เธอกะว่าขอแค่ระบายอารมณ์สักนิดหน่อยก็ยังดี คนขับขับรถเร็วขนาดนี้คงไม่รู้เรื่องหรอก กว่าจะรู้ก็ตอนถีงบ้านแล้วเห็นรอบบุบโน่นแหละ
แต่ใครจะคิดล่ะว่ารถคันนั้นจะเบรกดังเอี๊ยด ล้อบดถนนเสียงสนั่นจนเธอต้องยกมือปิดหู ตาลืมไม่ขึ้นเพราะสายฝนโหมกระหน่ำ หญิงสาวสะดุ้งโหยงตอนที่มีมือหนากำข้อมมือเธอบีบแน่น ส่งเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดที่เธออาจหาญแตะลูกรักของเขา
“เธออีกแล้วเหรอ จงใจมาดักรอฉันแบบนี้ เป็นพวกมิจฉาชีพใช่มั้ย”
“คิดว่าขับรถหรูแล้ววิเศษมากรึไง ถึงได้คิดจะเอาเงินฟาดหัวคนบ้างละ ชอบมโนกลัวว่าใครเขาจะมาหลอกตัวเองบ้างละ ประสาท!”
“ถ้าไม่ใช่ งั้นก็ชดใช้มา ค่าที่เธอทำรถฉันบุบ”
“ไม่ใช้! นายเองก็ขับรถเฉี่ยวฉัน แถมยังสาดน้ำใส่ฉันอีก เราเจ๊ากัน”
เขาเอาแต่ตะโกนป่าวๆ ให้เธอชดใช้ค่าเสียหาย เธอเองก็แผดเสียงสู้อย่างไม่เกรงกลัว ถ่างตาสู้ห่าฝนจ้องตาเขาแบบไม่ถอย สุดท้ายทำให้รดิศหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ เขาจึงกระชากตัวเธอยัดเข้าไปในรถ ยื่นข้อเสนอที่เธอไม่รู้ว่าคนพูดประสาทกลับรึเปล่า
เพราะเธอมั่นใจว่าข้างหินชนรถเขา ไม่ใช่หัวเขานี่นา...
“ถ้าเธอไม่มีปัญญาใช้หนี้ ก็แต่งงานกับฉันซะ”
“หน้าตาก็ดี ไม่มีปัญญาหาเมียรึไง อ้อ... คงเพราะนิสัยเสียจนไม่มีใครเอาสินะ”
“ก่อนพูดช่วยดูสภาพตัวเองบ้างนะ หล่อรวยแบบฉันมีแต่สาวๆ จะวิ่งรุม ไม่เหมือนลูกหมาตกน้ำแบบเธอหรอก มอมขนาดนี้ให้ฟรีฉันยังไม่เอาเลย”
“นาย!” เธอถลึงตาใส่เขา แต่อีกฝ่ายไม่สน ยังคงพูดเรื่องของตัวเองฝ่ายเดียว
“ฉันดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเธอไม่มีบ้าน ถึงได้เร่ร่อนเป็นผีไม่มีศาลอยู่แถวนี้ ฉันจะช่วยเธอ เรามาร่วมมือกัน”
“ร่วมมือยังไง”
“แต่งงานกับฉัน แสดงละครเป็นเมียต่อหน้าครอบครัวฉัน ถ้าเธอเล่นดีจนพ่อแม่ฉันเชื่อ ไม่รบเร้าให้ฉันแต่งงานได้ละก็ เธออยากได้อะไร ฉันจะให้ทั้งหมด”
“ถ้าฉันให้นายช่วยกอบกู้บริษัทที่กำลังจะล้มละลายของครอบครัวฉันล่ะ นายจะยอมมั้ย”
“ยอม”
“แถมฉันต้องการเงินหนึ่งล้านเป็นค่ารักษาพยาบาลพ่อฉันด้วย”
“ฉันจะจ่ายให้จนกว่าพ่อเธอจะออกจากโรงพยาบาลเลย แล้วก็จะให้เงินเธอไปตั้งตัวอีกห้าล้านด้วย ถ้าเธอยอมตกลง”
“ตกลง ฉันแต่ง”
โมฬีไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร มาจากไหน ดีหรือร้าย แต่ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของพ่อเธอรอไม่ได้ เธอจึงตกปากรับคำอย่างไม่ลังเล ใช้ชีวิตคู่แต่ในนามกับรดิศที่เพนต์เฮาส์ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีบนถนนเส้นสายเศรษฐกิจ แยกห้องนอน ต่างคนต่างอยู่ ไม่สุงสิงก้าวก่ายกัน นอกจากตอนบินไปฝรั่งเศสเพื่อเยี่ยมเยือนครอบครัวของเขา พวกเธอจึงจะแสดงเป็นคู่รักหวานฉ่ำตบตาพ่อแม่เขา
พอครบปีเธอกับเขาก็หย่ากัน แล้วทางใครทางมัน ไม่ได้เจอกันอีกเลย กระทั่งวันนี้...
โมฬีกลับมาที่ปัจจุบัน มองอดีตสามีที่หล่อฉกรรจ์และดูภูมิฐานขึ้นเป็นกอง เธออยากถามว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หลัง ‘หย่า’ กันเขาน่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศสตลอดมิใช่หรือ…
แต่คิดว่าหากถามจะดูละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขาเกินไป ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาแล้ว จึงไม่มีสิทธิ์และไม่ควรถาม
“คือ...ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
โมฬีเปลี่ยนคำถามมาที่ตัวเอง เธอมองไปรอบๆ เพนต์เฮาส์ที่เมื่อเจ็ดปีก่อนเคยได้อาศัยอยู่ช่วงสั้นๆ ดูเหมือนทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทั้งข้าวของเครื่องใช้และการตกแต่งภายในห้องนอนของเขา
ที่รู้... เพราะนอกจากจะได้รับหน้าที่เมียปลอมๆ แล้ว เธอยังต้องทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อแลกกับที่อยู่ที่กินในตอนนั้นด้วย
ตอนที่เธอหมดที่พึ่งไร้ความช่วยเหลือจากใคร รดิศเป็นคนหยิบยื่นความเมตตาให้เธอ ไม่เพียงให้ที่อยู่ที่กิน ยังให้เงินเดือนค่าใช้จ่ายแลกกับการทำงานบ้าน เป็นธุระปะปางเรื่องการรักษาจนพ่อเธอหายดี และยังช่วยให้ครอบครัวเธอพลิกฟื้นกลับมาดำเนินธุรกิจได้ดังเดิม ก่อนที่มันจะล้มอีกครั้ง และถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของรัชชัยเมื่อครึ่งปีที่แล้ว
“จำไม่ได้?” รดิศเลิกคิ้วย้อนถาม
ถ้าจำได้แล้วจะถามมั้ย?
“ค่ะ” โมฬีพยักหน้าเจื่อนๆ
เบื้องหลังยอกย้อน แต่เบื้องหน้าแสดงออกราวกับเป็นหมาน้อยเจี๋ยมเจี้ยม เธอรู้ซึ้งถึงฝีปากจัดจ้านของรดิศ เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาและไม่เคยชนะ ครั้งหนึ่งที่เธอเคยยืนท้าวสะเอวเถียงเขาคอเป็นเอ็น รดิศกระแทกจูบอันดุดันร้อนแรงบดขยี้ริมฝีปากเธอจนบวมเจ่อ กินของเผ็ดไม่ได้เป็นอาทิคตย์ หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่กล้าหืออีกเลย
“ลองคิดดูให้ดีๆ”