‘จูบ’
เป็นสิ่งที่โมฬีแปลได้จากสายตาของเขาที่มองต่ำมายังริมฝีปากเธอ หน้าเธอพลันร้อนเห่อ ใบหูทั้งสองข้างแดงก่ำ
หน้าตาจิ้มลิ้มยามที่งอง้ำเหลอหลา ยิ่งมองยิ่งน่ารัก ทำให้รดิศอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด แต่เขาไม่อยากจะแกล้งให้หน้าหวานๆ มีตีนกาขึ้น เดี๋ยวจะพานหมดสวย จึงเลิกเย้าแหย่แล้วเอ่ยเป็นงานเป็นการ
“เรายังมีเรื่องที่ต้องตกลงกันหลายเรื่อง เกี่ยวกับการแต่งงานของเรา”
โมฬีเองไม่ใช่คนที่งอนตะพึดตะพือ พอเห็นสีหน้าของเขาดูจริงจัง เธอก็ปรับอารมณ์ พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าพร้อมจะรับฟังเขา
“คุณมีอะไรก็ว่ามาได้เลยค่ะ”
“ข้อตกลงครั้งนี้ของเรายังคงเหมือนเดิมเกือบทุกอย่าง เธอต้องย้ายเข้ามาอยู่กับฉัน เป็นแม่บ้านดูแลชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันของฉัน”
เรื่องงานบ้านไม่เหลือบ่ากว่าแรง ต่อให้เธอจะต้องทำงานประจำไปด้วย แต่เธอสามารถหาช่วงเวลาว่างหรือวันหยุดสุดสัปดาห์เข้าไปทำความสะอาดให้เขาได้ แต่ที่ดูจะเป็นปัญหาก็คือ...
“ฉันเป็นแม่บ้านให้คุณได้ แต่ขอไปแบบเช้าเย็นกลับได้มั้ยคะ ตอนนี้ฉันอยู่กับคุณพ่อ มีหน้าที่ต้องดูแลท่านที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ คงไม่สะดวกนักหากต้องย้ายไปอยู่กับคุณ ฉันไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรไปบอกท่าน เพราะคุณเองก็คงไม่อยากเปิดเผยเรื่องของเรานักหรอกใช่มั้ยคะ”
“บอกได้ ไม่มีปัญหา”
“เอ๊ะ!?”
“เธอแต่งงานแล้วก็ควรจะอยู่กับสามีและทำหน้าที่ของภรรยาอย่างเต็มความสามารถไม่ใช่เหรอ” เขาพูดพลางสะบัดใบทะเบียนสมรสในมือเตือนความจำเธอ “ไปจัดการเคลียร์กับคุณพ่อเธอให้เรียบร้อย ฉันให้เวลาเธอวันหนึ่ง”
โมฬีกลอกตา ทำหน้ามุ่ย เขาพูดน่ะมันง่าย แต่ทำสิมันยาก!
“คุณจะให้ฉันเข้าไปบอกคุณพ่อว่ายังไง บอกว่าเพิ่งเลิกกับแฟนเก่าปุ๊บ ก็แต่งงานกับสามีเก่าปั๊บอย่างนั้นเหรอ คุณลืมไปแล้วรึไงว่าคุณเป็นคนออกกฎเองว่าห้ามใครรู้เรื่องของเราเด็ดขาด แม้แต่ครอบครัวของฉัน คุณพ่อของฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเคยแต่งงานและหย่ามารอบหนึ่งแล้ว ขืนฉันทะเล่อทะล่าเข้าไปพูดแล้วคิดว่าคุณพ่อฉันจะเชื่อเหรอ ดีไม่ดี...เกิดพ่อฉันช็อกขึ้นมาจะทำยังไง”
รดิศหมดคำจะโต้แย้ง ก็จริง... การแต่งงานครั้งแรกเป็นแค่เครื่องมือที่มีไว้ต่อรองกับพ่อแม่เขา นอกจากพวกท่านและพี่สาวแท้ๆ ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ และเขาก็สั่งห้ามโมฬีไม่ให้แพร่งพรายเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเพื่อนสนิทหรือคุณพ่อของเธอก็ตาม
ถ้าอยากจะให้หญิงสาวย้ายเข้ามาอยู่กับเขา ก็คงมีแค่วิธีเดียว...
“เย็นนี้เชิญคุณพ่อเธอมาทานข้าวที่ร้านของฉัน”
โมฬีขมวดคิ้วหนักขึ้น
“คุณคิดจะทำอะไร?”
“ลูกเขยไม่ควรทำความรู้จักและแสดงความเคารพต่อหน้าพ่อตารึไง” เขาปรายตามองราวกับเธอถามคำถามที่ไม่เข้าท่า
“เรื่องของเรามันเป็นแค่ผลประโยชน์ ไม่ใช่ความจริงสักหน่อย อีกหน่อยพวกเราก็ต้องหย่ากันอีกครั้ง คุณจะลากคนนอกมายุ่งด้วยทำไม”
“คุณพ่อเธอก็เป็นคนนอกเหรอ?”
เจอรดิศย้อนถาม โมฬีสะอึกจนพูดต่อไม่ถูก ได้แต่ปล่อยให้เขาฮุกหมัดใส่เธออย่างต่อเนื่อง
“ถึงเราจะแต่งงานกันแค่หนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี แต่เธอก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของฉันแล้ว พ่อเธอก็คือพ่อตาฉัน เพราะฉะนั้นฉันควรทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี หรือเธออยากให้ฉันทำเหมือนกับท่านเป็นหัวหลักหัวตอล่ะ แล้วถ้าหากท่านมารู้ทีหลัง ท่านจะคิดยังไง จะเสียใจมากแค่ไหน เธอทนเป็นลูกอกตัญญูได้เหรอ”
โมฬีรู้สึกจนแต้ม เธอเถียงสู้เขาไม่ได้ รดิศช่างหาเหตุทำให้เธอไปต่อไม่เป็น และเป็นความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธ ถ้าขืนเธอยังยืนกรานคำเดิม เธอจะกลายเป็นลูกที่กระทำผิดต่อบุพการีอย่างไม่น่าให้อภัยทันที
“เราจำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้เลยเหรอคะ”
เธออยากจะโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจลองคิดใหม่ดูอีกที แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อรดิศตอบกลับมาทันทีแบบไม่ต้องคิดว่า
“จำเป็น”
ตอนที่เขาตัดสินใจให้โอกาสโมฬีก้าวเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง รดิศก็เลือกแล้วว่าเขาควรจะเลิกจมปลักอยู่กับผู้หญิงในอดีต นี่มันก็ผ่านมาสิบปีแล้วที่เขาไม่เคยพบหล่อนอีกเลย ไม่รู้ข่าวคราวว่าเป็นตายร้ายดีเช่นไรบ้าง บางทีฟ้าอาจลิขิตให้เขากับหล่อนไม่ใช่คู่กัน จึงแคล้วคลาดจากกันไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ผิดกับโมฬี...
ทั้งที่จากกันไปเนิ่นนาน แต่ก็ยังวนกลับมาเจอกันอีก ความรู้สึกที่เหมือนจะเลือนรางก็ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นมาราวกับเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ทำให้เขาอุ่นวาบไปทั้งใจ จึงคิดได้ว่าเขาควรลืมความเจ็บปวดและเริ่มต้นมีความสุขเหมือนคนอื่นๆ ได้แล้ว เขาอยากจะก้าวไปข้างหน้า ไปหาผู้หญิงที่อาจจะเติมเต็มหัวใจที่เหี่ยวเฉาอ้างว้างให้มีชีวิตชีวาดังเดิมได้ ไม่ใช่เดินวนเวียนเป็นวงกลม กลับมาจุดเริ่มต้นซ้ำซากเหมือนหลายปีที่ผ่านมา
อาศัยตอนที่โมฬีคิดหาข้อโต้แย้งไม่ทัน รีบจัดการรวบหัวรวบหางเธอเสียเลย
“เป็นอันว่าเรื่องนี้เคลียร์แล้วนะ อีกเรื่องหนึ่ง...เราจะอยู่กันไปเรื่อยๆ โดยไม่มีกำหนด ยกเว้นแต่มีใครต้องการที่จะหย่า เราถึงจะยุติความเป็นสามีภรรยากัน ส่วนข้อสุดท้ายนี้สำคัญมาก... ฉันไม่ต้องการมีลูก”
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ รอจนกว่าเขาจะชำแหละหัวใจตัวเองจนรู้ซึ้งแล้วนั่นแหละ ค่อยมาว่ากันอีกที...
โมฬีมองหน้าเขาแล้วยิ่งรู้สึกว่าทะแม่งๆ เมื่อกี้ก็บอกว่าจะไปพบหน้าคุณพ่อเธอ มาตอนนี้ยังพูดเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้อีก อะไรคืออยู่กันไปเรื่อยๆ แบบไม่มีกำหนด ไหนจะยกเรื่อง ‘ลูก’ ขึ้นมาพูดอีก พวกเธออยู่ด้วยกันแค่สามีภรรยาในนาม ใช่คู่ผัวตัวเมียกันจริงๆ เสียที่ไหน คนไม่รักกัน นอนยังแยกกันนอนคนละห้อง แล้วจะมีลูกด้วยกันได้อย่างไร
“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้วค่ะ เราจะมีลูกกันได้ยังไง เรื่องแบบนี้ควรจะเกิดขึ้นเพราะความรัก แต่พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแบบนั้น”
“ฉันบอกไปแล้วว่าเธอต้องทำหน้าที่ของภรรยาอย่างเต็มที่ ซึ่งนั่นก็หมายถึงต้องให้ความสุขกับสามีบนเตียงด้วย”
“หา!!!” โมฬีตาลุกโพลง