บทที่ 4 คุณจะต้องยกมือไหว้ฉัน! 1

1490 คำ
อาศัยช่วงที่รดิศอาบน้ำแอบย่องออกมา เพราะไม่รู้จะอยู่สู้หน้าเขาอย่างไรดี โมฬีก็เรียกแท็กซี่ให้มาส่งถึงหน้าคอนโดของจารวี โทร. เรียกให้เพื่อนลงมารับ แล้วทิ้งตัวนอนดิ่งลงบนโซฟาบุกำมะหยี่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง “เมื่อคืนเป็นไงมั่ง” แม่คนอยากรู้จนตัวสั่นรีบเข้ามาเขย่าแขนถามเธอด้วยความตื่นเต้น “จะยังไงล่ะ ฉันไปเจอตอเข้าจังๆ เลยน่ะสิ” “ตออะไรวะแก?” “ก็อาเล็กที่แกว่า ดันเป็นผัวเก่าของฉันเองน่ะสิ” “เฮ้ย! จริงดิ” จารวีกระโดดโหยง คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างนี้เกิดกับคนใกล้ตัว โลกเรากลมจนคนเดินชนกันถึงขนาดนี้เลยหรือ ผู้ชายที่ทางบ้านตั้งใจจะจับคู่ให้หล่อนกลายเป็นอาของรัชชัย ที่ตลกร้ายดันเป็นสามีเก่าของโมฬีอีก เรื่องมันจะอิรุงตุงนังเกินไปไหม? หล่อนกับลัลล์นลินรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของโมฬีดี โดยเฉพาะช่วงที่เพื่อนรักผ่านความยากลำบากที่สุดในชีวิต ก็มีพวกหล่อนสองคนนี่แหละคอยอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม โมฬีมักจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจและตัดสินใจแต่งงานลับๆ เพื่อพยุงฐานะครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤต พวกหล่อนเองก็ไม่รู้ว่าสามีโมฬีเป็นใคร อีกฝ่ายทำตัวลึกลับยังกับขอมดำดิน กระทั่งตอนที่เพื่อนประกาศว่า ‘โสด’ ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่าย “แล้วแกจะเอาไงต่อ” จารวีถามพลางหนักใจแทนเพื่อน โมฬีส่ายหัวช้าๆ “ไม่รู้ แต่คุณเล็กนัดให้ฉันไปสำนักเขตพรุ่งนี้ เพื่อจดทะเบียนกัน” “เขายอมช่วยแกเหรอ?” “ก็นั่นน่ะสิ ฉันเองยังแปลกใจ แกว่าเขาโกหกฉันรึเปล่า” จารวีนิ่วหน้า ลูบคางพลางใช้ความคิด “มีอยู่สองอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะเขายังไม่ลืมแก ก็เป็นเพราะเขาไม่ถูกกับหลานชายตัวเอง” “ข้อแรกน่ะตัดไปได้เลย เขาไม่มีทางชอบฉันเด็ดขาด ส่วนข้อสอง...” ข้อแรกโมฬีมั่นใจมาก เพราะรดิศสร้างกำแพงหนากั้นเธอเอาไว้ เขามักจะรักษาระยะห่างกับเธอดังเช่นที่เธอทำกับเขา และไม่เคยแตะต้องเธอตลอดที่ใช้ชีวิตร่วมกัน ส่วนข้อหลังเธอเว้นไว้ ไม่กล้าด่วนสรุป ด้วยยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของครอบครัววัฒนาโภคินดีพอ เอาจริงๆ คือไม่รู้อะไรเลยมากกว่า ขนาดรดิศกับรัชชัยใช้นามสกุลเดียวกัน เธอก็ยังไม่ทันเฉลียวใจเลย ทุกคราวที่เธอบินไปฝรั่งเศสกับรดิศ เธอได้พบเพียงหน้าพ่อแม่และพี่สาวของเขาเท่านั้น ญาติคนอื่นๆ ดูเหมือนจะไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่นั่น คุณดวงพรแม่ของเขาเคยเล่าให้ว่าลูกคนอื่นๆ ต่างก็แยกย้ายไปสร้างครอบครัวและธุรกิจการงานของตัวเองหมดแล้ว เหลือเพียงรงรองและรดิศที่เป็นลูกสาวลูกชายแท้ๆ ของท่าน ที่ยังดูแลพ่อแม่และกิจการใหญ่โตของครอบครัวที่ฝรั่เศส ตอนนั้นเธอเองก็ไม่ได้ซักถามอะไรมาก ท่านอยากพูดอยากเล่าอะไรก็เพียงยิ้มแล้วรับฟังผ่านๆ เพราะคิดว่าแค่ปีเดียวเธอกับเขาก็จะหย่า กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันเหมือนเดิม เธอมีหน้าที่เล่นละครเป็นภรรยาที่แสนดีช่วยไม่ให้เขาถูกจับคลุมถุงชนก็พอ เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องใส่ใจ “ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงอะแก ล้มเลิกดีมั้ย” โมฬีถอนหายใจหันไปขอคำปรึกษาเพื่อนรัก อีกฝ่ายยังไม่ทันขยับปาก เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้นระรัวราวกับคนกดกำลังร้อนใจ เธอมองตาจารวีแล้วเป็นอันรู้กัน ไม่ต้องส่องตาแมวก็รู้ว่าเขาที่อยู่หน้าประตูเป็นใคร มาที่นี่ด้วยเหตุอันใด “จะให้เปิดมั้ย” เจ้าของห้องถามเธอ โมฬีไม่อยากเจอเขา แต่เสียงกริ่งกลับยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนแสบแก้วหู เกรงใจทั้งเจ้าของห้องและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างห้อง เธอจึงพยักหน้าอย่างจำใจ “อืม...” พอจารวีเปิดประตู ร่างสูงสำรวยของรัชชัยก็ผลุบเข้ามา ก้าวพรวดขยับมานั่งข้างกายเธอทันที กุมมือเธอแน่นพลางเอ่ยว่า “โมฟังผมก่อนนะ เรื่องเมื่อวานผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ผมรักโมนะ ไม่เคยคิดที่จะเลิกกับคุณเลยแม้แต่ครั้งเดียว” โมฬีมองคนปลิ้นปล้อนแล้วเหยียดยิ้ม สะบัดมือออกอย่างไร้เยื่อใย “ขอโทษทำไม ในเมื่อคุณกับฉัน เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว” “โธ่...โม! คุณอย่าพูดอย่างนั้นสิ อย่างอนผมเลยนะ เราคืนดีกันเถอะ” รัชชัยชูนิ้วก้อย จับมือเธอขึ้นมาเพื่อเกี่ยวก้อยคืนดีกัน “เรื่องของเรามันจบไปแล้ว ไม่มีการคืนดีบ้าบออะไรทั้งนั้นแหละ” โมฬีเอ่ยเสียงเย็น ขืนมือกำหมัดแน่น ไม่ยอมให้เขาได้ทำตามใจ กระชากเสียงสั่งเขาอย่างไม่เกรงใจ “ปล่อย!” รัชชัยสีหน้าขุ่นจัดลงทันตา ถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ผมบอกคุณแล้วว่าจำเป็นต้องทำเพื่ออนาคตของเรา ผมอธิบายกับคุณไปหลายครั้งแล้วนะโม ทำไมคุณจะต้องหึงไม่เข้าท่า ทำให้เรื่องมันวุ่นวายด้วยล่ะ” “เพื่อเงินและอำนาจ คุณก็เลยเลือกที่จะทิ้งฉันไปง่ายๆ งั้นสิ” โมฬียิ้ม ทั้งสีหน้าแววตามีความดูถูกคนเคยรักอย่างชัดเจน แววตารัชชัยสลด ปวดใจไม่น้อยที่ทำร้ายเธอ แต่ถึงจะรู้สึกผิดมากแค่ไหน เขาก็ยังคงเลือกเส้นทางนี้อยู่ดี เพราะมันเป็นทางเดียวที่ทำให้เขามีโอกาสโค่นผู้เป็นอาได้สำเร็จ “มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ถึงจะแต่งงานไปแล้วผมก็ไม่คิดจะทิ้งคุณสักหน่อย เราก็ยังอยู่ด้วยกันได้เหมือนเดิม คุณยังสาว แค่รอผมสักสองสามปีมันไม่นานเกินไปหรอกนะ เชื่อสิว่าถึงตอนนั้นที่เราแต่งงานกัน ผมจะทำให้คุณเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดและมีความสุขมากกว่าผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้” โมฬีเบะปากกลอกตา ฟังผู้ชายที่พ่นน้ำลายแล้วช่างรู้สึกว่าไร้สาระเหลือเกิน เขาบอกให้เธอรอ วาดวิมานบนอากาศให้เธอฝันหวาน ขณะที่ตัวเองเสวยสุขกับผู้หญิงคนอื่นเนี่ยนะ เธอดูซื่อบื้อขนาดนั้นเลยรึไง? “รัชชัย...คุณรีบไปโรงพยาบาลเถอะ เพราะโรคเห็นแก่ตัวของคุณต้องรีบรักษาด่วน” คนที่ถูกตอกหน้าจังๆ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง ตะคอกกลับอย่างเหลืออด “โม! ทำไมคุณจะต้องทำตัวงี่เง่าเข้าใจยากด้วยหะ! คุณจะต้องให้ผมทำยังไง คุณถึงจะยอมเข้าใจฮึโม” “เชิญคุณไปสร้างอนาคตที่สวยหรูกับยัยคุณหนูคอกระเหรี่ยงนั่นเถอะ ฉันไม่สนใจ นั่นมันเรื่องของพวกคุณ เลิกกันแล้วก็เลิกไปดิ จะกลับมาวุ่นวายกับฉันอีก...เพื่อ?” “ก็ผมรักคุณ” เขาพูดอย่างอ่อนระอา “ฉันไม่ต้องการความรักที่ต่ำตมของคุณ กลับไปซะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก ไม่ยังงั้นฉันจะโทร. บอกให้ยัยคู่หมั้นคอกระเหรี่ยงมาลากตัวคุณกลับไป” โมฬีจ้องเขาตาแข็ง ปฏิเสธเสียงกร้าว รัชชัยเพียรตื๊อ อยากจะหว่านคำหวานเกลี้ยกล่อมแฟนสาวอีกหลายคำ เขาไม่เชื่อว่าโมฬีใจแข็งพอที่จะตัดเป็นตัดตายกับเขาได้ลงคอ แต่ก้างขวางคอชิ้นโตอย่างจารวีกลับเดินไปที่ประตู เปิดออกพร้อมกับ ‘ไล่’ แขกอย่างไม่ไว้หน้า “เชิญ!” เขาตวัดสายตามองหล่อนอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ที่นี่คือบ้านของจารวี หากเกิดอะไรรุนแรงขึ้นมาเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเต็มประตู ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาสำคัญที่เขาไม่สามารถให้เกิดข่าวอื้อฉาวแม้เพียงเล็กน้อยได้เลย รัชชัยกุมมือโมฬี ส่งสายตาหวานซึ้งมองสบดวงตาคู่โตเหมือนลูกพีช เขาจำต้องถอยเพราะรู้ว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะฟัง “ตอนนี้คุณยังอารมณ์ร้อนอยู่ ผมจะไม่ถือสา ไว้รอให้คุณใจเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยคุยกันอีกที ดูแลตัวเองดีๆ นะโม ผมเป็นห่วง” มือหนาบีบกระชับมือบาง ก่อนจะลุกขึ้นยืนอ้อยอิ่งมองคนที่สะบัดหน้าหนีไม่มองเขา แล้วจึงหักใจเดินจากไปพร้อมกับบานประตูที่ถูกกระแทกปิดไล่หลังดัง ‘ปัง’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม