ตอนที่ 1

1865 คำ
​ “ตอนนี้กิจการของเรากำลังอยู่ในขั้นวิกฤต ถ้าเดือนหน้าเราไม่มีเงินมาใช้หนี้และจ่ายเงินเดือนพนักงาน ก็เตรียมตัวถูกยึดทรัพย์สินทุกอย่างได้เลย” เกริกไกร เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตึงเครียดภายในห้องโถงนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่ที่มีภรรยาและลูกสาวนั่งฟังเรื่องสำคัญอยู่ด้วย เกริกไกรคือผู้นำตระกูล 'สิงหโภคิน' และเป็นประธานบริษัทปิโตเลียมขนส่งน้ำมัน บริษัทของเขามีมานานถึงสิบหกปี เกริกไกรเป็นทายาทรุ่นที่สอง อดีตกิจการของตระกูลรุ่งโรจน์และมีชื่อเสียงตั้งแต่ก่อตั้ง ทว่าหลังจากที่เขาได้เข้ารับตำแหน่งต่อจากบิดาและไม่นานบิดาก็เสียไป เหลือเพียงเกริกไกรที่ต้องรับช่วงดูแลทั้งที่เขาก็ไม่ได้มีความรู้หรือความสามารถด้านธุรกิจเท่ากับบิดาตัวเอง จึงทำให้พักหลังมานี้กิจการของตระกูลสิงหโภคินถดถอย ผลประกอบการตกลงเรื่อยๆ จนกระทั่งพอกพูนหนี้สินมาหลายปี ในที่สุดก็ถึงวันที่หมุนเงินไม่ทัน ไม่มีเงินใช้หนี้ ขาดทุนทุกไตรมาสและหนักถึงขั้นที่หยุดจ่ายเงินเดือนพนักงานจนตอนนี้เข้าเดือนที่สาม เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤต “แต่ยังโชคดีที่เราได้คุณคนนั้นยื่นข้อเสนอบางอย่างมาให้ ถ้าทำสำเร็จ หนี้สินก็จะมีทางออก และเรายังจะได้เงินลงทุนก้อนใหญ่มาหมุนต่ออีกด้วย” เกริกไกรเอ่ยจบก็ทำให้ภรรยาและลูกสาวมีใบหน้าที่โล่งอกขึ้น เพราะในความมืดมิดยังมีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามา โชคดีที่เกริกไกรไปรู้จักกับเจ้าพ่อมาเฟียคนหนึ่งผ่านเพื่อนอีกที เจ้าพ่อมาเฟียคนนั้นไม่สะดวกที่จะเปิดเผยชื่อกับเขา และเกริกไกรเองก็ยังไม่เคยเจอหน้ามาเฟียคนนั้นตัวเป็นๆ แค่คุยกันผ่านโทรศัพท์ เกริกไกรมักจะเรียกอีกฝ่ายว่า ‘คุณคนนั้น’ และล่าสุดที่ได้คุยกันก็คือคุณคนนั้นรู้ว่าเขากำลังร้อนเงินจำนวนมหาศาล อีกฝ่ายได้เสนอข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างมา แลกกับการที่เจ้าพ่อมาเฟียรวยล้นฟ้าจะใช้หนี้ทุกบาททุกสตางค์ แถมยังให้ทุนหมุนเวียนกิจการอีกหนึ่งก้อนเพื่อตั้งหลัก พูดง่ายๆ ก็คือเกริกไกรจะพ้นวิกฤตล้มละลายครั้งนี้แน่นอน หากเขาทำสำเร็จ “แล้วข้อแลกเปลี่ยนคืออะไรเหรอคะ?” พะแพง ลูกสาวคนเล็กของเกริกไกรถามขึ้น เจ้าของเส้นผมสีดำประบ่า ใบหน้าบึ้งตึงเจ้าอารมณ์ตามประสานิสัยส่วนตัวของเธอ และเมื่อรู้ว่าเงินทองที่เคยอู่ฟู่มีให้ใช้ไม่ขาดมือใกล้จะหมด ทำให้พะแพงไม่พอใจเป็นอย่างมาก “นั่นสิคะคุณ สิ่งตอบแทนมากมายขนาดนั้น เราต้องทำอะไรให้เขากันคะ” ชมนาด ภรรยาของเกริกไกรและเป็นมารดาของพะแพงก็ยิงคำถามสามีด้วยใบหน้ากังวล เพราะการที่เจ้าพ่อมาเฟียยื่นข้อเสนอพร้อมกับจะปลดหนี้ให้แถมยังให้เงินมาหมุนใช้อีกก้อนใหญ่ ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องเล็กๆ แน่นอน เกริกไกรได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออก เพราะสิ่งที่ต้องทำไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ “ข้อแลกเปลี่ยนก็คือ” “...” “เข้าไปล้วงความลับธุรกิจมืดของ เหมันต์ เดชราชันย์” “เหมันต์เหรอคะ!!” พะแพงโพล่งดังลั่น พร้อมกับชมนาดที่ยกมือปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ เพราะพวกเขาต่างรู้จักดี เหมันต์ เดชราชันย์ คือประธานบริษัทขนส่งน้ำมันคู่แข่งของพวกเขา ทว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของผู้ชายที่ชื่อเหมันต์ไม่ได้ขาวสะอาด อีกฝ่ายทำธุรกิจสีขาวบังหน้าก็จริง แต่มุมมือยังมีกิจการสีดำนอกเหนือกฎหมายอีกมากมาย และใครต่างก็รู้ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในประเทศ ทว่าไม่มีใครทำอะไรเหมันต์ได้ เขาคือหนึ่งในมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลอีกคนที่รวยล้นฟ้าและเลวทรามไม่ทำให้นิยามคำว่ามาเฟียลดน้อยลง เหมันต์เป็นคนที่โหดเหี้ยมและไม่เคยปราณีคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา เด็ดขาดและอำมหิต ขึ้นเป็นผู้นำองค์กรคุมลูกน้องนับพันชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย เหมันต์เป็นที่รู้จักของคนในวงการมาเฟียกันเองและวงการนักธุรกิจเกี่ยวกับค้าน้ำมัน ไม่มีใครไม่รู้จักความป่าเถื่อนไร้จริยะธรรมของเหมันต์ และตอนนี้เกริกไกรก็ได้รับข้อเสนอจากคุณคนนั้นที่เป็นมาเฟียไม่ประสงค์จะออกนาม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีคนอยากจะโค่นล้มเหมันต์อยู่ในมุมมืด “งานยากเลยนะคะ ลำพังพวกเราจะไปล้วงความลับอะไรจากเหมันต์ได้ แค่เข้าใกล้ยังยากเลย คุณต้องคิดดีๆ นะคะ” “นั่นสิคะคุณพ่อ แล้วนี่มันก็เรื่องใหญ่มาก คนที่จะไปทำแบบนั้นได้ เราต้องไว้ใจว่าจะไม่หักหลังเราทีหลัง ไม่อย่างนั้นถ้าเหมันต์รู้ตัวก่อน พวกเราตายกันหมดนี้แน่!” พะแพงหายใจแทบไม่ทั่วท้องเมื่อรู้ว่าครอบครัวมาถึงจุดนี้ และทุกอย่างที่พะแพงพูดมาก็ถูกทั้งหมด แม้ว่าเกริกไกรจะมีเพื่อนและลูกน้องที่ไว้ใจได้มากมายแค่ไหน แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่เข้าใครออกใคร กลายเป็นว่าเกริกไกรไม่กล้าไว้ใจใครเลย นอกจาก... “พวกเรานี่แหละ ต้องมีใครสักคนที่ต้องทำ” “แพงไม่ทำนะคะคุณพ่อ!” เกริกไกรรีบส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ถึงงานนี้จำเป็นจะต้องให้คนไม่คิดทรยศลงมือ แต่ยังไงพ่อก็ไม่ได้ให้แพงทำ ลูกไม่ต้องห่วง พ่อมีแผนอยู่แล้ว” สิ้นเสียงคำพูดของเกริกไกร ทุกคนก็มองไปทางเข้าของโถงห้องนั่งเล่น มีใครบางคนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก ก่อนจะปรากฏร่างบางที่สวยสง่า...เจ้าของใบหน้าหวานไร้ที่ติ ผิวขาวผ่องเนียนละเอียด เส้นผมยาวสลวยสีน้ำตาล ดวงตากลมโตหวาน จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบาง ร่างกายสมส่วนในชุดเดรสครีม ท่วงท่าอ่อนหวานทำให้พะแพงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบตึง คนที่พึ่งวิ่งเข้ามานั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามกับพะแพงพลางกวาดมองใบหน้าทุกคน ก่อนดวงตาคู่สวยจะหยุดที่น้องสาวไม่แท้ของตัวเอง “ทำไมถึงพึ่งกลับคะ?” พะแพงเป็นฝ่ายยิงคำถามกับคนมาใหม่ เธอมีสีหน้ารู้สึกผิดก่อนจะบอกเหตุผล “พี่หาร้านรองเท้าให้แพง พอดีห้างที่แพงบอกของหมด พี่เลยต้องขับรถไปอีกที่ ขากลับรถติดมากเลยกลับมาถึงช้า” ฟางข้าว เอ่ยขึ้นเพราะหลังจากที่พะแพงสั่งให้เธอไปหาซื้อรองเท้าแบรนด์ดังที่พึ่งออกคอลเลคชั่นใหม่เมื่อวาน แต่วันนี้ของก็หมดจนหายาก ทำให้ฟางข้าวต้องขับรถหาซื้อรองเท้าคู่นั้นให้น้องสาว และเธอมักจะถูกใช้ให้ทำอะไรแบบนี้อยู่เสมอ “แค่รองเท้าคู่เดียวต้องออกไปทั้งวันขนาดนี้เลยเหรอ ทำอะไรชักช้าทุกทีเลยนะพี่ข้าว พี่ไม่รู้เหรอว่าตอนนี้บ้านเรากำลังจะซวยน่ะ พี่ยังจะไปเถลไถลกลับช้าอีก” “เอาล่ะพะแพง เดี๋ยวพ่อพูดเอง” เกริกไกรปรามพะแพง ก่อนใบหน้าที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลามองไปยังลูกสาวบุญธรรมของตัวเอง ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าบิดาด้วยความสงสัย ถึงจะไม่ใช่พ่อแท้ แต่ฟางข้าวก็รักอีกฝ่ายเสมือนพ่อจริงๆ ฟางข้าวถูกเกริกไกรและชมนาดรับมาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้าตอนเธออายุเจ็ดขวบ ตอนนั้นพะแพงที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของทั้งคู่ก็อายุเจ็ดขวบเช่นกัน เด็กทั้งสองเกิดปีเดียวกันแต่ฟางข้าวเกิดต้นปีและพะแพงเกิดปลายปี มารดาสอนให้พะแพงเรียกฟางข้าวว่าพี่ และตอกย้ำฟางข้าวตลอดว่าพะแพงคือน้องสาว ฟางข้าวได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังโตในฐานะลูกสาวอีกคนของตระกูล คนภายนอกรับรู้ว่าฟางข้าวคือหนึ่งในลูกสาวอีกคนแม้จะเป็นเพียงลูกบุญธรรม ทว่าไม่มีใครรู้ว่าเธอก็ไม่ต่างจากคนรับใช้ประจำตัวของมิพะแพง ทายาทแท้ๆ เพียงคนเดียวของสิงหโภคิน แรกๆ ฟางข้าวถูกเลี้ยงอย่างดี ได้รับความรักจากบิดามารดา แต่ตลอดระยะเวลานั้นฟางข้าวจะถูกสอนเสมอว่าให้รักน้องสาวตราบเท่าชีวิตของตัวเอง ไม่ว่ายังไงพะแพงก็คือบุคคลเดียวที่ฟางข้าวจะต้องยอมให้ทุกอย่าง ฟางข้าวถูกสอนมาแบบนั้นเสมอมา ทว่าเมื่อโตขึ้น จากพี่สาวก็ค่อยๆ กลายเป็นคนดูแลหรือจะเรียกอีกอย่างว่าเบ้รับใช้ประจำตัวให้กับพะแพงลูกสาวแท้ๆ ของตระกูล และเธอก็มารู้ทีหลังว่าเหตุผลที่บิดามารดารับเธอมาเลี้ยง จงใจรับเด็กผู้หญิงที่มีอายุเท่ากันกับลูกสาวตัวเองก็เพราะอยากให้พะแพงมีคนสนิทที่คอยรับใช้ตั้งแต่เด็กไปยันโตและตลอดไป ฟางข้าวได้รับแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง สิ่งของมากมาย ได้เข้าเรียนโรงเรียนหรูและมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ เธอได้รับทุกอย่างที่พะแพงได้รับ และมักจะได้รับหลังจากที่พะแพงเบื่อแล้ว ฟางข้าวได้เรียนสาขาและคณะที่พะแพงอยากเรียน พูดง่ายๆ คือฟางข้าวได้ทำทุกอย่างที่พะแพงทำ แต่ไม่ใช่เพราะเธออยากทำ ฟางข้าวต้องทำเพราะต้องเป็นเงาของน้องสาวและตามติดอีกฝ่ายไปรับใช้ไม่ว่าพะแพงอยากจะให้ทำอะไรที่ไหนก็ตาม เธอไม่สามารถเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้ ไม่สามารถเลือกสาขาวิชาที่อยากเรียนได้ ไม่สามารถมีเพื่อน ไม่สามารถมีสังคมได้ ทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาที ฟางข้าวต้องอุทิศให้พะแพงทั้งสิ้น “แพงคิดออกแล้วค่ะ ให้พี่ข้าวทำสิคะคุณพ่อ ยังไงพี่ข้าวก็ไม่วันหักหลังเราแน่” “จริงค่ะคุณ ยังไงข้าวก็ไม่คิดจะทรยศผู้มีพระคุณหรอก” ชมนาดเอ่ยขึ้นสมทบพะแพง ฟางข้าวยังไม่เข้าใจสถานการณ์นัก แต่เธอก็พอจะรู้ว่าครั้งนี้คงเป็นเรื่องใหญ่...ไม่ใช่แค่คอยรับใช้พะแพง น้องสาวของเธอเหมือนที่ผ่านมา เกริกไกรมีสีหน้าเรียบเฉยเพราะตนได้คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้จะให้เป็นหน้าที่ของฟางข้าวลูกสาวบุญธรรม ทั้งที่รู้ว่าอันตรายมาก ทว่าความเห็นแก่ตัวของคนตระกูลนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่วันยันค่ำ หากต้องหาคนที่ไว้ใจได้ที่สุดในตอนนี้ และเชื่อฟังจนเชื่องไม่กล้าคิดตุกติก จะมีใครไปไม่ได้นอกจากฟางข้าว หัวหน้าครอบครัวอย่างเกริกไกรพ่นลมหายใจออกและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ฟางข้าว ตามพ่อมาที่ห้องทำงาน” ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม