รดิศเลิกคิ้ว สะบัดกระดาษในมือให้หญิงสาวเห็นชัดๆ อีกครั้ง
“ต้องให้ฉันทวนความจำเธออีกกี่รอบว่าเราเพิ่งจะจดทะเบียนสมรสกันมาหยกๆ”
“คุณเล็ก ฉันว่าเราเข้าใจผิดกันไปไกลแล้วนะคะ ข้อตกลงของเราคือแกล้งแสดงละครเป็นผัวเมียกันต่อหน้าคนอื่น แต่ลับหลังเราต่างคนต่างมีอิสระอย่างเต็มที่ ไม่เกี่ยวข้องกัน รวมถึงไม่ก้าวก่ายเรื่องของกันและกันอย่างเด็ดขาด”
นี่คือเงื่อนไขที่เธอกับเขายึดถือมาโดยตลอดการแต่งงานเมื่อเจ็ดปีก่อน ซึ่งมันก็ดี ทำให้เธอและเขาขีดเส้นกั้นระหว่างกันได้อย่างเหมาะสม รู้จักยับยั้งชั่งใจว่าอะไรที่ไม่ควรคิด อะไรที่จะก่อให้เกิดความรู้สึกเกินเลย ทำให้ตัวเองเจ็บ โมฬีสามารถหลีกเลี่ยงมันได้มาโดยตลอด
“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้กติกาเปลี่ยนแล้ว เราแต่งงานกัน ก็ควรใช้ชีวิตให้สมกับที่เป็นผัวเมียกัน”
โมฬีปวดหัวตุบๆ จนต้องยกมือกุมขมับ ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดบ้าอะไรอยู่ ถึงได้สร้างเรื่องวุ่นวายไม่เข้าท่าแบบนี้ โดยไม่คิดที่จะปรึกษาหรือถามความคิดเห็นของเธอสักคำ
เขาเล่นตัดสินใจเองฝ่ายเดียวได้อย่างไร?
เธอไม่ยอม!
“ถ้าคุณดึงดันจะให้เรามีอะไรกันมากกว่าข้อตกลงเดิมละก็ ฉันคงต้องขอบาย”
ไม่พูดเปล่า โมฬียังเอื้อมมือไปจะปลดล็อกเปิดประตูออกไป แต่ถูกมือหนาคว้าหัวไหล่ กดตรึงเอาไว้จนเธอขยับตัวไม่ได้ แล้วถูกบังคับให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา
“เธอปฏิเสธไม่ได้ ตั้งแต่ตอนที่เธอจดปากกาเซ็นชื่อลงในเอกสารใบนี้แล้วล่ะโมฬี”
“นี่คุณจะมัดมือชกฉันเหรอ”
“ฉันไม่ได้บังคับเธอสักหน่อย”
รดิศแก้ต่างกับข้อกล่าวหาเกินจริงที่เธอยัดเยียดใส่เขา แต่ดวงตาแพรวพราวกลับไหวระยับมองภรรยาสาวอย่างเป็นต่อ
“เธอบอกเองนะว่าเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องแสดงให้แนบเนียนสมจริงที่สุด ช่วยกันพายให้ถึงฝั่ง”
เขาเล่นย้อนคำพูดเธออย่างนี้ โมฬีเลยได้แต่จุกจนเถียงไม่ได้ ในใจก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยว่าทำไมเขาต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ด้วย
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ บอกมาตรงๆ เลยดีกว่าค่ะ”
รดิศมองคนถามอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปาก
“พ่อแม่ฉันกำลังจะย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทยถาวร”
พอพูดถึงเจ้าสัวแรมกับคุณดวงพร โมฬีก็มีรอยยิ้ม หวนนึกถึงวันเก่าๆ ตอนที่รดิศพาเธอไปเปิดตัวเยี่ยมเยือนพวกท่านที่ฝรั่งเศสหลายครั้งหลายหน ท่านทั้งสองเป็นผู้ใหญ่ใจดีมีเมตตาต่อเธอมาก ไม่เคยถือยศถือศักดิ์หรือดูหมิ่นว่าเธอที่ฐานะต่ำต้อย หยิบยื่นความรักความเอ็นดูมาให้ สร้างความซาบซึ้งตื้นตันใจให้แก่เธอเป็นอย่างยิ่ง
“พวกท่านสบายดีมั้ยคะ” เธอถามด้วยความห่วงใย ไม่ใช่ตามมารยาท
“ก็ยังเหมือนเดิม มีบ้างที่เจ็บออดๆ แอดๆ ตามประสาคนแก่”
“ท่านป่วยเป็นอะไรเหรอคะ” โมฬีใจหายไม่น้อย ยามที่เห็นสีหน้าขรึมลงทันตาของคนเป็นลูก
“สงสัยจะตรอมใจที่ลูกชายคนเล็กไม่ยอมมีเมียสักที” รดิศถอนหายใจหนักๆ “หลังจากฉันหย่ากับเธอ พ่อแม่ฉันก็รบเร้าให้ฉันแต่งงานใหม่ไม่หยุดหย่อน ฉันอยากหลีกเลี่ยง แต่ก็ไม่อยากทำให้พวกท่านผิดหวัง อายุของฉันตอนนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว เลยไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธได้อีก ที่ผ่านมาพ่อแม่ฉันก็ชอบเธอมาก ถ้าพวกท่านรู้ว่าเรากลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ท่านคงจะวางใจได้สักที”
เป็นโมฬีที่คราวนี้ชั่งใจคิดอยู่นานหลายนาที เธอเข้าใจในเหตุผลของเขา รดิศทำเพื่อความกตัญญูต่อบุพการี ส่วนเธอเองก็ได้ประโยชน์ในการแก้เผ็ดแฟนเก่าสมดังที่ตั้งใจ แต่ติดตรงที่เธอตะขิดตะขวงใจเหลือเกินถ้าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาในฐานะผัวเมียกันจริงๆ ไม่รู้จะปั้นหน้าเข้าหากันอย่างไร ทำตัวก็ไม่ค่อยจะถูก ยิ่งคิดถึงตอนที่ต้องทำเรื่องพรรค์อย่างว่ากับเขา เนื้อตัวแนบชิดสนิทสนมกันทั้งคืน ใบหน้าก็ร้อนวูบวาบ หัวใจวาบหวิวไปหมดจนต้องเบือนหน้าหนีเขา
ดวงตาเจ้าเล่ห์วิบวับส่องประกาย รดิศยิ้มพราย เมื่อเห็นความหวั่นไหวปรากฎขึ้นบนสีหน้าจิ้มลิ้ม เขารู้ว่าโมฬีใจอ่อนแล้ว เธอกำลังลังเล แค่เขาเติมเชื้อไฟอีกนิด แผนการก็จะสำเร็จลุล่วงด้วยดี
ชายหนุ่มเชยคางเรียวเล็กของหญิงสาวให้หันมาสบตากับเขา มองเธอตาปรอยมีแววเว้าวอน เผยรอยยิ้มอ่อนหวานที่ยากจะมีผู้หญิงคนไหนตัดรอนเขาได้
“เธอจะช่วยฉันได้มั้ยโม ช่วยให้คนแก่ได้สมหวังในบั้นปลายของชีวิต”
โมฬีถูกเสน่ห์เย้ายวนของเขาดึงดูดจนตกตะลึงอยู่ในภวังค์หวาน แม้ใจนึกอยากจะปฏิเสธ แต่คำพูดกลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
“เอายังงี้ ฉันสัญญาว่าจะไม่แตะต้องเธอ ถ้าเธอไม่เต็มใจ” คนหัวหมอพยายามตะล่อมหว่านล้อมทุกวิถีทาง
สุดท้ายคารมของเขาก็เอาชนะใจโมฬีได้ จะด้วยเห็นแก่คนแก่หรือเป็นเพราะทนสายตาออดอ้อนของเขาไม่ได้ก็ไม่รู้
“ฉันยอมตกลงก็ได้ แต่คุณต้องรักษาสัญญานะคะ”
“ไม่มีปัญหา” รดิศชูสามนิ้วยืนยันด้วยความมั่นใจ เพราะเขามีวิธีให้เธอยินยอมและเต็มใจมากมายอยู่ในหัว
โมฬีมองคนพูดที่ยิ้มแฉ่งอย่างไม่ใคร่วางใจนัก แต่ในเมื่อเธอกระโจนลงมาในหลุมของเขาแล้วก็คงไม่มีทางเลือกอย่างที่เขาพูด เธอทอดถอนใจก่อนพยักหน้าเป็นอันตกลง ทั้งที่ยังนึกหวั่นๆ อยู่ว่า
ทำไมนะ... เธอรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วแน่ๆ