โมฬีน่าซีดลงทันตา เป็นอย่างที่เธอนึกกลัวจริงๆ ด้วย ในหัวผุดภาพขึ้นรางๆ เหมือนเธอจะพูดกับเขา ก่อนที่จะเมาพับหลับไปคาอกเขาว่า
“มาแต่งงานกันน้าค้าอาเล็ก อ้ายรัชชัยคนชั่วมานมาหลอกช้าน ช้านอยากแก้แค้นมาน ห้ายเป็นเมียน้อยบ้านแกสิ! ช้านจะเป็นคุณอาสวยเริ่ดเชิดหยิ่งขึ้นไปยืนเหยียบหัวแกห้ายดู เอิ๊ก...”
นี่เธอคายความลับออกไปมากเท่าไหร่เนี่ย?
โอ๊ยยย...อยากทุบตัวเองให้สมองกลับชะมัด!
“ฉันทำอะไรบ้าง” โมฬีถาม แต่แทบไม่อยากฟังคำตอบ
“จะให้เริ่มเล่าจากตรงไหนก่อนดีล่ะ” เขาย้อนถามยิ้มๆ เป็นยิ้มที่เจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดของคนเจ้าแผนการโดยแท้
ยังมีที่แย่กว่านี้อีกเหรอ?
สีหน้าคนฟังซีดแล้วซีดอีก อ้าปากอึกๆ อักๆ ไม่รู้จะถามจากตรงไหนก่อนดีอย่างที่เขาว่า รดิศจึงเป็นฝ่ายเฉลยให้เสียเอง
“เธอขอฉันแต่งงาน เธอจูบฉัน แล้วยังลวนลามฉันด้วย”
โมฬีเบิกตาโพลง อ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าไปได้ทั้งฝูง ใบหน้าที่ไร้สีเลือดพลันแดงซ่านด้วยความอับอายในวีรกรรมอันหาญกล้าของตัวเอง
นี่เธอเมาปลิ้นถึงกับปล้ำเขาเลยเหรอ?
โมฬีขมวดคิ้วครุ่นคิด แต่ว่าเค้นสมองจนหัวแทบระเบิดแล้วก็กลับไม่มีความทรงจำในส่วนนี้เลย
ไม่ถูกสิ...
โมฬีมองชายตรงหน้า สำรวจเรือนร่างเขาทุกซอกมุม บนอกเปลือยอวดมัดกล้ามและซิกซ์แพ็กแน่น ใต้เอวสอบที่มีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ห่อหุ้ม ถ้าหากว่าเธอปล้ำเขาอย่างที่พูดจริง มันก็ต้องทิ้งรอยเล็บรอยฟันเอาไว้บนเนื้อตัวขาวหยวกของเขาบ้างสิ แต่นี่กลับสะอาดเอี่ยมไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนสักรอยให้เห็น กลายเป็นตัวเธอเองเสียอีกที่เต็มไปด้วยรอยจ้ำคิสมาร์ก แถมสัมผัสอุ่นซ่านก็ยังไม่จางหาย ทำให้ใจเธอสั่นหวิวมาจนถึงตอนนี้
ดูจากสภาพแล้วไม่รู้ว่าใครปล้ำใครกันแน่?
หญิงสาวคิด แต่ไม่มีทางพูดเข้าเนื้อตัวเองเด็ดขาด เธอไม่อยากคิดถึงจูบแรกที่โดนเขาปล้นชิงไปอย่างอุกอาจอีก ก่อนจะเบี่ยงคำถามเป็นเชิงคาดคั้นและกล่าวหาเขาว่า
“แล้วทำไมฉันถึงอยู่ในสภาพนี้”
เธอโป้ล่อนจ้อนทั้งตัว ส่วนเขาก็แทบไม่ต่างกัน ดีกว่าเธอหน่อยที่ยังพอมีอะไรห่อหุ้มท่อนล่างไม่ให้อุจาดตา แต่อย่างไรชายหญิงที่อยู่ในห้องนอนกันสองต่อสอง สิ่งที่คิดได้ก็ช่างล่อแหลมและน่าบัดสี อดที่จะคิดดีไม่ได้เลยจริงๆ
“เธอนี่ไม่เคยจำความผิดของตัวเองได้เลยนะ” รดิศค้อนเธอ เสียงเข้มขึ้นอีกระดับ “เมื่อคืนเธออ้วกใส่กิ๊กฉันเต็มรัก แถมยังเผื่อแผ่มาถึงฉันด้วย ห้องฉันงี้คลุ้งกลิ่นเหล้าเธอเต็มไปหมด ฉันต้องวุ่นวายทำความสะอาดทั้งห้อง ทั้งเตียงและตัวเธอเกือบทั้งคืน เพิ่งจะได้นอนเมื่อตอนตีห้า จะเอาแรงที่ไหนไปเปลี่ยนเสื้อให้เธออีกล่ะ”
ก่อนจะเลิกคิ้วถามเธอว่า... อยากรู้อะไรอีกไหม?
โมฬียิ้มแห้งๆ แอบพึมพำคล้ายจะแย้งว่า
“ฉันจำได้ว่าเมื่อคืนนั่งดื่มกับเพื่อนอยู่ในผับนี่นา แล้วก็ไปหาผู้ชายหล่อๆ ที่ชื่ออาเล็ก เพื่อยั่ว...”
“ใช่ บังเอิญว่าเมื่อคืนฉันก็อยู่ที่ผับนั่นพอดี แล้วก็บังเอิญอีกที่ผู้ชายคนที่เธอตั้งใจจะยั่ว พยายามลากกลับบ้านไปให้ได้ก็คือฉันเอง”
“หา! คุณคือ...อาเล็ก!?” โมฬีร้องถามเสียงหลง
“อืม... ฉันนี่แหละอาเล็กของนายรัช แฟนเก่าที่เธออยากจะแก้แค้น”
น้ำเสียงเรียบตอบแบบหน้าตาย ทำเอาโมฬียกมือตบหน้าผาก ไม่อยากจะเชื่อทฤษฎีโลกกลมเลยจริงๆ เธออยากเอาคืนแฟนเก่า เลยคิดจะเข้าหาอาเขา แต่ใครจะรู้ล่ะว่า ‘อาเล็ก’ คนที่ว่าจะกลายเป็นสามีเก่าของเธอเสียได้
เธอโง่ถึงขนาดเดินมาจุดใต้ตำตอโดยไม่รู้ตัวเลยหรือนี่?
“คุณรู้จุดประสงค์ของฉันแล้ว” ถามไม่เต็มเสียงนัก
รดิศพยักหน้า ถึงโมฬีจะพูดจาสะเปะสะปะฟังไม่ได้ศัพท์ แต่เขาก็พอจับใจความสำคัญได้บ้างและคาดเดาเรื่องทั้งหมดได้อย่างไม่ยากเย็น บังเอิญคำขอของเธอสอดคล้องกับจุดประสงค์ของเขาพอดี นอกจากความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างพวกเขาแล้ว
แต่ยังมีอีกเรื่อง...
“ถ้าเธออยากแก้แค้น ฉันจะช่วย”
“หา!!” โมฬีมองหน้าเขาเหลอหลา ยกมือขยี้หูว่าไม่ได้ฟังผิดไป เรื่องราวพลิกผันไปในรูปการณ์ที่เธอไม่ได้คาดหมาย ภายในหัวตีกันให้วุ่น นึกสงสัยว่าเธอดื่มมากเกินไปจนยังไม่สร่างเมาใช่หรือไม่
รดิศเป็นญาติสนิทกับรัชชัย เขาควรจะเข้าข้างหรือปกป้องคนของเขาสิ อย่างน้อยที่สุดก็น้ำแผนร้ายของเธอไปบอกให้หลานชายรู้ แล้วทำไมถึงเห็นขี้ดีกว่าไส้ กลับมาช่วยเธอทำร้ายหลานตัวเองล่ะ...
“ฉันว่ามันแปลกๆ อยู่นะคะ ปกติมีใครที่ไหนช่วยคนนอกทำร้ายหลานตัวเองบ้าง”
“เรื่องนั้นเธอไม่จำเป็นต้องรู้ ถ้าเธออยากแต่งงานกับฉันอีกครั้ง พรุ่งนี้เตรียมเอกสารไปเจอกันที่เขต ตอนสิบโมงเช้า”
เขาสั่งการโดยไม่อธิบาย ก้าวลงจากเตียงยืนเต็มความสูง 185 เซนติเมตร หยิบผ้าขนหนูพาดบ่าเดินตรงไปยังห้องน้ำ
“ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง” โมฬีถามเขาหลังจากคิดไม่ตกอยู่นาน ไม่เข้าใจว่ารดิศทำแบบนี้ทำไม เขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ เธอควรไว้ใจเขาหรือไม่
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้ากระจกบานเลื่อนหันกลับมา กระตุกยิ้มในที
“ลองมาดู แล้วเธอก็จะรู้เอง” แล้วก็เข้าห้องน้ำไป ไม่เปิดโอกาสให้โมฬีได้ถามอะไรอีกเลย ซ้ำคำพูดทิ้งท้ายก็ยิ่งกำกวมมีเลศนัยจนเธอไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง