อีกหนึ่งเดือนก็ครบกำหนดคลอด
วันคืนหมุนผ่านอย่างรวดเร็ว ทุกย่างก้าวของพวงชมพูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เธอดำเนินชีวิตอย่างมีสติแม้หัวใจแบกรับความเครียดมหาศาล ไหนจะโหมเรียนหนัก ขะมักเขม้นอ่านหนังสือจนดึกดื่น ไหนจะต้องกล่อมใจให้ผ่อนคลายเพื่อสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิดเมื่อต้องใช้ชีวิตร่วมกับความหมางเมินของบิดา
ภาวิตทำเหมือนพวงชมพูไม่มีตัวตน ยิ่งครั้งนั้นเธอดื้อไปแคสต์งานละครที่กรุงเทพฯ โดยไม่บอกกล่าวทางบ้าน ภาวิตยิ่งโกรธหนักถึงขั้นไม่คุยกับเธอไปอีกหลายวัน และผลจากความดื้อดึงนั้นทำให้พวงชมพูค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถด้านการแสดง เธอแคสต์งานผ่าน แต่ก็ต้องปฏิเสธโดยเอาพ่อมาอ้างว่าไม่สะดวกรับงานตอนนี้
อย่างน้อยก็ถือว่าได้ลอง ไม่ได้ทิ้งขว้างโอกาสเสียทีเดียว แม้ชวดเป็นดารา แต่อย่างน้อยวันหนึ่งข้างหน้าก็มีเรื่องมาคุยโวให้ลูกฟังว่าแม่ของหนูสวยและเก่งจนเกือบได้เข้าวงการบันเทิงแล้ว…แต่แม่ก็เลือกหนูมากกว่า
มาจนถึงวันนี้พวงชมพู 'ช่างมัน' ไปหมดแล้ว เธอรักตัวอ่อนที่นอนอยู่ครรภ์ สานใจผูกพันนับวันได้เจอหน้ากัน
แปดเดือนล่วงผ่านไปพวงชมพูก็มีหลายเรื่องให้ภาคภูมิใจในตัวเอง เธอเรียนจบมัธยมปลายด้วยเกรดเฉลี่ย 3.97 สอบติดมหาวิทยาลัย คณะบริหารธุรกิจ พร้อมบำรุงลูกน้อยในครรภ์ได้อย่างแข็งแรงสมบูรณ์
ช่วงหกเดือนแรกไม่มีใครรู้ว่าเธอตั้งท้อง กระทั่งกระถินคนข้างบ้านและเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนบังเอิญรู้เข้าจึงนำไปโพทะนา เมื่อนั้นดาวโรงเรียนอย่างพวงชมพูก็ยิ่งทวีความโด่งดังขึ้นอีกเท่าตัว
เด็กสาวในวัยสิบแปดปีพยายามเข้มแข็งอย่างสุดความสามารถ แต่เธอก็แค่มนุษย์คนหนึ่งที่บอบบางทางความรู้สึก ช่วงนั้นไม่ว่าพวงชมพูจะหันปลายเท้าไปทางไหน ก็รู้สึกราวกับมีสายตาแห่งความเกลียดชังปนสมเพชพุ่งมาประหัตประหาร แค่พ่อเกลียดก็หนักหนาพออยู่แล้ว นี่ยังโดนบรรดาเพื่อนในกลุ่มเลิกคบเพราะโกรธที่เธอปิดบังเรื่องท้อง
พวงชมพูพยายามร้องไห้ให้น้อยที่สุด ก่อร่างสร้างเกราะให้ตัวเองชินชา เพราะสุดท้ายแล้วเธอคือคนที่จะอยู่กับตัวเองไปตราบนานเท่านาน คือคนที่ต้องดูแลลูกอย่างที่พี่ชายคอยสอนอยู่เสมอ ดังนั้นการรักษาสภาพจิตใจไม่ให้ร่วนซุยเหมือนเม็ดทรายจึงเป็นเรื่องที่ต้องรีบสร้าง สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอดในสังคมอันโหดร้าย
“ชมพูลูก” สายน้ำผึ้งซอยฝีเท้ามาหาลูกสาวที่นั่งพักขาอยู่ตรงเก้าอี้ในห้างสรรพสินค้าโดยมีพี่ชายยืนพิงขนาบอยู่ข้างๆ
“เป็นไงครับแม่ ยิ้มหน้าบานแบบนี้แปลว่าการซื้อขายสำเร็จสินะ”
“สำเร็จสิ ให้ทายว่าได้มาเท่าไหร่”
มารดายิ้มแก้มปริ เห็นความสุขฉ่ำไปทั้งดวงตาแบบนี้คงเป็นจำนวนที่น่าพอใจสินะ พวงชมพูหันมองพี่ชายก่อนเอ่ยเดาราคา
“สองหมื่นเหรอคะ?”
“โอ๊ย! ตีราคาน้อยจังล่ะลูก ไม่ใกล้เคียงเลย นี่จ้ะ...” คุณแม่ที่กำลังเตรียมตัวเป็นคุณยายยอบนั่งข้างคนท้องพร้อมยื่นเช็คให้ลูกสาว
“650,000 บาท!” พวงชมพูอ่านตัวเลขในกระดาษแผ่นบางอย่างตกใจ “ทำไมถึงราคาสูงแบบนี้ล่ะคะ”
“หนูต้องถามตัวเองมากกว่า ไม่สิ...ต้องถามคนให้มากกว่าว่าทำไมถึงให้ของที่มูลค่าสูงขนาดนี้”
แสดงว่าผู้ชายคนที่ทำลูกสาวเธอท้องแล้วไม่รับผิดชอบ คงมีฐานะพอตัวถึงให้แหวนเพชรราคาแพงขนาดนี้ ซึ่งล่วงเลยมาจนใกล้กำหนดคลอด พวงชมพูก็ยังไม่ยอมพูดถึงผู้ชายคนที่เป็นบาดแผลตราบาป และสายน้ำผึ้งก็ไม่คิดคาดคั้นให้ลูกลำบากใจ
ก่อนหน้านี้พวงชมพูเอาแหวนออกมาให้สายน้ำผึ้งพิจารณาว่าใช่ของแท้ไหม ถ้าแท้จะได้เอาไปขาย วันนี้เธอเลยนัดหมายคุณนายตำรวจที่รู้จักกันมานานนับตั้งแต่ย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่เชียงใหม่ ซึ่งคุณนายท่านนี้มีความสนใจและความรู้ด้านเพชรพลอย สายน้ำผึ้งแยกจากลูกๆ ไปเกือบชั่วโมง และกลับมาพร้อมความปรีดาในสีหน้า
“ชมพูจะไม่เสียดายทีหลังใช่มั้ย แม่ขายไปแล้วนะ หนูเอาคืนไม่ได้แล้วนะ”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไม่มีแม้แต่เสี้ยวของความเสียใจช้อนมองมารดา “ไม่เสียดายสักนิด และไม่อยากได้คืนด้วยค่ะ ทีแรกหนูจะเขวี้ยงลงน้ำด้วยซ้ำ”
“ตายแล้วลูกฉัน จะเอาแหวนราคาครึ่งล้านไปโยนน้ำ ดีนะที่เอามาให้แม่ดูก่อน คุณทับทิมเธอพาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยส่องเพชรและบอกว่าแหวนที่หนูได้มาเป็นเพชรชมพูจากธรรมชาติไม่ใช่เพชรสังเคราะห์จากห้องแล็บ”
“งั้นเราไปแบงก์กันมั้ยครับ เอาเช็คไปขึ้นเงิน”
“อยู่ๆ ก็ได้เงินมาก้อนใหญ่อย่างไม่คิดไม่ฝัน เหมือนถูกหวยเลยนะคะ แบบนี้หนูก็จ่ายค่าทำคลอด ค่านม ค่าแพมเพอร์สเองได้แล้วสิ พี่พุดไม่ต้องจ่ายเงินค่าทำคลอดให้หลานแล้วนะคะ”
ราวกับหัวใจค่อยๆ คลายความทึมเทาออกมา ตัวเลขบนกระดาษยังผลต่อความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ความกลัดกลุ้มทั้งหลายพลันมลายสลายตัว ส่วนความอับอายเรื่องท้องในวัยเรียนก็ส่งผลต่อหัวใจเพียงระยะสั้นๆ ตอนนี้เธอปล่อยวางหมดแล้ว ยิ่งท้องแก่ใกล้คลอด ยิ่งไม่อยากคิดอะไร กังวลอยู่เรื่องเดียวก็คือค่าใช้จ่ายของทารก ส่วนบิดายังส่งเสียให้เธอเรียนตามปกติ แต่ไม่เอ่ยถึงการเลี้ยงดูหลาน เป็นพุดน้ำบุศย์เสียมากกว่าที่เสนอตัวไม่มีบ่น
“ตามใจ ถ้าอยากรบกวนอะไรก็ไม่ต้องเกรงใจพี่นะ ยังไงพี่ก็ยินดีช่วยเราและหลานอยู่แล้ว พี่มีรายได้จากการสอนพิเศษเยอะอยู่ ตอนนี้เรียนป.โทก็ใช้ทุนทั้งนั้นแทบไม่ได้ใช้เงินตัวเองเลย ถึงยังไงพี่ก็ซัพพอร์ตน้องกับหลานได้เสมอ”
“ขอบคุณนะคะพี่พุด ขอบคุณนะคะแม่ ชมพูสัญญาว่าจะเป็นแม่ที่ดีและเป็นลูกที่ดีกว่าเดิม”
“มาขี้แยอะไรในที่ที่คนเยอะแยะหืม?” สายน้ำผึ้งไล้น้ำตาให้ลูกสาวอย่างเอ็นดู พลางพยักหน้าพากันไปฝากเงินที่ธนาคาร
หลายเดือนมานี้หากไม่ได้ความรักความอารีจากแม่และพี่ชาย พวงชมพูคงจมอยู่ในโลกสีหม่นพร้อมรับสภาพซึมเศร้า หรือหากแย่กว่านั้นคงไม่มีตัวเธออยู่บนโลกนี้อีกแล้ว พุดน้ำบุศย์เป็นพี่ชายแสนประเสริฐ เป็นทุกๆ อย่างที่เรียกว่าความสบายใจของพวงชมพู ทุกครั้งที่บิดาสาดวาจากระทบแทงใจน้อง เขาก็เข้ามาโอบกอดทันทีไม่ยอมให้พวงชมพูเก็บคำพูดของพ่อไปคิดมาก
พุดน้ำบุศย์มองเห็นอย่างลึกซึ้งว่าพวงชมพูกำลังอยู่ในภาวะไหน ยิ่งกำลังท้องยิ่งอ่อนไหวง่าย บางครั้งพ่อก็เงียบและทำเมินเหมือนพวงชมพูไม่มีตัวตน บางทีโดยเฉพาะตอนเมาก็ชอบมองหยันและพูดจาเสียดใจดำจนน้องสาวจะเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าอยู่รอมร่อ
พ่อเขาก็เป็นเช่นนี้ เป็นพวกคนแก่ที่ไม่แยแสจิตใจคนอื่น อาจคิดด้วยซ้ำว่าโรคซึมเศร้าเข้าวัดเดี๋ยวก็หาย ไม่ยอมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของสารสื่อประสาทในสมอง
แต่พุดน้ำบุศย์เชื่ออย่างหนึ่งว่าการกำเนิดของสมาชิกใหม่จะพาภาวิตคนเก่ากลับมา เขาจะทนใจแข็งทำใจดำกับเด็กตัวน้อยๆ ได้ลงคอก็ให้มันรู้ไป