิดที่ดีพอ พี่ชายร่างอวบแต่ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบหกเซนติเมตร พาน้องสาวกลับเข้าห้องนอนพร้อมกดล็อคประตู พวงชมพูนั่งลงที่เตียงนอนสีฟ้าพลางยกสองมือปิดหน้ากลั้นเสียงสะอื้น “ชมพูบอกพี่ได้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” มือบางเช็ดน้ำตาที่เปรอะเลอะทั่วดวงหน้า เงยมองพี่ชายที่ยืนค้ำศีรษะก่อนเปลี่ยนมานั่งข้างๆ แม้ทั้งสองต่างวัยกันถึงหกปี แต่ความสัมพันธ์สองพี่น้องแนบแน่นตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก พวงชมพูมีพุดน้ำบุศย์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นหลุมหลบภัยที่ทั้งลึกและอบอุ่น พี่ชายของเธอเป็นคนใจเย็นแม้บางครั้งอาจดูเนิบช้าเป็นเด็กเนิร์ด แต่เขาเพียบพร้อมด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ เป็นที่ปรึกษาที่ดีของพวงชมพูเสมอมา “ชมพูไม่อยากพูดถึงเขาอีกแล้วพี่พุด ฮึก...เขาแค่หลอกหนู เขาได้หนูแล้วก็ทิ้ง ไม่มีทางไหนติดต่อได้ เขาบล็อกหนูทุกทาง เขาหายไปแล้ว หนูมันโง่ โคตรโง่เลยพี่” เพิ่งเช็ดน้ำตาไม่ถึงสิบวินาทีก็ไหลซ้ำออกมาอีกหน แขนแกร่งดึงน้องสาวมากอดแนบอก ลูบเรือนผมยุ่งเหยิงอย่างปลอบประโลม “ถึงพ่ออยากเอาปืนไปยิงเขาก็ทำไม่ได้หรอก เขาหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว หนูอาย อายที่ต้องบอกใครๆ ว่าถูกหลอกฟัน” “ไม่เป็นไร งั้นก็ไม่ต้องบอกใคร ให้พี่รู้คนเดียวพอ ถ้าน้องไม่อยากบอกพ่อกับแม่ก็ไม่ต้องบอก ถึงพูดออกไปก็ไม่ได้ทำให้พ่อโกรธน้อยลง แล้วนี่ท้องกี่เดือนแล้ว” “สามเดือนค่ะ พ่อจะพาหนูไปทำแท้ง” “แล้วชมพูคิดว่าไง” “หนูยังมีสิทธิ์คิดเองอีกเหรอในเมื่อทำพ่อแม่เสียใจขนาดนั้น ทำให้พ่ออับอายขายหน้า หนูเกลียดตัวเองจังทำไมถึงได้อ่อนต่อโลกขนาดนี้ หนูเกลียดตัวเอง เกลียด...” “พอแล้ว อย่าพูดแบบนี้อีกนะ ถึงจะรู้ตัวว่าผิดแค่ไหน แต่ก็เหลือความรักความเคารพให้ตัวเองบ้าง วันนี้มันแย่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแย่ไปทั้งชีวิต” ทุกครั้งพวงชมพูมักคล้อยตามคำแนะนำของพี่ชาย ยกเว้นครั้งนี้ มันไม่ได้แย่แค่วันนี้วันเดียว เธอทำพลาดใหญ่หลวง เธอกำลังตั้งท้องซึ่งเป็นความผิดพลาดที่จะกลายเป็นทั้งหมดของชีวิต พวงชมพูรู้ดีว่าทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ตาม...เธอสัมผัสได้ว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว โดยเฉพาะความรู้สึกของพ่อแม่ที่มีต่อลูกไม่รักดีคนนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม