เล็กน้อย

1902 คำ
ข้าวหมูทอดและข้าวผัดกะเพราหมูกรอบอย่างละจานหมดในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที พาลินเชื่อแล้วว่าที่พี่เขาบอกว่าหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวก็คงจะเป็นจริงตามนั้น เขานั่งมองคนตัวโตทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนตัวเองนั้นทานข้าวแล้วตั้งแต่ก่อนไปบ้านน้องเบจิง จึงสั่งแค่หมูสะเต๊ะมานั่งทานระหว่างรอ “อร่อยนะครับ พี่กินไหม ร้านนี้น้ำอาจาดอร่อยแตงกว่าก็สดมากเลย” พูดพลางจิ้มแตงกว่าในถ้วยน้ำอาจาดเข้าปากเคี้ยวตุ้ย “มันต้องกินคู่กันไม่ใช่เหรอทั้งสองน้ำจิ้ม” ดลธรรมจิ้มทั้งอาจาดและน้ำจิ้มอีกถ้วยซึ่งมีเครื่องเทศส่งกลิ่นหอมเข้าปาก “ครับ แต่ผมไม่ค่อยกล้ากินเท่าไหร่” “ทำไมไม่กินเผ็ดเหรอ” คนถามเคี้ยวจนแก้มตุ่ย “เปล่าครับ ผมเคยแพ้ถั่วลิสงครับ กินแล้วผื่นมันจะขึ้นคัน ไปทั้งตัว” “พี่ขอโทษพี่ไม่รู้ ดูสิเกือบทำน้ำจิ้มสองถ้วยปนกันแล้ว” “ก็พี่ไม่รู้นี่ครับ แต่ถ้านิดหน่อยแค่นี้ไปไม่เป็นไรหรอกครับ” “แล้วแพ้อะไรอีกไหม พี่จะได้ระวัง” “ไม่ครับ” พาลินอยากอยากบอกว่าเขาแพ้คนหล่อและใจดีเหมือนคนตรงหน้า แต่ก็ไม่สนิทพอที่จะพูดออกไปแบบนั้น พอทานจนอิ่มดลธรรมก็เพิ่งสังเกตว่าคนที่นั่งคุยด้วยมีแผลถลอกที่แขนทั้งสองข้าง คงจะเป็นตอนที่ล้มลงไปในพุ่มดอกเข็ม เขาเอื้อมมาจับแขนของพาลินพลิกไปพลิกมาก่อนจะส่ายหัว “มีแผลทำไมไม่บอกละครับ” เขาถามอย่างเป็นห่วง “แผลนิดเดียวเองครับพี่ เดี๋ยวกลับไปทายาก็หายแล้ว” พาลินเองก็เพิ่งเห็นว่าแขนของตัวเองมีรอยข่วน ชายหนุ่มไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด แต่เพราะเป็นคนตัวขาวแผลที่เห็นมันเลยดูชัดเจน “ที่ห้องมียาใช่ไหม ยาอะไรนะที่ขวดมันเหลืองๆ ส้มๆ” “เบตาดีนครับ เดี๋ยวผมซื้อที่เซเว่นก็ได้ พี่โดมรอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวผมมานะครับ” “ไปซื้อพร้อมกันเลยพี่อิ่มแล้ว” เขากำลังจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่เดินไปจ่ายเงินที่แม่ค้าแล้ว “มื้อนี้ผมเลี้ยงครับ พี่มาส่งผมสองวันแล้ว” “แต่พี่กินเยอะกว่าเรานะ ให้พี่จ่ายดีกว่า” ดลธรรมรีบท้วงรู้สึกไม่ดีที่ให้คนอายุน้อยกว่าต้องมาจ่ายค่าอาหารให้ตัวเอง “ถ้าพี่จ่ายค่าข้าว ผมจะจ่ายค่ารถ” พาลินพูดพลางหันมามองตาแป๋ว จนคนพี่เห็นแล้วต้องยอมใจอ่อน ทั้งสองพากันเดินไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกล พาลินได้เบตาดีนกับสำสีและน้ำเกลือสำหรับล้างแผลมาหนึ่งขวด แต่ครั้งนี้คนที่จ่ายเงินคือดลธรรม ด้วยเหตุผลที่เขาบอกคือเขาเป็นคนทำให้พาลินเจ็บ “ขอบคุณครับพี่โดม เดี๋ยวผมเดินกลับเองก็ได้ อีกนิดเดียวก็จะถึงหออยู่แล้ว พี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลา” “เดี๋ยวพี่เดินไปส่งนะ” “โธ่! พี่ผมไม่ใช่เด็กๆ นะครับจะต้องเดินไปส่งทำไม” “ไม่ใช่เด็กแต่ก็ซุ่มซ่ามไง เกิดเดินไปเตะอะไรหรือไปล้มใส่เท้าใครขึ้นมาจะแย่เอานะ” “พลาดล้มแค่ครั้งเดียวนี่เหมือนเป็นตราบาปเลยนะครับ” พาลินพูดพลางหัวเราะ แต่ก็ยอมให้เขาเดินมาส่งเพราะขี้เกียจจะเถียง การได้เดินคู่กันไปบนทางเดินที่ค่อนข้างมืดทำให้เขารู้สึกดี อดจะเปรียบเทียบคนที่เพิ่งรู้จักกับแฟนหนุมไม่ได้ แต่ก่อนกันต์ธีร์ก็อบอุ่นและใจดีแบบนี้ จนเขายอมใจอ่อนตกลงเป็นแฟน แต่โปรโมชั่นก็หมดลงในเวลาอันรวดเร็ว “ทำไมหอมันเงียบจัง” ดลธรรมเงยหน้ามองไปบนหอพักแทบจะไม่มีห้องไหนเปิดไฟเลย “ก็ปิดเทอมนี่ครับ บางคนก็ย้ายออกเพราะจบ บางคนก็กลับบ้าน” “แล้วเราล่ะ อยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ” “ครับ ผมไม่มีบ้านให้กลับ” น้ำเสียงของพาลินฟังดูเหงาจนดลธรรมรู้สึกผิดที่ถามไปแบบนั้น “พี่ขอโทษ” “ผมชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว ตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป ผมก็อยู่คนเดียวมาตลอด” “นานแล้วเหรอ” “ห้าปีแล้วครับ ตั้งแต่ผมอยู่ ม.5 ผมกับตายายไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ก็เลยขอมาอยู่คนเดียว ส่วนปู่กับย่าอยู่อังกฤษครับ ท่านชวนผมไปอยู่ด้วย แต่ผมอยากลองอยู่ด้วยตัวเองครับ” “ไม่เหงาแย่เหรอ” “เหงาสิครับ ผมถึงต้องไปสอนที่โรงเรียนสอนภาษา ไปสอนเบจิง อยู่กับเด็กแล้วมันหายเหงาครับ” “พี่นึกว่าที่ทำงานเพราะอยากได้เงิน” “ก็ทั้งสองอย่างครับ เด็กๆ เป็นยาชั้นดีเลยครับ เหงา หรือเศร้าแค่ไหน พวกเขาก็ทำให้ยิ้มได้ครับ” “นั้นสินะ” ดลธรรมคิดถึงหลานชายที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขทุกอย่างมันดูสดใสไปหมด “ขอบคุณนะครับที่เดินมาส่ง เดินกลับคนเดียวได้ใช่ไหมครับ” “ถ้าบอกไม่ได้ เราก็จะเดินไปส่ง แล้วก็คงไม่ต้องได้กลับกันล่ะ ส่งกันไปส่งกันมา” ชายหนุ่มหัวเราะก่อนจะเผลอยกมือขึ้นขยี้เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างเอ็นดู “พี่โดม ยุ่งหมดแล้ว” อีกคนพยายามดึงมือออก เขาไม่ได้กลัวผมยุ่ง แต่เขากลัวใจตัวเองต่างหาก กลัวว่ามันจะไม่รักดีไปชอบเขาทั้งที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้ว “ไปละ รีบขึ้นหอได้แล้ว ระวังด้วยนะ มืดๆ อย่างนี้น่ากลัวออก” “ขอโทษครับพี่ผมไม่ใช่เด็ก ที่จะกลัวความมืดหรือกลัวผีนะครับ” พาลินพูดจบก็วิ่งขึ้นบันไดหอพักไปอย่างรวดเร็ว คนที่มองตามได้แต่หัวเราะก่อนจะเดินยิ้มออกมาจากซอยอย่างมีความสุข วันนี้เขาเครียดกับงานมากแต่พอมาเจอพาลิน ได้คุยกับชายหนุ่มรุ่นน้องก็รู้สึกดีขึ้น ความเครียดตลอดทั้งวันหายไปอย่างรวดเร็ว รู้ว่าอีกคนมีแฟนแล้วและไม่คิดจะเข้าไปแทรกระหว่างคนทั้งสอง แค่ได้อยู่ใกล้ได้ดูแลอีกคนในแบบพี่ชายก็คงไม่เสียหายอะไร ดลธรรมเดินออกไปจากหน้าหอพักแล้ว ถ้าเขาหันหลังกลับมาก็จะเห็นว่าตอนนี้พาลินเดินมายืนดูเขาจนกระทั่งลับสายตา พาลินคิดว่าที่อีกคนทำก็คงเพราะรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ตัวเขาต้องลงไปนอนเล่นในพุ่มดอกเข็มเมื่อตอนหัวค่ำ นับว่าวันนี้เป็นอีกวันที่พาลินโชคดีได้เจอกับน้าชายของลูกศิษย์ตัวน้อย เพราะทำให้เขาไม่ต้องนั่งรถเมล์กลับคนเดียว อันที่จริงเขาก็มีเงินมากพอที่จะซื้อรถมาใช้สักคัน แต่เพราะที่หอพักไม่มีที่จอดพาลินจึงยังไม่ซื้อ และระยะทางจากที่นี่ไปมหาวิทยาลัยก็ใกล้แค่นิดเดียว แต่เปิดเทอมหน้าเขาต้องไปฝึกงานก็คงต้องคิดเรื่องซื้อรถและมองหาที่อยู่ใหม่หลังเรียนจบ บ้านเดิมที่เคยอยู่กับบิดามารดาพาลินขายไปตั้งแต่ปีที่แล้วเพราะมีครอบครัวชาวต่างชาติสนใจและให้ราคาสูงพาลินเลยตัดสินใจขาย เขาคิดว่าจะซื้อคอนโดสักแห่ง เคยลองถามกันต์ธีร์แล้วว่าคอนโดที่เขาอยู่มีห้องว่างไหม เพราะอยากไปอยู่ใกล้ แต่ดูเหมือนว่าทุกห้องจะมีคนซื้อไปหมดแล้ว ส่วนห้องที่กันต์ธีร์อยู่นั้นเขาก็เช่าจากคนอื่นอีกที พาลินคิดว่าถ้าเรียนจบแล้วได้ย้ายไปอยู่ด้วยกันคงมีความสุขมากกว่านี้ ถึงจะทำงานกันคนละทีแต่พอกลับมาก็ยังมีโอกาสได้เจอกัน ไม่เหมือนอย่างตอนนี้ กว่าจะเจอกันได้ก็ต้องรอให้เขาว่าง จะไปหาก็ต้องรอให้เขาอนุญาต บางครั้งพาลินก็แอบรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนที่สำคัญที่สุดสำหรับแฟนหนุ่มอย่างแต่ก่อน แต่เมื่อได้รักไปแล้วก็อยากประคับประคองความรักให้มันอยู่ได้นานที่สุด ความรักและความสัมพันธ์ในแบบที่เป็นอยู่นั้น ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่หรือเรื่องประหลาด ในสังคมปัจจุบันแล้ว มีคู่รักหลายคู่ที่คบหากันถึงขั้นแต่งงาน ทั้งคนธรรมทั่วไปอย่างเขา หรือคนที่มีชื่อเสียงก็ตาม เขาคิดถึงอนาคตระหว่างตัวเองกับคนรัก อยากอยู่ด้วยกันไปตลอด อยากอุปการะเด็กสักคน อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น แม้จะยังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับกันต์ธีร์แต่ก็หวังว่าอีกคนจะคิดเหมือนกันกับเขา แล้วคนที่กำลังคิดถึงก็โทรเข้าในเวลาเกือบห้าทุ่ม พาลินรีบกดรับ และเล่าวันนี้เขาไปทำอะไรมาบ้าง รวมถึงเรื่องที่ล้มลงพุ่มดอกเข็มจนมีแผลที่แขน “แค่แผลถลอกเอง ทำเป็นเรื่องใหญ่” “แต่เป็นรอยเลยนะพี่กันต์ ผมเจ็บอะ” เขาทำเสียงอ้อนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขาเจ็บ “อือ คราวหลังก็ระวังหน่อย” “ถ้าพี่ไปรับ ผมก็คงไม่เจ็บตัว พรุ่งนี้พี่ไปรับผมได้ไหม นะครับ” “ช่วงนี้พี่ไม่ว่างเลย เราโตแล้วนะ คงไม่ต้องให้พี่คอยรับส่งทุกครั้งหรอกใช่ไหม” “ครับ ผมโตแล้ว” พูดแล้วก็รู้สึกจุกอยู่ในลำคอ ก็แต่ก่อนเป็นเขาเองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าจะรับส่งตลอด ไม่อยากให้ต้องลำบาก “พาลิน อย่าเพิ่งน้อยใจสิครับ พี่ไปรับเราไม่ได้เพราะตอนนี้รถพี่เสีย” “เหรอครับ แล้วซ่อมหรือยัง แล้วพี่กันต์ไปทำงานยังไงครับ” พอได้ยินแบบนั้นก็เป็นห่วงจนลืมอาการน้อยใจของตนเองจนหมด “ซ่อมแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปเอาครับ เงินยังขาดอีกนิดหน่อย พี่ว่าจะขอยืมพาลินก่อนถ้าเงินเดือนออกแล้วพี่จะคืนให้นะครับ” “ขาดอีกเท่าไหร่ครับ” “ขาดอีกหมื่นกว่าบาทครับ” “เดี๋ยวผมโอนให้นะครับ” “ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวเงินเดือนออกพี่จะรีบโอนให้นะครับ ช่วงนี้กลับคนเดียวไปก่อนนะครับ พี่ต้องไปดูไซต์งานที่ต่างจังหวัดครับ ถ้าไม่ได้เราช่วยคงต้องนั่งรถทัวร์ไป” “ไม่เป็นไรครับ มันจำเป็นนี่ครับ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนรักยืมเงินแต่ทุกครั้งเขาก็คืนตามปกติ พาลินเลยไม่ได้คิดมากอะไรเพราะสำหรับเขาถือเป็นเรื่องเล็กน้อย “เอาไว้กลับมาเราไปเที่ยวด้วยกันนะ ไปทะเลดีไหม ไปหาอาหารทะเลกินกันนะครับ” “ครับ” “พี่ต้องวางแล้วนะครับ ว่าจะเก็บของสักหน่อยพรุ่งนี้ไปเอารถแล้วจะได้ยาวไปไซต์งานเลย พี่รักพาลินนะครับ” “ผมก็รักพี่กันต์ครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม