บทที่ 5 จดทะเบียนสมรสรอบสอง 2

1006 คำ
เธอกัดฟันถามเสียงแผ่วหวิว นั่งตัวแข็งยืดหลังตรงแหน่ว หญิงสาวดึงมือที่ยุ่มย่ามเหมือนปลาหมึกออกอย่างลับๆ ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต คนตีมึนกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มือก็ยังขืนอยู่จุดเดิม “ก็กำลังสวมบทให้สมจริงไง” โมฬีค้อนขวับ ไอ้ที่บอกว่า ‘สมจริง’ ดูอย่างไรก็เหมือน ‘แต๊ะอั๋ง’ เธอมากกว่า แล้วลูบก็ไม่ลูบเฉยๆ จะเลื่อนสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ทำไม๊ เธอหวาดเสียวจนจะหายใจไม่ทั่วท้องอยู่แล้วเนี่ย จงใจแบบนี้ยังจะมีหน้ากล้ามาแถแบบหน้าด้านๆ อีก! รดิศยิ้มกริ่มราวกับรับรู้ว่าเธอกำลังด่าเขาไฟแลบอยู่ในใจ แต่หนังเขาหนา หน้าก็ด้านพอๆ กันนั่นแหละ แค่ถูกสายตาทิ่มแทงให้พอแสบๆ คันๆ อย่างนี้ไม่ระคายผิวหนังและหนังหน้าของเขาหรอก ช่วยไม่ได้... ใครใช้ให้เธอวุ่นวายดีนักละ ที่หัวใจเขาคันยุบยิบว้าวุ่นจนคิดอะไรไม่ออก ทั้งหมดก็เพราะโมฬีนั่นแหละ เพราะเธอขยันยั่วทำให้ใจเขาปั่นป่วน ต่อให้จะรู้หรือไม่รู้ตัว แต่โมฬีจะต้องรับผิดชอบ เรื่องอะไรมาทำให้เขาใจสั่นอยู่ฝ่ายเดียว เธอก็ต้องใจสั่นเหมือนเขาด้วย! ใบหน้าคมคายโน้มต่ำลงมาหา สองตาวามวาวจ้องไปยังจุดหมายอยู่ที่กลางหน้าผากโหนกมน ตั้งใจจะฝากรอยอุ่นๆ ให้หนักๆ แทนริมฝีปากจุ๋มจิ๋มที่เขาสัมผัสไม่ได้ แต่น่าเสียดายที่สาวเจ้าระวังตัวแจ แค่เห็นท่าเขาก็คงจะรู้ทัน จึงทะลึ่งผุดลุกก่อนที่เขาจะทันได้ประทับริมฝีปากลงไป “สะ เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ งั้นพวกเราลากลับเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ” โมฬีรีบยกมือไหว้นายทะเบียน แล้วเดินออกไปเร็วปร๋อราวกับมามีหมาไล่กัดตูด คงจะเขินจัดเลยล่ะสิ หึหึ... รดิศมองภรรยาเพียงหนึ่งเดียวทั้งในอดีตและปัจจุบัน มุมปากหยักยกอย่างพอใจ หันไปผงกหัวกับนายทะเบียน รวมถึงสามสาวที่แอบส่องเขาไม่วางตา แล้วจึงลุกเดินจากไปโดยไม่เร่งรีบ ท่าทีเกียจคร้านนิดๆ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูเป็นธรรมชาติและเซ็กซี่กินขาด ขาเพรียวก้าวยาวเพียงไม่กี่ก้าวก็ทันถึงตัวโมฬี รดิศเอื้อมมือไปคว้าข้อมือบาง เมื่อเธอเดินไปคนละทางกับที่รถสปอร์ตคันหรูของเขาจอดอยู่ “ทางนี้” เขาถือวิสาสะจูงมือเธอแล้วออกเดินนำ แต่โมฬีขืนตัวไม่ยอมเดินตาม “ฉันจะไปทำงาน” “ก็ไปสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเกรงใจ คุณไปทำธุระของคุณเถอะ” เอ่ยปากไล่ทางอ้อม “ธุระของฉันก็คือเธอ” “ฉัน?” โมฬีนิ่วหน้า ทะเบียนสมรสก็จดเสร็จแล้ว ต่างคนต่างไปเหมือนกับตอนที่แต่งงานรอบแรกก็ถูกแล้วนี่ เขายังจะมีเรื่องอะไรกับเธออีก ยุ่งชะมัด! รดิศเห็นสายตารำคาญของสาวเจ้าแล้วชักจะฉุน เลยโพล่งออกมาเสียงดังจงใจให้คนแถวนี้ได้ยิน “นี่ได้ฉันแล้ว ก็คิดจะเฉดหัวกันเลยเหรอ” โมฬีตาโตตกใจ สีหน้าเลิกลักเหลียวมองคนรอบข้างด้วยความอับอาย ไอ้หมอนี่ทำไมถึงได้พูดจาสองแง่สองง่ามชวนให้คิดลึกแบบนี้นะ ใครฟังก็ต้องเข้าใจผิดกันทั้งนั้น พูดยังกับเธอฟันแล้วทิ้งยังงั้นแหละ! “คุณพูดบ้าอะไรเนี่ย” เธอกัดฟันถามด้วยความโมโห “ฉันพูดผิดรึไง เธอชวนฉันมาจดทะเบียนสมรส พอสมใจแล้วก็สะบัดก้นทิ้งไปเฉยเลย ฉันเป็นฝ่ายเสียหายนะ” โมฬีอ้าปากพะงาบๆ อยากจะพ่นน้ำลายใส่คนหน้ามึน แต่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าให้เขาเจ็บแสบสะเทือนไปถึงตับไต เลยเปิดโอกาสให้เขาฉวยมือเธอไปที่รถ จัดการเปิดประตูยัดเธอเข้าไป ตัวเองก็อ้อมมานั่งประจำที่คนขับ เห็นคนนั่งหลังตรงคอเชิดแล้วนึกหมั่นไส้ อยากจะแกล้งให้ตกใจเล่นสักหน่อย รดิศจึงโน้มตัวกล้ำกรายเข้าหา ดวงตาเรียวยาวหรี่แคบดูอันตราย สีหน้าหื่นหิว แม่คนหน้าเชิดเลยเปลี่ยนเป็นหน้าซีด ร่างกายที่สั่นสะท้านเอนหลังหนีจนสุดตัว เกือบจะสิงประตูข้างคนนั่งอยู่รอมร่อ รีบยกสองมือขึ้นยันอกกว้างของเขาเอาไว้สุดแรง พลางแหกปากลั่น “อย่า…!” คลิ๊ก! ยิ่งมองหน้าเธอที่หลับตาปี๋ กัดริมฝีปากแน่น ทำหน้าเหมือนกำลังกลั้นใจตายเพราะถูกข่มเหง เขาต้องกลั้นหัวเราะเสียแทบแย่ “คิดว่าฉันจะจูบเธอ?” โมฬีลืมตาค้อนเขาปะหลับปะเหลือก ก็เล่นโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบจะจูบปากกันอยู่แล้ว แถมยังทำหน้าหื่นใส่เธออีก ใครมันจะไม่คิดบ้างล่ะ? รดิศหันมองคนข้างกายที่นั่งหน้างอเป็นจวัก อดที่จะหัวเราะลึกในลำคอไม่ได้ เขาถอยกลับมานั่งหลังตรงดังเดิม เมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยให้หญิงสาวเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่วายแกล้งทิ้งปลายจมูกโด่งสันเคลื่อนเฉียดแก้มนวล สูดกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ จากเรือนร่างเพรียวบางอย่างติดใจ ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกันกับเมื่อคืนตอนที่เขานอนกอดโมฬีหลับไป เมื่อคืนมันผสมกับกลิ่นอ้วกเธอ เขาจึงได้กลิ่นแค่จางๆ แต่ตอนนี้มีแต่กลิ่นหอมรื่นรมย์และพวงแก้มนุ่มนิ่มที่ดึงดูดใจเขา จนอดที่จะถูไถปลายจมูกเฉียดไปเฉียดมาอีกหลายครั้งไม่ได้ “เธอใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร หอมจัง” “ไม่ใช่น้ำหอม ก็แค่โคโลญจน์ยี่ห้อทั่วๆ ไปนี่แหละ หาซื้อได้ตามเซเว่น” “ฉีดบ่อยๆ ฉันชอบ ตัวเธอหอมดี น่า...” คนพูดละไว้เท่านั้นพลางส่งสายตาวามวาวให้คนมองไปคิดต่อเอาเอง ‘จูบ’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม